xs
xsm
sm
md
lg

เปิดโปงเส้นทางงาบข้าว ยึดอำนาจ "มิ่ง" ฮุบค่าคอม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน-เปิดโปงขบวนการจ้องฟันผลประโยชน์จากข้าวในสต๊อกรัฐบาล แฉเบื้องหลังจัดฉากทุบราคาข้าว ก่อนเร่งรัดให้เปิดโครงการรับจำนำ ฉวยจังหวะตอน “มิ่งขวัญ”ไม่อยู่จัดการเบ็ดเสร็จ ดึงจำนำข้าวจากอคส. ให้ธ.ก.ส.ทำ หวังรับข้าวเข้าสต๊อกให้มากเพื่อนำไปขายจีทูจีแล้วหาค่าคอมมิชชั่น ตั้งใจประเดิมข้าวฟิลิปปินส์ แต่ตกม้าตายคนเซ็นซื้อขายดันเป็นรมว.พาณิชย์ เลยสั่งถอนเรื่องแทบไม่ทัน พร้อมบีบเปลี่ยนคนลงนามใหม่ จับตาข้าวจีทูจีประเทศอื่นๆ หวั่นซ้ำรอยเดิม เปิดเกมใหม่เช็กสต๊อกข้าว 2.1 ล้านตัน หาช่องยัดข้อหาทุจริต

ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมิ.ย.2551 เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันถึง 2 ครั้ง 2 ครา คือ วันที่ 4 มิ.ย. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม หักนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ด้วยการยึดโครงการรับจำนำข้าว จากเดิมองค์การคลังสินค้า (อคส.) จะเป็นผู้ดำเนินการ ไปให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินการแทน ซึ่งทำในช่วงที่นายมิ่งขวัญไปประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปก และวันที่ 6 มิ.ย. ได้สั่งเบรกการทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น มีการให้เหตุผลประกอบว่า ที่รัฐบาลต้องดึงโครงการรับจำนำจากอคส. กระทรวงพาณิชย์ ไปให้ธ.ก.ส. กระทรวงการคลัง รับไปทำนั้น เป็นเพราะนายมิ่งขวัญบริหารงานล่าช้า ไม่ทันเหตุการณ์ จนชาวนาได้รับความเดือดร้อน ส่วนการยกเลิกการทำข้าวถุงธงฟ้า ได้ให้เหตุผลว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ราคาข้าวตกต่ำ

อย่างไรก็ตาม หากมองผิวเผินก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริง เพราะนายมิ่งขวัญเป็นรัฐมนตรีที่ทำงานโดยใช้กลยุทธ์ทางด้านการตลาดเป็นตัวนำมาโดยตลอด และเมื่อถึงตอนปฏิบัติงานจริง บางครั้งล่าช้าจนไม่ทันเหตุ ทันการณ์ในหลายๆ กรณี

++เบื้องหลังจำนำข้าวพลิก
แหล่งข่าวในกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การดึงโครงการรับจำนำจากกระทรวงพาณิชย์ไปให้กระทรวงการคลังดำเนินการแทนนั้น น่าจะมีอะไรมากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะรัฐบาลก็รู้มาก่อนว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังจะเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพื่ออนุมัติให้เปิดโครงการรับจำนำ แต่อยู่ดีๆ นายสมัคร ก็เรียก 11 รัฐมนตรี มาประชุมในวันที่ 4 มิ.ย. แล้วประกาศให้ธ.ก.ส.รับจำนำข้าวแทน และมีการเรียกประชุมกขช.วันที่ 6 มิ.ย. เพื่อรับรองมติดังกล่าว

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนการประชุมเช้าวันที่ 4 มิ.ย. ในช่วงหัวค่ำวันที่ 3 มิ.ย. มีเหตุการณ์ที่น่าแปลกใจเกิดขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล กล่าวคือ มีนักการเมืองจากจังหวัดภาคกลาง และเป็นจังหวัดที่มีผลผลิตข้าวมาก กับนักการเมืองจากจังหวัดทางภาคเหนือ ได้เดินทางมาหารือกับผู้ใหญ่บางคนซึ่งมีตำแหน่งสำคัญถึงห้องทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล

++จัดฉากสร้างม๊อบดิสเครดิตอคส.

แหล่งข่าวกล่าวว่า การดึงโครงการรับจำนำข้าวไปให้ธ.ก.ส.ทำเป็นการวางแผนมาตั้งแต่ต้น เพราะเมื่อครั้งที่อคส. จะขอกู้เงินธ.ก.ส.มารับจำนำข้าวเหนียว ทั้งๆ ที่เป็นมติกขช. ใช้เงินไม่กี่ร้อยล้านบาท แต่กลับมีการดึงเกม โดยอ้างว่าไม่มีเงิน ทำให้การรับจำนำติดขัด และที่สำคัญ ยังมีการจัดม๊อบไปประท้วงอีก ซึ่งจากการตรวจสอบม๊อบที่ประท้วง กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่ชาวนาในพื้นที่ แต่เป็นม๊อบรับจ้างมาจากทางภาคอีสาน จัดโดยนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ในจังหวัดหนึ่งของภาคอีสาน

“เป็นการป่วนการทำงาน และทำให้คนเห็นว่าอคส. ไม่มีประสิทธิภาพ ทำงานรับจำนำข้าวไม่ได้ จึงกลายเป็นเหตุผลว่าทำไมในการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ถึงต้องดึงไปให้ธ.ก.ส.ทำ แล้วการรับจำนำใช้เงินสูงถึง 3.5 หมื่นล้าน มาคราวนี้ ธ.ก.ส.บอกว่า มีเงินพร้อมแล้ว”แหล่งข่าวกล่าว

เดิมทีปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้ว่าจะไม่เปิดรับจำนำข้าว เพราะราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่กลับมีขบวนการกดราคาข้าว โดยผู้ส่งออก ร่วมมือกับโรงสี ที่ตกลงกันไม่กี่ราย งดรับซื้อข้าว ทำให้ข้าวราคาตกต่ำ เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดการรับจำนำ

++ทำไม? ต้องจำนำข้าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า มีคำถามว่า ทำไมรัฐบาลต้องการรับจำนำ และต้องการข้าวเข้ามาเก็บไว้ในสต๊อกอีก ทั้งๆ ที่มีข้าวเหลืออยู่ในสต๊อกรัฐบาลอยู่แล้วถึง 2.1 ล้านตัน เหตุผลเพราะขณะนี้กำลังมีขบวนการหากินกับค่าคอมมิชชั่นในการขายข้าวในรูปรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) เนื่องจากได้มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มในรัฐบาลได้มองเห็นช่องทางทำเงินจากจุดนี้ การจะเอาข้าวในสต๊อกไปขายเลย ก็เกรงว่าจะมีปัญหาข้าวบริโภคในประเทศไม่เพียงพอ เพราะกระทรวงพาณิชย์ยืนยันมาโดยตลอดว่าจะเก็บไว้เป็นเซฟตี้สต๊อก

“หนทางเดียวที่จะดึงข้าวมาไว้ในมือ ก็คือ ต้องเปิดรับจำนำ และต้องจำนำราคาสูง ป้องกันเกษตรกรมาไถ่ถอนคืน เมื่อมีข้าวจำนวนมาก การเอาข้าวในสต๊อกไปขาย ก็ถือเป็นความชอบธรรมที่จะทำ นี่เป็นคำตอบ”แหล่งข่าวกล่าว

++ปูดค่าคอมมิชชั่นล่อใจ
แหล่งข่าวอธิบายว่า ค่าคอมมิชชั่นจากการขายข้าวจีทูจี เกิดขึ้นได้ตรงไหน เกิดได้จากการที่รัฐบาลไปเจรจาขายข้าวจีทูจีให้กับประเทศที่ต้องการข้าว ซึ่งอาจจะตกลงกันว่าจะขายให้ราคาเท่านั้นเท่านี้ โดยดูราคาตลาดเป็นเกณฑ์ แต่ราคาขายจะต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งจะใช้เหตุผลว่าเป็นการขายข้าวระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล ไม่ควรค้ากำไรเกินควร เช่น ราคาข้าวขาวในตลาด 950 เหรียญสหรัฐ ต่อตัน อาจจะขายให้แค่ 900 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือสูงกว่าเล็กน้อย โดยขอให้ประเทศผู้ซื้อจ่ายค่าส่วนต่างระหว่างราคาข้าวที่ขาย กับราคาซื้อขายปกติ ให้เป็นค่าคอมมิชชั่นให้กับผู้เจรจา

ในระหว่างที่ยังไม่มีการรับจำนำ มีคนร่วมขบวนการหลายๆ คน ได้ออกมาให้ข่าวสนับสนุนการนำข้าวในสต๊อกรัฐบาลออกไปขาย โดยให้เหตุผลว่า ซื้อมาต้นทุนต่ำ ขายไปได้กำไร ก็เอาเงินกำไรไปซื้อข้าวจากเกษตรกรกลับคืนมา รัฐไม่เสียหายอะไร เป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับการนำข้าวในสต๊อกไปขายอีกทางหนึ่ง

++ประเดิมข้าวจีทูจีฟิลิปปินส์
แหล่งข่าวกล่าวว่า หลังจากปฏิบัติการยึดโครงการรับจำนำไปให้ธ.ก.ส.ทำแล้ว ได้มีการเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ไทยลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการซื้อขายข้าว (เอ็มโอเอ) ระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ สาระสำคัญ ก็คือ ไทยและฟิลิปปินส์ตกลงที่จะซื้อขายข้าวระหว่างกันประมาณปีละ 1 ล้านตัน แต่ก็ถูกผู้ใหญ่ในรัฐบาลสั่งให้ถอนเรื่องออกกลางคัน เพราะเอ็มโอเอ ที่กรมการค้าต่างประเทศเสนอไป ระบุว่า คนที่จะลงนามซื้อขายข้าว ก็คือ รมว.พาณิชย์

“จบประชุมครม. มีคนออกมาให้ข่าวว่า นายวิรุฬ (เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์) จับมือกับพ.ต.ท.บรรยิน (ตั้งภากรณ์ รมช.พาณิชย์) หักหน้านายมิ่งขวัญ ขอถอนเรื่องนี้ออก แต่มาอีกวันนายวิรุฬเปิดแถลงข่าวว่า ไม่ได้เป็นคนถอน แต่มีผู้ใหญ่บางคนขอถอน และให้เหตุผลว่า ที่ถอนออก อาจเป็นเพราะมีข้อความไม่ชัดเจน จึงต้องปรับแก้”แหล่งข่าวกล่าว

ประเด็นสำคัญ ที่คาดว่าน่าจะมีการปรับแก้ ก็คือ บุคคลที่จะลงนาม เพราะหากปล่อยให้รมว.พาณิชย์ เป็นผู้ลงนามซื้อขายข้าว บุคคลที่จะเจรจาหาค่าคอมมิชชั่นก็ทำไม่ได้ จึงมีความพยายามกดดันให้มีการปรับแก้ไขเป็นบุคคลที่รัฐบาลหรือครม.มอบหมายให้เป็นผู้ลงนามแทน

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแค่ข้าวฟิลิปปินส์เท่านั้น แต่ขอให้จับตาการซื้อขายข้าวจีทูจีที่ไทยกำลังจะเจรจากับประเทศต่างๆ อีกหลายประเทศด้วย เพราะอาจจะมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ต้องการจะหาประโยชน์อยู่ ซึ่งคาดว่าจะยังไม่เลิกรา

รายงานข่าวแจ้งว่า การลงนามเสนอเรื่องเอ็มโอเอข้าวฟิลิปปินส์เข้าครม.นั้น กรมการค้าต่างประเทศได้นำมาให้นายมิ่งขวัญเซ็นในช่วงเย็นวันที่ 6 มิ.ย. ซึ่งนายมิ่งขวัญเองก็รู้สึกไม่พอใจ เพราะถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่ทำไมต้องทำเหมือนกับว่ามีใครสั่งให้ทำแบบเร่งด่วนมา แล้วมาให้รมว.พาณิชย์เซ็น ทั้งนี้ เอ็มโอเอดังกล่าวยังไม่ผ่านการพิจารณาของนายวิรุฬด้วย ทั้งๆ ที่นายวิรุฬเป็นผู้ดูแลกรมการค้าต่างประเทศ

++เปิดเกมใหม่เช็กสต๊อกข้าวซ้ำ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. มีการเปิดข่าวว่า นายสมัครได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจำนวน 2.1 ล้านตัน มีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีคณะกรรมการย่อยอีก 36 คณะ ทั้งๆ ที่นายสมัครได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งมาตั้งแต่เดือนพ.ค.2551 แต่เพิ่งจะมาให้ข่าวในช่วงนี้

“การเช็กสต๊อกข้าว 2.1 ล้านตันดังกล่าว ถ้าตรวจสอบโดยสุจริต และไม่มีเป้าหมายที่จะยัดข้อหาทุจริต กระทรวงพาณิชย์ก็เห็นด้วย เพราะถือเป็นการตรวจสอบซ้ำ แต่ถ้าตั้งให้มาตรวจแล้วให้ธงมาเลยว่าต้องหาให้เจอว่าข้าวหาย จะได้เล่นงานกระทรวงพาณิชย์ข้อหาปล่อยให้มีการทุจริต แบบนี้มันก็ไม่แฟร์ เพราะราคาข้าวตอนนี้กับราคาข้าวตอนที่รับจำนำมา มันต่างกันมาก มันก็จูงใจให้เกิดการทุจริตอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์เชื่อว่าจะไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะได้มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง”แหล่งข่าวกล่าว

สอดคล้องกับที่นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ทันทีที่มีการเปิดข่าวการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสต๊อกข้าว ในคืนวันเดียวกันนั้น (12 มิ.ย.) มีการขโมยข้าวเกิดขึ้น โดยโรงสีเจริญสุขสมบูรณ์ จังหวัดอยุธยา ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2550 โดยรับจำนำข้าวเปลือกไว้ 578 ตัน และข้าวสารเจ้า 214.58 ตัน ได้มีการยักยอกข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำออกไปจำนวน 288 ตัน หรือคิดเป็น 140 ตันข้าวสาร

“เชื่อว่ามีขบวนการป่วน และต้องการดิสเครดิตกระทรวงพาณิชย์ เพราะการที่ข้าวหายยิ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้าวของสำนักนายกรัฐมนตรี และทำให้กระทรวงพาณิชย์หมดความชอบธรรมในการดูแลข้าวในสต๊อกรัฐบาล”นายยรรยงกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น