xs
xsm
sm
md
lg

หุ่นเชิดแก้น้ำมันแพงเหลว E-85 แหกตาประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – จวกนโยบายแก้น้ำมันแพงรัฐบาลหุ่นเชิดบ้อท่า นักวิชาการน้ำมันซัดกระทรวงพลังงานไม่จริงใจแก้ไขปัญหา ลั่นปตท.ได้กำไรมากเกินไป ฟันธงลดอีกลิตรละ 4 บาทยังมีกำไร ด้านมูลนิธิผู้บริโภคแฉรัฐไร้กลไกควบคุมราคา มัวแต่ท่องคาถาเป็นไปตามภาวะตลาดโลก บี้รัฐบาลซื้อปตท.คืน พร้อมชำแหละการโฆษณา E-85 พูดแบบขอไปที ชี้อีกนานกว่าจะเอามาใช้ได้ เนื่องจากปั๊มโคตรหายาก

แทบจะเป็นฝันร้ายในยามตื่นนอนของประชาชนตาดำๆ ที่จำต้องใช้รถใช้น้ำมันกันอย่างถ้วนทั่ว เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นรายวันชนิด “ทุบสถิติแพง” กันทุกเช้าเลยทีเดียว ทำให้หลายคนเกิดอาการกังขาต่อนโยบายการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ตลอดจนความจริงใจของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกนอมินี “สมัคร สุนทรเวช” ว่ามีความจริงใจการการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในภาวะน้ำมันแพงมากน้อยเพียงใด

ดร.วุฒิชัย นีรนาทวงศ์ ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันวิเคราะห์นโยบายที่เกิดขึ้นว่า สถานการณ์การได้กำไรจากการขายน้ำมันของบริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) ในขณะนี้ กำลังอยู่ในภาวะ “ได้กำไรมากเกินไป” ที่สำคัญคือ กำไรที่ปตท.ได้ ก็คือเงินของประชาชน

ทั้งนี้ ในอดีต ปตท.และโรงกลั่นอีก 7 โรงมีกำไรประมาณปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท แต่ปัจจุบันหลังการแปรรูปปตท.ของประชาชนให้กลายเป็นบริษัทจำกัดมหาชนในกำมือของผู้ถือหุ้นเพียงกลุ่มเดียวนั้น ปรากฏว่ากำไรสุทธิที่ปตท.ได้จากประชาชนทวีมากขึ้นถึง 9 เท่า กล่าวคือ มีกำไรอยู่ที่ 1.5 -1.6 แสนล้านบาท

“เรื่องราคาน้ำมันดิบโลกผันผวนเป็นปัจจัยที่เราเข้าไปทำอะไรยาก แต่ปัญหาขณะนี้ก็คือ ปตท.ได้กำไรมากไป คิดดูว่าน้ำมันดิบราคาบาห์เรลละ 130 – 140 เหรียญ คิดเป็นลิตรก็ราคาลิตรละประมาณ 27 บาท และแม้ว่ามันจะมีภาษี แต่การตั้งราคาสูงและปรับขึ้นราคาถึง 40 บาทนั้นเป็นการทำกำไรที่มากเกินไป”

“กำไรเยอะแบบนี้ก็มีการคุยกันว่า ปตท.ควรจะลดเท่าไหร่ คือลดให้มีกำไร แต่ไม่ได้มากขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ก็คิดว่าอยู่ที่ประมาณ 3 บาท แต่ตอนนี้ขึ้นเป็นลิตรละ 40 บาทน่าจะลดได้ลิตรละประมาณ 4 บาท”

ดร.วุฒิชัยกล่าวต่อว่ากระทรวงพลังงานยุคนี้ในรัฐบาลนอมินีแสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาราคาน้ำมัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเมื่อเดือนที่แล้ว (พ.ค.51) ราคาน้ำมันถีบตัวสูงหวิดจะแตะ 40 บาท เสียงของประชาชนที่เดือดร้อนราคาน้ำมันเรื่องดังมากขึ้น บทสนทนาเริ่มเปลี่ยนจากการบ่นถึงน้ำมันแพง ไปเป็นการถามหานโยบายแก้ไขจากภาครัฐ ทำให้กระทรวงพลังงาน โดยพล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ จำต้องออกมาให้ข่าวต่อสื่อมวลชน เพื่อโชว์ให้เห็นถึงการแก้ไขของรัฐบาล

“รัฐมนตรีว่าการฯ บอกว่าจะไปทำความตกลงกับโรงกลั่นน้ำมันว่า จะขอให้ลดราคาน้ำมันดีเซลหน้าโรงกลั่น 1 บาทต่อ 1 ลิตร ในทุกๆ ลิตร คิดคร่าวๆ ว่า ถ้าลดราคา 1 บาทต่อลิตร ใน 1 ปี จะลดราคารวม 20,000 ล้านบาท สุดท้ายก็มีการตกลงกันระหว่างโรงกลั่นกับรัฐมนตรีฯ โดยจะปรับลดให้ลิตรละ 3 บาท แต่ให้ระยะเวลาการลดเพียง 6 เดือน และให้โควตาน้ำมันลดราคาเพียงเดือนละ 120 ล้านลิตรเท่านั้น"

“เดือนละ 120 ล้านลิตร คิดเป็นเงินก็ 360 ล้านบาท ระยะเวลา6 เดือนก็เพียง 720 ล้านลิตร เท่ากับ 2,160 ล้านบาท ในขณะที่พูดเอาไว้กับประชาชนว่าจะลดให้ 1 บาทต่อลิตร ลดแค่นี้มาลดทำไม ลดแล้วไม่ได้ประโยชน์ ลดแค่นี้มันแก้ไม่ได้ นี่ก็เห็นชัดๆ แล้วว่านโยบายการแก้ไขปัญหาน้ำมันแพงของรัฐบาลเป็นอย่างไร และจริงใจแค่ไหน ประชาชนก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางกับการตกลงในครั้งนี้ คือทำให้เห็นแค่ว่า ทำแล้วนะ แก้ปัญหาให้แล้วนะ”

ดร.วุฒิชัยได้เปรียบเทียบสถานการณ์ราคาน้ำมันของแต่ละประเทศในโลกว่า ในยุโรปมีเรื่องของภาษี ทำให้คนในยุโรปใช้น้ำมันในราคาแพงกว่าคนไทย แต่ข้อดีของการบริหารจัดของประเทศทางฝั่งยุโรปก็คือ หน่วยงานที่ดูแลเรื่องพลังงานเป็นหน่วยงานของรัฐที่จะคืนผลกำไรที่ได้กลับสู่ประชาชน และคนที่นั่นเขายินดี เพราะเมื่อจ่ายไป เงินกำไรส่วนหนึ่งที่จะคืนมาสู่เขาในรูปแบบการบริการสาธารณะอื่นๆ ที่มีประโยชน์

แต่สำหรับประเทศไทย ประเทศชาติไม่ได้ได้อะไรจากการที่ประชาชนต้องจ่ายค่าน้ำมันแพง คนที่ได้คือผู้ถือหุ้นปตท. ซึ่งเป็นคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้กลุ่มเดียวที่ได้ประโยชน์ นี่คือผลจากการแปรรูปที่นโยบายหลักของบริษัท ก็คือการแสวงหากำไรสุทธิให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้ผู้ที่ถือหุ้นไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนคนที่จ่ายเพื่อให้บริษัทนั้นได้กำไร ก็คือประชาชน

“ยังแก้ได้ ถ้ามีความจริงใจที่จะแก้ อย่าบอกว่าแทรกแซงราคาน้ำมันไม่ได้ ก็ในเมื่อรัฐบาลยังแทรกแซงราคาข้าว ราคาน้ำมันปาล์ม แล้วทำไมจะแทรกแซงเบนซินกับดีเซลไม่ได้ ถ้ารัฐบาลตั้งใจจะทำจริงๆ” ดร.วุฒิชัยกล่าว

ด้านน.ส.สารี อ๋องสมหวัง ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ภายหลังการแปรรูปปตท.ประชาชนคนไทยต้องรับภาระที่หนักมากจากการดีดตัวของราคาค่าน้ำมัน และจนขณะนี้ยังไม่มีกลไกใดๆ จากภาครัฐ ที่จะเข้ามาควบคุมราคา เว้นแต่จ้องจะปรับเปลี่ยนไปให้เป็นไปตามตลาดโลก

“ในความเป็นจริงแล้วน้ำมันในประเทศของเรามีสต็อกไว้สามเดือน แต่ทำไมปตท.ถึงปรับขึ้นตามตลาดโลกแบบวันต่อวัน”

น.ส.สารียังได้กล่าวถึงข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาน้ำมัน ที่ต้องอาศัยความจริงใจจากรัฐบาลอย่างยิ่งยวดว่า ขอให้รัฐบาลซื้อปตท.คืน และแปรรูปกลับจากบริษัทมหาชน มาเป็นของรัฐบาลเหมือนเดิม

“ข้อเสนอของเราคือให้รัฐบาลซื้อปตท.กลับมา แม้ว่าราคาจะแพง แต่ว่ายังไงก็ได้กำไร ขณะนี้ปตท.กำไรปีละแสนกว่าล้าน ถ้าเราซื้อคืนในราคา 2-3แสนล้าน รัฐบริหารไม่กี่ปีก็คืนทุน เรื่องนี้รัฐต้องให้ความสำคัญกับปัญหาที่ประชาชนจำนวนมากของประเทศกำลังเดือดร้อนอยู่” น.ส.สารีกล่าว

**จวก E85 พูดแบบขอไปที
ดร.วุฒิชัย กล่าวต่อว่า ในระยะหลังมีการโฆษณาเกี่ยวกับเชื้อเพลิงที่ผสมเอธานอลถึง85% หรือ E85 ว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลแก้ปัญหาแบบพูดขอไปทีเพราะอีกนานกว่าจะเอามาใช้ได้ เนื่องจากสถานบริการน้ำมันที่จำหน่ายเชื้อเพลิงชนิดนี้ก็หายากจนแทบไม่มีเลย แถมยังไม่มีการออกมาระบุให้ชัดเจนว่าเหมาะกับประเทศไทยหรือไม่

ขณะที่ในเรื่องของเครื่องยนต์เองก็จำเป็นต้องปรับให้รองรับ ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างไกลและต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ว่าจะได้ข้อสรุป แต่นี่เล่นโหมโฆษณา ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาด้วยการพูดและการโฆษณาว่าทำแล้วนะ เป็นเรื่องของน้ำจิ้มมากว่า

“ขณะนี้เกษียณมาได้พักใหญ่แล้ว ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า ขอให้รัฐบาลดูแลประชาชนอย่างจริงใจ เพราะขณะนี้รัฐบาลไม่ได้ดูแลประชาชนเลย ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเรื่องปัญหาน้ำมันแพง ไปไหนก็มีแต่เสียงบ่น เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นนานแล้ว แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีท่าทีจะทำอะไร”ดร.วุฒิชัยกล่าว

ด้านน.ส.สารีให้ความเห็นว่า ในกรณีของการโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้น้ำมัน E-85 นั้น เป็นเรื่องที่ชวนสับสนยิ่ง เพราะจนกระทั่งตอนนี้ ยังไม่เห็นนักวิชาการคนไหนออกมาให้รายละเอียดเลยว่า E-85 คืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไร เหมาะกับบ้านเราอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าผู้บริโภคจำนวนมากก็ยังไม่ทราบ
กำลังโหลดความคิดเห็น