ผู้จัดการรายวัน-กองทุนวายุภักษ์ 1 เจ๋งไตรมาสแรกปีชวดฟันกำไรเกือบ 5 พันล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไรเพียง 2.6 พันล้านบาท ถึง 88.11% วงในกระซิบเตรียมปรับพอร์ตลงทุนลุยตลาดหุ้นเพิ่ม พร้อมลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตร "พิชิต"การันตีผู้ถือหน่วยรายย่อยไม่ต้องวิตก หากดัชนีหุ้นรูด เหตุมีกำไรส่วนเกิน หรือเอ็นเอวีก่อภาระผูกพันกว่า 3 แสนล้านบาทเป็นกันชน ป้องกันมูลค่าหน่วยลงทุนร่วง คาดทั้งปีให้ผลตอบแทนใกล้เคียงปีก่อนที่ 6-7%
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินการของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนี่ง ประเภท ก. (VAYU1) ประจำไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 ว่า กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 4,946.73 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.4947 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2,317.04 ล้านบาท หรือ 88.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 2,629.69 ล้านบาท
ทั้งนี้ ล่าสุด ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2551 กองทุนรวมวายุภักษ์ หนี่ง มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 148,855,530,416.50 บาท มีมูลค่าหน่วยลงทุนของนักลงทุนทั่วไป (ประเภท ก.) อยู่ที่ 10.7989 บาทต่อหน่วย และมูลค่าหน่วยลงทุนของกระทรวงการคลัง (ประเภท ข.) อยู่ที่ 24.4209 บาทต่อหน่วย
โดยสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 70% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิจะลงทุนในหุ้นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และพร้อมที่จะซื้อหุ้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ ส่วนสินทรัพย์ที่เหลือประมาณ 30% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ กองทุนจะลงทุนในหุ้นและพันธบัตรที่มีการค้ำประกันและมีเครดิตที่ดีในระดับสูงเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนให้เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ หนี่ง ตั้งแต่ปี 2547 กองทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยปีละ 6% แต่ผลดำเนินการปี 2550 กองทุนสามารถให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งตรงข้ามกับราคาหน่วยลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ซึ่งปรับตัวลดลง โดยวานนี้ (15พ.ค.51) ราคาหุ้น VAYU1 ปิดตลาดอยู่ที่ 9.98 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 0.20% จากราคา 9.96 ในวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.58ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าราคาตามมูลค่าหน่วยลงทุนที่ 10 บาท กว่า 0.02 บาท หรือ 0.2%
โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาหน่วยลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ปรับตัวลดลงนั้น มาจากความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งเป็นไปตามราคาหุ้นอื่นๆที่มีการปรับตัวลดลงเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายฝ่ายเชื่อว่า ราคาของ VAYU1 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับมาเท่าเดิม และจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกเมื่อใกล้ครบกำหนดอายุโครงการ
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวแจ้งว่า คณะผู้จัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ที่ได้ร่วมกันบริหารพอร์ตลงทุนขณะนี้ เตรียมจะเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเติม และลดสัดส่วนในการลงทุนพันธบัตรลง เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด เนื่องช่วงนี้หุ้นในหลายบริษัทมีราคาถูกและเหมาะแก่การเข้าลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
อนึ่งผลการดำเนินงานปี2550ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง มียอดสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานของกองทุนเพิ่มขึ้น 12,724 ล้านบาท หรือ1.27 บาทต่อหน่วย เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ซึ่งกองทุนมีสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 7,983 ล้านบาท หรือ 0.80 บาทต่อหน่วย คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 4,741 ล้านบาท หรือ 59.39% โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ถึง 4,741 ล้านบาท
นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมากองทุนรวมวายุภักษ์ หนี่งได้มีการจ่ายปันผลไปถึงร้อยละ 7 หรือ 0.70 บาท ต่อหน่วยลงทุน โดยถือเป็นปีที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดนับตั้งแต่รอบปี 2547 ที่จ่ายเงินปันผลเป็นปีแรกจ่ายจำนวน 0.65 บาทต่อหน่วย หรือในอัตรา 6.50% ปี 2548 จ่ายในอัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย หรือในอัตรา 6% ปี 2549 จ่าย 0.65 บาทต่อหน่วย หรือในอัตรา 6.50%
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี ในฐานะผู้จัดการกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง กล่าวว่า ในปีนี้ผลดำเนินงานของกองทุนน่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6-7% อย่างไรก็ตามผลประกอบการวายุภักษ์ 1 มีกำไรสะสมค่อนข้างเยอะ โดยมีทรัพย์สินก่อภาระผูกพันถึงประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเอ็นเอวีส่วนที่รองรับผลกระทบจากตลาดหุ้นเพื่อไม่ให้มาสร้างผลกระทบถึงรายย่อยได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ก็จะไปหักกับเอ็นเอวีในส่วนนี้ ซึ่งจะมีต่อกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่มากกว่า
ส่วนการจ่ายปันผลนั้น มองว่ากองทุนมีกำไรสะสมมากพอที่จะสามารถนำมาจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยได้ แต่จะต้องดูสถานการ์และภาวะในขณณะนั้นก่อนว่าเป็นเช่นไร โดยส่วนตัวมองว่าน่าจะใกล้กับที่ผ่านๆมา หรือตามเกณฑ์ขั้นตำที่กำหนดไว้
"ผลดำเนินงานของวายุภักษ์ 1 ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า รูปแบบกองทุนนี้สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ก็อาจใช้โมเดลของกองวายุภักษ์ 1 เป็นต้นแบบ คือ เป็นกองทุนที่คุ้มครองเงินต้นและผลตอบแทนขั้นต่ำที่3% ซึ่งกองทุนวายุภักษ์ 2 คงคุ้มครองผลตอบแทนขั้นต่ำใกล้เคียงกับวายุภักษ์ 1 ที่ 3%" นายพิชิตกล่าว
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินการของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนี่ง ประเภท ก. (VAYU1) ประจำไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 ว่า กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 4,946.73 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.4947 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2,317.04 ล้านบาท หรือ 88.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 2,629.69 ล้านบาท
ทั้งนี้ ล่าสุด ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2551 กองทุนรวมวายุภักษ์ หนี่ง มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 148,855,530,416.50 บาท มีมูลค่าหน่วยลงทุนของนักลงทุนทั่วไป (ประเภท ก.) อยู่ที่ 10.7989 บาทต่อหน่วย และมูลค่าหน่วยลงทุนของกระทรวงการคลัง (ประเภท ข.) อยู่ที่ 24.4209 บาทต่อหน่วย
โดยสินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 70% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิจะลงทุนในหุ้นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และพร้อมที่จะซื้อหุ้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ ส่วนสินทรัพย์ที่เหลือประมาณ 30% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ กองทุนจะลงทุนในหุ้นและพันธบัตรที่มีการค้ำประกันและมีเครดิตที่ดีในระดับสูงเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนให้เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ หนี่ง ตั้งแต่ปี 2547 กองทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยปีละ 6% แต่ผลดำเนินการปี 2550 กองทุนสามารถให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งตรงข้ามกับราคาหน่วยลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ซึ่งปรับตัวลดลง โดยวานนี้ (15พ.ค.51) ราคาหุ้น VAYU1 ปิดตลาดอยู่ที่ 9.98 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 0.20% จากราคา 9.96 ในวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.58ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าราคาตามมูลค่าหน่วยลงทุนที่ 10 บาท กว่า 0.02 บาท หรือ 0.2%
โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาหน่วยลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ปรับตัวลดลงนั้น มาจากความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งเป็นไปตามราคาหุ้นอื่นๆที่มีการปรับตัวลดลงเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายฝ่ายเชื่อว่า ราคาของ VAYU1 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับมาเท่าเดิม และจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกเมื่อใกล้ครบกำหนดอายุโครงการ
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวแจ้งว่า คณะผู้จัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ที่ได้ร่วมกันบริหารพอร์ตลงทุนขณะนี้ เตรียมจะเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเติม และลดสัดส่วนในการลงทุนพันธบัตรลง เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด เนื่องช่วงนี้หุ้นในหลายบริษัทมีราคาถูกและเหมาะแก่การเข้าลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
อนึ่งผลการดำเนินงานปี2550ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง มียอดสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานของกองทุนเพิ่มขึ้น 12,724 ล้านบาท หรือ1.27 บาทต่อหน่วย เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ซึ่งกองทุนมีสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 7,983 ล้านบาท หรือ 0.80 บาทต่อหน่วย คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 4,741 ล้านบาท หรือ 59.39% โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ถึง 4,741 ล้านบาท
นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมากองทุนรวมวายุภักษ์ หนี่งได้มีการจ่ายปันผลไปถึงร้อยละ 7 หรือ 0.70 บาท ต่อหน่วยลงทุน โดยถือเป็นปีที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดนับตั้งแต่รอบปี 2547 ที่จ่ายเงินปันผลเป็นปีแรกจ่ายจำนวน 0.65 บาทต่อหน่วย หรือในอัตรา 6.50% ปี 2548 จ่ายในอัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย หรือในอัตรา 6% ปี 2549 จ่าย 0.65 บาทต่อหน่วย หรือในอัตรา 6.50%
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี ในฐานะผู้จัดการกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง กล่าวว่า ในปีนี้ผลดำเนินงานของกองทุนน่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6-7% อย่างไรก็ตามผลประกอบการวายุภักษ์ 1 มีกำไรสะสมค่อนข้างเยอะ โดยมีทรัพย์สินก่อภาระผูกพันถึงประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเอ็นเอวีส่วนที่รองรับผลกระทบจากตลาดหุ้นเพื่อไม่ให้มาสร้างผลกระทบถึงรายย่อยได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ก็จะไปหักกับเอ็นเอวีในส่วนนี้ ซึ่งจะมีต่อกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่มากกว่า
ส่วนการจ่ายปันผลนั้น มองว่ากองทุนมีกำไรสะสมมากพอที่จะสามารถนำมาจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยได้ แต่จะต้องดูสถานการ์และภาวะในขณณะนั้นก่อนว่าเป็นเช่นไร โดยส่วนตัวมองว่าน่าจะใกล้กับที่ผ่านๆมา หรือตามเกณฑ์ขั้นตำที่กำหนดไว้
"ผลดำเนินงานของวายุภักษ์ 1 ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า รูปแบบกองทุนนี้สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ก็อาจใช้โมเดลของกองวายุภักษ์ 1 เป็นต้นแบบ คือ เป็นกองทุนที่คุ้มครองเงินต้นและผลตอบแทนขั้นต่ำที่3% ซึ่งกองทุนวายุภักษ์ 2 คงคุ้มครองผลตอบแทนขั้นต่ำใกล้เคียงกับวายุภักษ์ 1 ที่ 3%" นายพิชิตกล่าว