รอยเตอร์/เอเอฟพี - บรรดาผู้ถือหุ้นของ เอ็กซอนโมบิล ซึ่งรวมทั้งสมาชิกตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ ประสบความล้มเหลวไม่สามารถผลักดันให้ที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งด้านอุตสาหกรรมน้ำมันแห่งนี้ ยอมนำเอาคนนอกมาเป็นประธานบริษัท แยกออกจากตำแหน่งซีอีโอ ตลอดจนส่งเสริมเรื่องพลังงานทางเลือกและสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น
ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นมากกว่า 60% ลงมติในการประชุมประจำปีของเอ็กซอนเมื่อวันพุธ(28) คัดค้านข้อเสนอที่ให้บริษัทแยกตำแหน่งประธานบริษัทกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารออกจากกัน ซึ่งตอนนี้ เร็กซ์ ทิลเลอร์วัน ครองทั้งสองตำแหน่งนี้อยู่
นอกจากนั้น กลุ่มผู้ถือหุ้นเสียงข้างน้อยซึ่งยังออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า เอ็กซอนนั้นล้าหลังในเรื่องการลงทุนพลังงานทางเลือกอื่น ๆ แต่พวกเขาก็ทำดีที่สุดได้เพียงชักจูงให้ผู้ถือหุ้นที่มีหุ้นราว 39.5% ของทั้งหมดหันมาสนับสนุนข้อเสนอแยกสองตำแหน่งนี้ออกจากกัน ลดลงจาก 40% ที่ทำได้ในปีที่แล้ว
สมาชิกของตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ หนุนหลังการเรียกร้องให้แยกตำแหน่งประธานออกจากฝ่ายบริหาร พวกเขาเป็นทายาทของจอห์น ดี ร็อกกีเฟลเลอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทน้ำมันสแตนดาร์ด ออยล์โค ขึ้นในปี 1870 ซึ่งต่อมากลายมาเป็นบริษัทเอ็กซอน
ด้วยราคาน้ำมันที่ขึ้นไปยืนเหนือ 130 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งบาร์เรล และราคาน้ำมันสำเร็จรูปก็พุ่งขึ้นด้วย บริษัทน้ำมันได้กลายเป็นเป้าของการโจมตีจากทั้งผู้แทนในรัฐสภาและกลุ่มผู้บริโภค รวมทั้งพวกนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และผู้ถือหุ้นที่เป็นนักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกังวลว่าการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างที่เอ็กซอนกำลังทำอย่างสุดตัวนี้ จะทำให้ปัญหาโลกร้อนย่ำแย่มากขึ้น
ในระหว่างการประชุม ทิลเลอร์สันผู้กุมบังเหียนบริษัทมาตั้งแต่ปี 2006 พยายามที่จะกล่าวถึงผลงานการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของเอ็กซอนโดยเขาได้บรรยายยืดยาวถึงความพยายามของบริษัทที่จะลด “ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”ลงมา
อย่างไรก็ตาม เขาประกาศอย่างชัดเจนว่าเอ็กซอนยังคงเน้นที่การได้กำไรสูงสุดเหมือนที่เป็นมาในอดีต
“เราจะเดินหน้าทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเข้าไปขายในตลาด และนี่ยังคงเป็นแกนกลางของธุรกิจเรา มันเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด 125 ปีและในความเห็นของผมแล้ว เราทำสิ่งนี้ได้ดีกว่าทุกคน” ทิลเลอร์สันแถลงหลังปิดการประชุมผู้ถือหุ้น
“แต่เราก็จะไม่ละทิ้งสิ่งซึ่งเรารู้ว่าเป็นเงื่อนไขทางสังคมที่อาจจะต้องเปลี่ยนไปในอนาคต” เขากล่าว
คู่แข่งของเอ็กซอน อย่าง เชฟรอน คอร์ปก็เผชิญปัญหาเดียวกัน ในระหว่างการประชุมประจำปีของเชฟรอนเมื่อวันพุธที่ ซาน ราโมน ในแคลิฟอร์เนีย โดยพวกผู้ถือหุ้นและกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่างพยายามกดดันบริษัทด้วยคำถามเกี่ยวกับผลงานการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนของบริษัท
เอ็กซอนนั้นได้กำไรสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทในปี 2006 และ 2007 แต่ผู้ถือหุ้นบางคนก็แย้งว่านั่นเนื่องเพราะบริษัทไม่ลงทุนด้านพลังงานทางเลือกอย่างเพียงพอซึ่งอาจทำให้บริษัทแห่งนี้ล้าหลังเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอนาคต
ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นมากกว่า 60% ลงมติในการประชุมประจำปีของเอ็กซอนเมื่อวันพุธ(28) คัดค้านข้อเสนอที่ให้บริษัทแยกตำแหน่งประธานบริษัทกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารออกจากกัน ซึ่งตอนนี้ เร็กซ์ ทิลเลอร์วัน ครองทั้งสองตำแหน่งนี้อยู่
นอกจากนั้น กลุ่มผู้ถือหุ้นเสียงข้างน้อยซึ่งยังออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า เอ็กซอนนั้นล้าหลังในเรื่องการลงทุนพลังงานทางเลือกอื่น ๆ แต่พวกเขาก็ทำดีที่สุดได้เพียงชักจูงให้ผู้ถือหุ้นที่มีหุ้นราว 39.5% ของทั้งหมดหันมาสนับสนุนข้อเสนอแยกสองตำแหน่งนี้ออกจากกัน ลดลงจาก 40% ที่ทำได้ในปีที่แล้ว
สมาชิกของตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ หนุนหลังการเรียกร้องให้แยกตำแหน่งประธานออกจากฝ่ายบริหาร พวกเขาเป็นทายาทของจอห์น ดี ร็อกกีเฟลเลอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทน้ำมันสแตนดาร์ด ออยล์โค ขึ้นในปี 1870 ซึ่งต่อมากลายมาเป็นบริษัทเอ็กซอน
ด้วยราคาน้ำมันที่ขึ้นไปยืนเหนือ 130 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งบาร์เรล และราคาน้ำมันสำเร็จรูปก็พุ่งขึ้นด้วย บริษัทน้ำมันได้กลายเป็นเป้าของการโจมตีจากทั้งผู้แทนในรัฐสภาและกลุ่มผู้บริโภค รวมทั้งพวกนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และผู้ถือหุ้นที่เป็นนักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกังวลว่าการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างที่เอ็กซอนกำลังทำอย่างสุดตัวนี้ จะทำให้ปัญหาโลกร้อนย่ำแย่มากขึ้น
ในระหว่างการประชุม ทิลเลอร์สันผู้กุมบังเหียนบริษัทมาตั้งแต่ปี 2006 พยายามที่จะกล่าวถึงผลงานการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของเอ็กซอนโดยเขาได้บรรยายยืดยาวถึงความพยายามของบริษัทที่จะลด “ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”ลงมา
อย่างไรก็ตาม เขาประกาศอย่างชัดเจนว่าเอ็กซอนยังคงเน้นที่การได้กำไรสูงสุดเหมือนที่เป็นมาในอดีต
“เราจะเดินหน้าทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเข้าไปขายในตลาด และนี่ยังคงเป็นแกนกลางของธุรกิจเรา มันเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด 125 ปีและในความเห็นของผมแล้ว เราทำสิ่งนี้ได้ดีกว่าทุกคน” ทิลเลอร์สันแถลงหลังปิดการประชุมผู้ถือหุ้น
“แต่เราก็จะไม่ละทิ้งสิ่งซึ่งเรารู้ว่าเป็นเงื่อนไขทางสังคมที่อาจจะต้องเปลี่ยนไปในอนาคต” เขากล่าว
คู่แข่งของเอ็กซอน อย่าง เชฟรอน คอร์ปก็เผชิญปัญหาเดียวกัน ในระหว่างการประชุมประจำปีของเชฟรอนเมื่อวันพุธที่ ซาน ราโมน ในแคลิฟอร์เนีย โดยพวกผู้ถือหุ้นและกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่างพยายามกดดันบริษัทด้วยคำถามเกี่ยวกับผลงานการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนของบริษัท
เอ็กซอนนั้นได้กำไรสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทในปี 2006 และ 2007 แต่ผู้ถือหุ้นบางคนก็แย้งว่านั่นเนื่องเพราะบริษัทไม่ลงทุนด้านพลังงานทางเลือกอย่างเพียงพอซึ่งอาจทำให้บริษัทแห่งนี้ล้าหลังเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอนาคต