xs
xsm
sm
md
lg

ครม.เบรกรถแอร์ 6 พันคัน "หมัก"อ้างข้อมูลยังไม่ครบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"หมัก"ถอยกรูด เบรกอนุมัติเช่ารถเอ็นจีวี 6,000 คัน ให้โยนเข้ากก.พัฒนาระบบขนส่งทางรางฯก่อน อ้างต้องดูตัวเลขให้รอบคอบ ยันเช่าดีกว่าผ่อนซื้อ 4 ปี ตอกย้ำขสมก.มีทุจริตมากซื้อมีปัญหาซ่อมบำรุงแน่ ตั้งเป้าชงครม.อีก24 มิ.ย. "สันติ"อ้างไม่ได้หนีอภิปราย ยันโครงการนี้โปร่งใส ตอบได้ทุกคำถาม ด้านสหภาพฯ สงสัยเร่งรัดจัดหา แฉขสมก.ยังไร้แผนดูแลพนักงานหลังฟื้นฟู ขณะที่ครม. เห็นชอบขยายค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสีม่วงอีก 4,838 ล้านบาทเป็น 36,055 ล้านบาท เปิดทางทำราคากลางก่อนประมูล 45 วันเพื่อสอดคล้องสภาพต้นทุนจริง ด้าน"แท็กซี่" จ่อปรับขึ้นค่าโดยสาร 12-14 % รอคมนาคมเห็นชอบ ขบ. เตรียมคุมกำเนิดรถแท็กซี่ เพื่อความเหมาะสม

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคมเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี วานนี้ (17 มิ.ย.) ว่า ที่ประชุมครม.ยังไม่พิจารณาโครงการเช่ารถปรับอากาศ เอ็นจีวี 6,000 คัน ซึ่งอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต้องการให้คณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชนที่มี นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณารายละเอียดโครงการทั้งหมดเพื่อความรอบคอบก่อน จากนั้นค่อยนำเสนอครม.พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ นายสันติ ยืนยันว่า การที่ ครม.ยังไม่พิจารณาโครงการในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่วางใจ แน่นอน เพราะการเช่ารถเอ็นจีวี 6,000 คันของขสมก.เป็นโครงการที่มีความโปร่งใส 100% และสามารถชี้แจงกับฝ่ายค้านได้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องหนีการอภิปราย แต่การให้คณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางฯพิจารณารายละเอียดและตัวเลขอีกครั้งเพื่อต้องการให้เกิดความรอบคอบก่อนตัดสินใจ

"โครงการนี้มีข่าวว่า ล็อกสเปก มีนักวิชาการ ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลแสดงความห่วงใยกันมาก ท่านนายกฯ จึงอยากไปให้ดูตัวเลขที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบอีกครั้ง เพราะ ตัวเลขจะตอบเรื่องความโปร่งใสได้ เดี๋ยวจะถูกหาว่า พวกมากลากไป" รมว.คมนาคมกล่าว

นายสันติกล่าวด้วยว่า วิธีการเช่ายังเป็นวิธีที่เหมาะสมมากกว่าการซื้อ และนายกฯไม่ได้พูดถึงเรื่องการซื้อ ซึ่งในหลักการซื้อก็มีประสิทธิภาพแต่ปัญหาคือ ไม่มีเจ้าภาพที่จะดูแลรายละเอียด หลังการซื้อแล้ว ทำให้เมื่อซื้อรถเข้ามาแล้วประสิทธิภาพในการบริหารจัดการไม่เต็มที่ ซึ่งเป็นปัญหาของขสมก.ในปัจจุบัน ที่มีรถ 6,000-7,000 คัน แต่ใช้ได้เพียง 3,000 คันเท่านั้น ที่เหลือจอดใช้งานไม่ได้และไม่มีใครรับผิดชอบ แต่การเช่าจะรับประกันว่า รถทั้ง 6,000 คัน จะสามารถวิ่งได้ทุกวัน

สำหรับการดูแลพนักงานหลังฟื้นฟูกิจการ ขสมก.และรูปแบบการบริหาร ขสมก.นั้น นายสันติ กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้ลงไปในรายละเอียด โดยในแผนฟื้นฟูนั้นพนักงาน ขสมก.จะต้องเข้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด(Early Retry) ซึ่งนอกจากได้รับเงินแล้วยังจะได้รับการดูแลในการทำงานต่อด้วย ซึ่งได้ให้นโยบายกับนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคม จัดโครงการฝึกอบรมพนักงานที่ต้องการเป็นคนขับรถ เอ็นจีวี 6,000 คัน ด้วย เป็นต้น ซึ่งตรงนี้เป็นรายละเอียดที่ ขสมก.ต้องทำออกมา

พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เห็นว่า ก่อนที่จะได้มีการพิจารณาโครงการเช่ารถเอ็นจีวี ของ ขสมก. 6,000 คัน ควรให้กระทรวงคมนาคมนำเรื่องดังกล่าวพร้อมทั้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องรวมทั้งขั้นตอนการประกวดราคาที่โปร่งใส และตรวจสอบได้เสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและระบบขนส่งมวลชนพิจารณาก่อน รวมทั้งให้นำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ สำนักงบประมาณ ไปประกอบการพิจารณา และนำเสนอต่อครม.ในโอกาสต่อไป

"ครม.เห็นว่าให้ทำรายละเอียดทั้งหมดให้ชัดเจนโปร่งใส โดยประสานกับหน่วยงานต่างๆ ทุกขั้นตอน ทีโออาร์ทั้งหมดจนกระทั่งถึงขั้นตอนของการประกวดราคาในการเสนอทั้งหมด ให้โปร่งใสและให้ทุกหน่วยงานสามารถตรวจสอบได้ และในรายละเอียดต้องตอบทุกคำถามได้ของผู้ที่มีความสงสัยในเรื่องนี้" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

ด้านนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคม กล่าวว่า หลังจากฝ่ายค้านตั้งเป้าจะนำเรื่องการเช่ารถเอ็นจีวี 6,000 คันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีจึงให้ถอนเรื่องดังกล่าว เพราะต้องการให้กลับไปดูในหลายเรื่องในการแก้ไข ขสมก. ทั้งภาระหนี้ แผนการฟื้นฟู โดยต้องนำกลับไปหารือในคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล

หมัก ยันเช่ายังไงก็ดีกว่าผ่อนซื้อ 4 ปี

แหล่งข่าวที่ประชุม ครม.กล่าวว่า นายกฯ ได้กำชับเรื่องนี้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไปพิจารณาเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าข้อมูลยังไม่ครบวงจรทั้งโครงการ สัญญา และ กระบวนการที่จะต้องทำให้โปร่งใส ซึ่งนายกฯ ยืนยันว่าจะใช้วิธีเช่า 10 ปี เพราะเห็นว่าการผ่อนซื้อขาด 4 ปีนั้น ภาครัฐจะพบปัญหารถเสียสูง 30% ที่จะต้องซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่บ่อยครั้ง ที่สำคัญมีการทุจริตต่างๆ มากมาย เช่น ตั๋ว และการลักลอบขโมยน้ำมัน โดยจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณา ครม.อีกครั้ง ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้

"ในการดำเนินนโยบายดังกล่าวนายกฯ ไม่ได้วิตกกังวลจะถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือ หวั่นเกรงว่าจะซ้ำรอยกรณีรถดับเพลิงแต่อย่างใด" แหล่งข่าวกล่าว

ขสมก.ชี้แผนบริหารหลังฟื้นฟูยังไม่ชัด

แหล่งข่าวจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ขสมก.กล่าวว่า ที่ผ่านมา สหภาพฯ ได้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการดูแลพนักงานหลังการฟื้นฟู ขสมก.แต่ ผู้บริหาร ขสมก.ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้ มีเพียงคำตอบปากเปล่า ไม่มีแผนใดๆที่แสดงให้พนักงานมั่นใจว่า จะได้รับการดูแลและไม่ตกงาน ซึ่งยิ่งแสดงเห็นว่า เป็นการเร่งรัดเพื่อจัดหารถเข้ามาโดยไม่สนใจเรื่องการบริหารจัดการและพนักงานขสมก. โดยปัจจุบัน ขสมก.มีพนักงานรวม 16,992 คน แบ่งเป็นพนักงานขับรถจำนวน 7,069 คน พนักงานเก็บค่าโดยสาร จำนวน 7,241 คน พนักงานประจำตามสำนักงานเขตเดินรถ จำนวน 2,682คน

เห็นชอบขยายค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสีม่วง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ครม.ได้อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สำหรับการก่อสร้างระบบโยธาจาก 31,217 ล้านบาท เป็น 36,055 ล้านบาท และปรับเพิ่มค่าจ้างที่ปรึกษาจาก 1,248 ล้านบาท เป็น 1,296 ล้านบาท โดยให้ใช้ดัชนีค่าก่อสร้างเพื่อคำนวณต้นทุนการก่อสร้างให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยการปรับเพิ่มวงเงินก่อสร้างดังกล่าว เนื่องจากต้นทุนค่าวัสดุทั้งอิฐ หิน ปูน ทราย เหล็กเส้นต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น

นายสันติ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า การปรับเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และจะทำให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงเดินหน้า และเพื่อความยุติธรรมในการกำหนดราคากลางที่เหมาะสมและเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ครม.อนุมัติในส่วนของการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ต่อจากนี้ในการคำนวนราคากลางให้อิงกับวิธีของสายสีม่วงได้เลย ซึ่งให้กำหนดราคากลางก่อนการเปิดประกวดราคาไม่เกิน 45 วัน เพื่อให้ราคากลางใกล้เคียงกับต้นทุนการก่อสร้างในขณะนั้นมากที่สุด ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณและกระทรวงคมนาคม

“แท็กซี่” จ่อปรับขึ้นค่าโดยสาร 12-14 %

นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ส่งหนังสือเพื่อพิจารณาการปรับอัตราค่าโดยสารรถยนต์โดยสารสาธารณะ (แท็กซี่) ต่อนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม แล้ว โดยจะปรับค่าโดยสารเพิ่มขึ้น 12-14 % ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม หาก รมช.คมนาคม เห็นชอบก็สามารถประกาศบังคับใช้ได้ทันที

ยังไม่พิจารณาขึ้นค่ารถร่วม บขส.

ส่วนกรณีที่นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว นายกสมาคมรถยนต์โดยสาร ยื่นข้อเรียกร้องขอปรับราคาค่าโดยสารรถร่วมบริการของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) อีก 9 สตางค์ต่อกิโลเมตร เพื่อรองรับราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องนั้นนายปิยะพันธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางวานนี้ (17 มิ.ย.) ยังไม่ได้พิจารณา เนื่องจากตามขั้นตอน กรมการขนส่งทางบกในฐานะ เลขานุการของคณะกรรมการฯ จะต้องพิจารณาข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการก่อนและเสนอต่อคณะกรรมการฯ โดยส่วนตัวเห็นว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบการเพิ่งได้รับประโยชน์ภายหลังศาลปกครองได้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองให้สามารถปรับค่าธรรมเนียมได้ การเรียกร้องขอปรับราคาขณะนี้จึงถือว่าเร็วเกินไป

ด้าน นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ รักษาการ อธิบดี ขบ. กล่าวว่า หลังจากที่คณะทำงานพิจารณาการกำหนอัตราค่าโดยสารของรถแท็กซี่ ได้เห็นชอบแนวทางให้ผู้ประกอบการ สามารถปรับราคาในอัตราใหม่ คือ 1 กม.แรก 35 บาท และเพิ่มอีก 50 สตางค์ทุกกิโลเมตร และได้นำเสนอต่อ รมช.คมนาคม แล้ว เชื่อว่า ภายใน 1-2 วันนี้กระทรวงคมนาคม จะมีประกาศกฎกระทรวง ให้ผู้ประกอบการสามารถจัดเก็บค่าโดยสารอัตราใหม่ได้

อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราใหม่นั้น ผู้ประกอบการทุกราย จะต้องนำรถไปปรับเปลี่ยน หรือตั้งค่ามิเตอร์เพื่อให้เป็นไปตามอัตราใหม่ โดยขบ. ได้เตรียมอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากผู้ประกอบมีการปรับเปลี่ยนการตั้งค่ามิเตอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ของกรมฯจะดำเนินการตรวจสอบ หากเป็นไปตามมาตรฐาน และกฎหมายกำหนด ก็จะมีผลให้ไปสามารถวิ่งให้บริการ จัดเก็บค่าโดยสารในอัตราใหม่ได้

นอกจากนี้ ในอนาคต ขบ .มีแนวคิดที่จะคุมกำเนิดปริมาณรถแท็กซี่ เพื่อให้มีปริมาณเหมะสม ช่วยให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยหลังจากนี้ ขบ. จะมีการว่าจ้าง บริษัทที่ปรึกษา เข้ามาศึกษาว่า จำนวนรถแท็กซี่ที่เหมาะสมในระบบ ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ควรมีปริมาณเท่าใด โดยปัจจุบัน มีรถแท็กซี่ จดทะเบียนในระบบ กว่า90,000 คัน แต่มีรถแท็กซี่วิ่งให้บริการ และเข้ามาต่อทะเบียนภาษี ประมาณ 65,000 คัน
กำลังโหลดความคิดเห็น