เฮ! กรมประชาฯ ลงนามประกาศ 2 ฉบับ จัดเรตติ้งรายการทีวีเป็นช่วงเวลา แถมด้วยประกาศคุมโฆษณาขนมเด็กหลอกล่อเด็ก มีผลบังคับใช้ 19 ก.พ.นี้ เครือข่ายผู้บริโภควอนให้ประกาศนี้อยู่ต่อไปในรัฐบาลหน้า
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่กรมประชาสัมพันธ์ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิผู้บริโภค ได้นำเครือข่ายผู้บริโภค และเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กว่า 50 คน เข้าพบนายบวร เตชะอินทร์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ เพื่อขอขอบคุณ นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ลงนามในประกาศเรื่องการจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์และประกาศเรื่องหลักเกณฑ์และระยะเวลาสำหรับการโฆษณาและบริการธุรกิจที่มีผลกระทบต่อเด็กทางสถานีวิทยุโทรทัศน์
น.ส.สารี กล่าวว่า ประกาศการจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์มีความสำคัญที่ทำให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ที่มีการจัดเรตติ้งต่างมีรายละเอียดว่า รายการเหล่านั้นเป็นอย่างไร อีกทั้งยังมีช่วงเวลาที่เหมาะสมของรายการแต่ละประเภท อาทิ รายการประเภท “ป” รายการสำหรับเด็กปฐมวัย 3-5 ปี และ “ด” เด็ก 6-12 ปี ในประกาศฉบับนี้ได้ระบุว่าเหมาะสมกับช่วงเวลา 16.00-20.30 น. ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีความชัดเจนเช่นนี้ อีกทั้งผู้ชมจะเป็นหูเป็นตาว่า เรตติ้งที่กำหนดขึ้นมานั้นเหมาะสมกับเนื้อหาและช่วงเวลาที่ออกอากาศอยู่หรือไม่
น.ส.สารี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในส่วนของประกาศเรื่องหลักเกณฑ์และระยะเวลาสำหรับการโฆษณาและบริการธุรกิจที่มีผลกระทบต่อเด็กทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งหัวใจหลัก คือ การกำหนดการโฆษณาขนมเด็กได้ไม่เกิน 12 นาทีต่อชั่วโมง ในจำนวนนี้โฆษณาขนมได้ไม่เกิน 10 นาที และต้องเป็นสินค้าชนิดเดียวกันได้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อชั่วโมง หรือ 2 ครั้งต่อครึ่งชั่วโมง และต้องมีการโฆษณาที่เป็นประโยชน์ ส่งเสริมสุขภาพของเด็กอีก 2 นาที รวมถึงห้ามมีพรีเซนเตอร์ที่เป็นตัวการ์ตูนบุคคลที่เด็กรู้จักเป็นอย่างดี และห้ามมีของแจกแถมด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมีประโยชน์มากๆ
“หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามารับตำแหน่งจะดำเนินการตามประกาศทั้ง 2 ฉบับนี้อย่างต่อเนื่อง โดยจะไม่ยกเลิกประกาศที่มีประโยชน์เช่นนี้ และหลังจากนี้คณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การโฆษณาที่มีผลต่อเด็กและเยาวชนทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์จะมีการประเมินผลต่อไปซึ่งในเครือข่ายทั้งหลายจะเฝ้าติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิดต่อไป” น.ส.สารี กล่าว
ด้านนายชาญไชย วิกรวงษ์วนิช เลขานุการเครือข่ายครอบครัวฯ กล่าวว่า เครือข่ายฯขอขอบคุณนายปราโมช ที่ได้ดำเนินการออกประกาศทั้ง 2 ฉบับนี้ จะเป็นการส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน ครอบครัว และสังคมได้ชมรายการโทรทัศน์มีคุณค่าต่อการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตของพวกเขา ซึ่งถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก และถือว่าเป็นการช่วยกันปกป้องให้เด็กเหล่านี้ได้รับสื่อที่เหมาะสม ทั้งนี้ประกาศฉบับดังกล่าว เป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ของเด็ก และปกป้องเด็กและเยาวชนจากการบริโภคสื่อที่ไม่เหมาะสมด้วย
ขณะที่ นายบวร เตชะอินทร์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ กล่าวว่า ความจริงที่การดำเนินการของกรมประชาสัมพันธ์ล่าช้า ก็เพื่อความรอบครอบ จึงได้สอบถามข้อกฎหมายไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่เมื่อสำนักงานกฤษฎีกาตอบกลับว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องนั้นก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ และหวังว่าประกาศของประกาศทั้ง 2 ฉบับนี้จะเป็นประโยชน์กับสังคมต่อไป และหวังเช่นเดียวกับภาคประชาชนว่าประกาศทั้งคู่นี้จะอยู่ต่อไป
“ประกาศทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ภายใน 30 วัน ซึ่งนายปราโมชได้ลงนามวันที่ 18 ม.ค.เท่ากับว่า จะมีผลบังคับใช้วันที่ 19 ก.พ.นี้ หากมีการฝ่าฝืนเพียงแต่การตักเตือนและส่งหนังสือเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร หรืออย่างมากก็เพียงการให้รายการดังกล่าวงดแพร่ภาพ คงไม่ถึงขั้นโทษปรับหรือจำคุก เพราะที่ผ่านมาเพียงทำหนังสือไปถึงผู้อำนวยการสถานีก็ให้ความร่วมมืออย่างดีแล้ว”นายบวร กล่าว
