มิ่ง"ไม่สน"หมัก" กดดันสั่งตั้งกก.ตรวจสอบข้าวในสต็อก ท้าตรวจได้ตามใจชอบ ยันข้าวทุกเม็ดยังอยู่ครบ 2.1 ล้านตัน ยอมรับแม้จะคุมเข้ม แต่ข้าวอาจหายได้ เพราะราคาจูงใจให้โกง ส่วนข้าวจีทูจีฟิลิปปินส์ ขอทบทวนก่อน ทันควัน"พาณิชย์" โดนลูบคม โรงสีอยุธยา ขโมยข้าว 140 ตันไปขาย"ยรรยง" ดับเคลื่อนชน ปูดมีใบสั่งให้ทำเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กก.ตรวจข้าว ของสำนักนายกฯ แฉข้าวหายจับตาคนพาณิชย์พัวพัน
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี สั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสต็อกข้าวตามโครงการรับจำนำของรัฐบาล ว่า ไม่รู้สึกกดดัน และยังเห็นด้วยกับการตั้งคณะกก.เข้ามาตรวจสอบ เพราะจะได้ช่วยกันดูแล แม้ว่าที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ จะมีการตั้งคณะทำงานออกไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม การได้คนมาช่วยตรวจสอบ ยิ่งจะเป็นผลดี
"ผลการตรวจสอบสต็อกข้าว จนถึงวันนี้ ยังยืนยันว่าข้าวในสต็อกรัฐบาล 2.1 ล้านตัน ยังมีอยู่ครบตามจำนวน ไม่มีข้าวหาย แต่ส่วนที่เคยหายไปช่วงที่ตรวจสอบตอนแรกนั้นได้สั่งการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดแล้ว ทั้งทางแพ่ง และอาญา ดำเนินคดีทั้งกับคนของรัฐเอง และคนภายนอก โดยไม่มีการยอมความ" นายมิ่งขวัญกล่าว
สำหรับการดำเนินการตรวจสอบสต็อกข้าว รัฐบาลได้สั่งการให้มีการตรวจสอบตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 51 และจากนั้นได้สั่งการให้มีการตรวจสอบเป็นระยะ ทุกๆ 15 วัน รวมทั้งสิ้น 6 ครั้ง โดยมอบหมายให้ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ รับไปดำเนินการ ซึ่งผลการตรวจสอบยังคงอยู่ในสถานะเดิมคือมีข้าวครบตามจำนวน 2.1 ล้านตัน
ทั้งนี้ การตรวจสอบของกระทรวงพาณิชย์ที่ดำเนินการอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีความกังวลว่า ผลจากการที่ข้าวมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเป็นไปได้ว่ามีโอกาสที่จะเกิดการทุจริตนำข้าวในโกดังของรัฐบาลออกไปขาย เพราะราคาข้าวตอนที่รับจำนำไว้ ราคาตันละ 6,000-6,500 บาท แต่ราคาขณะนี้ราคาตันละ14,000 บาท
"การที่คณะกรรมการตรวจสอบข้าวชุดของนายกฯ ที่ตั้งคณะย่อยอีก 36 คณะ ใช้คนเป็นพันคน มาตรวจสอบ ก็น่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ไม่สามารถคาดเดาได้ คงต้องรอรายงาน แต่หากพบข้อผิดพลาด ใครผิด ก็ว่าไปตามผิด จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่" นายมิ่งขวัญกล่าว
สำหรับการขายข้าวในรูปรัฐบาล ต่อรัฐบาล (จีทูจี) หลังจากที่ได้มีการถอนเรื่องออกจากการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น จะขอหารือกับ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศก่อน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะล่าสุด วานนี้ (13 มิ.ย.) รัฐบาลฟิลิปปินส์ ได้รับคำเสนอขายข้าวของรัฐบาลเวียดนามไปแล้ว 5 แสนตัน จากที่ต้องการ 6.75 แสนตัน และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองราคา
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา โรงสีเจริญสุขสมบูรณ์ จ.อยุธยา ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2550 โดยรับจำนำข้าวเปลือกไว้ 578 ตัน และข้าวสารเจ้า 214.58 ตัน โดยได้มีการยักยอกข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำออกไป 288 ตัน หรือคิดเป็น 140 ตันข้าวสาร ซึ่ง อคส.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับโรงสีดังกล่าวแล้ว
"เชื่อว่ามีขบวนการป่วน และต้องการดิสเครดิตกระทรวงพาณิชย์ เพราะการที่ข้าวหาย ยิ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้าว ของสำนักนายกฯ และทำให้กระทรวงพาณิชย์ หมดความชอบธรรมในการดูแลข้าวในสต็อกรัฐบาล แต่กระทรวงพาณิชย์ จะยังคงมีการตรวจสอบข้าวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดง ที่มีปริมาณรับฝากข้าวจำนวนมาก" นายยรรยงกล่าว
ทั้งนี้ โรงสีดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยจะเสนอให้มีการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบกิจการโรงสี และขอเตือนไปยังโรงสีอื่นๆ ที่คิดจะโกงข้าวในสต๊อกของรัฐบาล หากมีการตรวจสอบพบนอกเหนือจากจะดำเนินการตามกฎหมายแล้ว จะเพิกถอนใบอนุญาตด้วย
สำหรับผลการตรวจสอบข้าวในสต็อกรัฐบาลของกระทรวงพาณิชย์ ในช่วงที่ผ่านมา ตรวจสอบปริมาณข้าวทั้งสิ้น 2.109 ล้านตัน สูญหาย 1.3 หมื่นตัน คงเหลือ 2.096 ล้านตัน ยังไม่รวมที่นำออกไปทำข้าวถุง 1,500 ตัน
จับตัวข้าราชการพัวพันข้าวหาย
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวถึงการตั้งคณะกก. ตรวจสอบข้าว ชุดของนายสมัคร สุนทรเวช เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา ปัญหาข้าวในสต็อกโกดังมีการสูญหายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ เป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นผู้รับผิดชอบ ก็เกิดปัญหาข้าวในสต็อกหาย ซึ่งได้รับการร้องเรียนและได้มีการแต่งตั้ง นายยรรยง พวงราช ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้ตรวจราชการ เข้ามาเป็นประธานการตรวจสอบข้าวที่หายไป แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า ข้าวที่หายไปนั้นสูญหายไปเท่าไร และข้าวที่หายไปนั้น ยังไม่มีการติดตามและตรวจสอบหาผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และไม่มั่นใจว่ามีข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์ มีส่วนร่วมเกี่ยวกับการทุจริตข้าวที่หายไปหรือไม่
"ตัวเลขข้าวในสต็อก ที่กระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่าหายไป 1.3 หมื่นตันนั้น จะต้องหาคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้นายสมัคร ไม่มั่นใจว่า มีคนในกระทรวงพาณิชย์อยู่เบื้องหลังข้าวหายหรือไม่ การจะโยนความผิดให้ นายมิ่งขวัญ ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี นั้นจึงไม่ถูกต้อง จึงให้มีการดำเนินการตรวจสอบอีกครั้งอย่างจริงจังจะได้รู้ตัวเลขที่แน่นอนอีกครั้ง"
ฟื้นชีพ อ.ต.ก.
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ทำหน้าที่รับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2551 เหมือนองค์การคลังสินค้า (อคส.) ตามการเสนอของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งต่อมานายสมศักดิ์ได้ติดต่อขอระเบียบและวิธีการปฎิบัติจากอคส. ถือว่าเป็นคืนชีพอ.ต.ก.ในการเข้าบริหารโครงการับจำนำอีกครั้ง หลังจากเลิกรับจำนำมานานกว่า 10 ปี เพราะถูกโจมตีในเรื่องการทุจริต และขณะนี้กำลังเกิดการแย่งชิงเกษตรกรและโรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการ
นอกจากนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกลางดูแลโครงการรับจำนำข้าว โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน รองประธานประกอบด้วย รมช.กระทรวงศึกษาธิการ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพ.ต.ท .บรรยิน ตั้งภากรณ์ รมช.พาณิชย์ เพื่อกำกับดูแลการรับจำนำข้าว แปรสภาพข้าว และระบายข้าว ทั้งๆ ที่มีคณะกรรมการดูแลโดยเฉพาะอยู่แล้ว
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี สั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสต็อกข้าวตามโครงการรับจำนำของรัฐบาล ว่า ไม่รู้สึกกดดัน และยังเห็นด้วยกับการตั้งคณะกก.เข้ามาตรวจสอบ เพราะจะได้ช่วยกันดูแล แม้ว่าที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ จะมีการตั้งคณะทำงานออกไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม การได้คนมาช่วยตรวจสอบ ยิ่งจะเป็นผลดี
"ผลการตรวจสอบสต็อกข้าว จนถึงวันนี้ ยังยืนยันว่าข้าวในสต็อกรัฐบาล 2.1 ล้านตัน ยังมีอยู่ครบตามจำนวน ไม่มีข้าวหาย แต่ส่วนที่เคยหายไปช่วงที่ตรวจสอบตอนแรกนั้นได้สั่งการให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุดแล้ว ทั้งทางแพ่ง และอาญา ดำเนินคดีทั้งกับคนของรัฐเอง และคนภายนอก โดยไม่มีการยอมความ" นายมิ่งขวัญกล่าว
สำหรับการดำเนินการตรวจสอบสต็อกข้าว รัฐบาลได้สั่งการให้มีการตรวจสอบตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 51 และจากนั้นได้สั่งการให้มีการตรวจสอบเป็นระยะ ทุกๆ 15 วัน รวมทั้งสิ้น 6 ครั้ง โดยมอบหมายให้ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ รับไปดำเนินการ ซึ่งผลการตรวจสอบยังคงอยู่ในสถานะเดิมคือมีข้าวครบตามจำนวน 2.1 ล้านตัน
ทั้งนี้ การตรวจสอบของกระทรวงพาณิชย์ที่ดำเนินการอย่างเข้มงวด เนื่องจากมีความกังวลว่า ผลจากการที่ข้าวมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเป็นไปได้ว่ามีโอกาสที่จะเกิดการทุจริตนำข้าวในโกดังของรัฐบาลออกไปขาย เพราะราคาข้าวตอนที่รับจำนำไว้ ราคาตันละ 6,000-6,500 บาท แต่ราคาขณะนี้ราคาตันละ14,000 บาท
"การที่คณะกรรมการตรวจสอบข้าวชุดของนายกฯ ที่ตั้งคณะย่อยอีก 36 คณะ ใช้คนเป็นพันคน มาตรวจสอบ ก็น่าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ไม่สามารถคาดเดาได้ คงต้องรอรายงาน แต่หากพบข้อผิดพลาด ใครผิด ก็ว่าไปตามผิด จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่" นายมิ่งขวัญกล่าว
สำหรับการขายข้าวในรูปรัฐบาล ต่อรัฐบาล (จีทูจี) หลังจากที่ได้มีการถอนเรื่องออกจากการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น จะขอหารือกับ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศก่อน ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะล่าสุด วานนี้ (13 มิ.ย.) รัฐบาลฟิลิปปินส์ ได้รับคำเสนอขายข้าวของรัฐบาลเวียดนามไปแล้ว 5 แสนตัน จากที่ต้องการ 6.75 แสนตัน และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองราคา
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา โรงสีเจริญสุขสมบูรณ์ จ.อยุธยา ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2550 โดยรับจำนำข้าวเปลือกไว้ 578 ตัน และข้าวสารเจ้า 214.58 ตัน โดยได้มีการยักยอกข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำออกไป 288 ตัน หรือคิดเป็น 140 ตันข้าวสาร ซึ่ง อคส.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับโรงสีดังกล่าวแล้ว
"เชื่อว่ามีขบวนการป่วน และต้องการดิสเครดิตกระทรวงพาณิชย์ เพราะการที่ข้าวหาย ยิ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้าว ของสำนักนายกฯ และทำให้กระทรวงพาณิชย์ หมดความชอบธรรมในการดูแลข้าวในสต็อกรัฐบาล แต่กระทรวงพาณิชย์ จะยังคงมีการตรวจสอบข้าวอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดง ที่มีปริมาณรับฝากข้าวจำนวนมาก" นายยรรยงกล่าว
ทั้งนี้ โรงสีดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยจะเสนอให้มีการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบกิจการโรงสี และขอเตือนไปยังโรงสีอื่นๆ ที่คิดจะโกงข้าวในสต๊อกของรัฐบาล หากมีการตรวจสอบพบนอกเหนือจากจะดำเนินการตามกฎหมายแล้ว จะเพิกถอนใบอนุญาตด้วย
สำหรับผลการตรวจสอบข้าวในสต็อกรัฐบาลของกระทรวงพาณิชย์ ในช่วงที่ผ่านมา ตรวจสอบปริมาณข้าวทั้งสิ้น 2.109 ล้านตัน สูญหาย 1.3 หมื่นตัน คงเหลือ 2.096 ล้านตัน ยังไม่รวมที่นำออกไปทำข้าวถุง 1,500 ตัน
จับตัวข้าราชการพัวพันข้าวหาย
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวถึงการตั้งคณะกก. ตรวจสอบข้าว ชุดของนายสมัคร สุนทรเวช เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา ปัญหาข้าวในสต็อกโกดังมีการสูญหายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ เป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นผู้รับผิดชอบ ก็เกิดปัญหาข้าวในสต็อกหาย ซึ่งได้รับการร้องเรียนและได้มีการแต่งตั้ง นายยรรยง พวงราช ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้ตรวจราชการ เข้ามาเป็นประธานการตรวจสอบข้าวที่หายไป แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า ข้าวที่หายไปนั้นสูญหายไปเท่าไร และข้าวที่หายไปนั้น ยังไม่มีการติดตามและตรวจสอบหาผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และไม่มั่นใจว่ามีข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์ มีส่วนร่วมเกี่ยวกับการทุจริตข้าวที่หายไปหรือไม่
"ตัวเลขข้าวในสต็อก ที่กระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่าหายไป 1.3 หมื่นตันนั้น จะต้องหาคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้นายสมัคร ไม่มั่นใจว่า มีคนในกระทรวงพาณิชย์อยู่เบื้องหลังข้าวหายหรือไม่ การจะโยนความผิดให้ นายมิ่งขวัญ ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี นั้นจึงไม่ถูกต้อง จึงให้มีการดำเนินการตรวจสอบอีกครั้งอย่างจริงจังจะได้รู้ตัวเลขที่แน่นอนอีกครั้ง"
ฟื้นชีพ อ.ต.ก.
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ทำหน้าที่รับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2551 เหมือนองค์การคลังสินค้า (อคส.) ตามการเสนอของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งต่อมานายสมศักดิ์ได้ติดต่อขอระเบียบและวิธีการปฎิบัติจากอคส. ถือว่าเป็นคืนชีพอ.ต.ก.ในการเข้าบริหารโครงการับจำนำอีกครั้ง หลังจากเลิกรับจำนำมานานกว่า 10 ปี เพราะถูกโจมตีในเรื่องการทุจริต และขณะนี้กำลังเกิดการแย่งชิงเกษตรกรและโรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการ
นอกจากนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกลางดูแลโครงการรับจำนำข้าว โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน รองประธานประกอบด้วย รมช.กระทรวงศึกษาธิการ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพ.ต.ท .บรรยิน ตั้งภากรณ์ รมช.พาณิชย์ เพื่อกำกับดูแลการรับจำนำข้าว แปรสภาพข้าว และระบายข้าว ทั้งๆ ที่มีคณะกรรมการดูแลโดยเฉพาะอยู่แล้ว