กองทุนแห่จ่ายปันผลแอลทีเอฟ หลังฟันกำไรจากดัชนีหุ้นดีดตัว "แอสเซทพลัส" ปันผลกองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาว ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย ผู้ถือหน่วยเฮรับ 7 พฤษาภาคมนี้ ขณะที่"ลดาวรรณ" มองการเติบโตของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ เเตะที่ 880-900 จุด แนะจับจังหวะดัชนีปรับฐาน ลุยหุ้นในกลุ่มธนาคาร พลังงาน ด้านบลจ.ไทยพาณิชย์ เตรียมปันผล"ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ -หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต" ในอัตราละ 0.15 บาทต่อหน่วยในวันที่ 6 เเละ 9 พฤษภาคมตามลำดับ
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า คณะกรรมการการลงทุนของบลจ. แอสเซทพลัส ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลจากเงินปันผลรับและดอกเบี้ยรับของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาว (ASP-LTF) สำหรับงวดบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 21 เมษายน 2551 ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตราหน่วยละ 0.25 บาท โดยจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 28 เมษายน 2551 และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 พฤษภาคม 2551
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 28 มีนาคม 2551 โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -0.95% ส่วนผลดำเนินการย้อนหลัง 6 เดือนคือ 2.08% ขณะที่ผลดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 31.53% ซึ่งผลดำเนินงานนับตั้งเเต่ต้นปี 2551 อยู่ที่ -0.95%
“กลยุทธ์การบริหารกองทุนหุ้นระยะยาวของแอสเซทพลัส ทั้งสองกองทุน คือ ASP-LTF ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นระยะยาวที่เน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกลงทุนผสมทั้งในหุ้นคุณค่า (value stock) และหุ้นเติบโต (growth stock) ที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลสูง และกองทุน ASP-GLTF ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นคุณค่า หุ้นเติบโต และหุ้นที่มีศักยภาพในการเพิ่มขึ้นของราคาสูงเมื่อเทียบกับตลาด (High beta stocks) โดยเป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลนั้น ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนเน้นการถือครองหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มี P/E ต่ำ โดยมีการซื้อ-ขายทำกำไรระยะสั้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลประโยชน์ของกองทุน ทำให้ผลการดำเนินงานกองทุนออกมาค่อนข้างดี” นางลดาวรรณ กล่าว
ขณะที่ภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจไทยพอร์ต มองว่าค่อนข้างดีตามดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เช่น ความเชื่อมั่นหลังจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ราคาสินค้าเกษตรและพืชเศรษฐกิจที่ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการของโลก รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นตามแผนการลงทุนที่ชัดเจนของรัฐ ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยโดยปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและการประเมินมูลค่าการเติบโตของหุ้นไทย เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน
โดยบลจ.แอสเซท พลัส มองเป้าหมายของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Target) ในปีนี้อยู่ระดับ 880-900 จุด นอกจากนี้ จากการพบปะกับผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศเมื่อไม่นานนี้ พบว่า กลุ่มผู้ลงทุนดังกล่าวก็ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยค่อนข้างมากเช่นกัน ซึ่งในระหว่างที่ตลาดยังมีการปรับฐานในช่วงสั้น ๆ จึงถือเป็นจังหวะเหมาะที่ผู้ลงทุนจะเข้าลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มในการเติบโตสูง เช่น ธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน เป็นต้น
สำหรับกองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาว มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม รวมทั้งลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และหรือเงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ทั้งนี้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่เกินปีละ 1 ครั้ง โดยการจ่ายเงินปันผลของกองทุนจะจ่ายได้เมื่อกองทุนรวมมีกำไรสะสมและจะต้องไม่ทำให้กองทุนรวมมีผลขาดทุนสะสมขึ้นในงวดปีบัญชีที่มีการจ่ายปันผลนั้น
ขณะเดียวกันรายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ จะทำการจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ เเละกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) ในราคาอัตราหน่วยละ 0.15 บาท โดยกองทุนเเรกจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษาภาคม 2551 เเละกองทุน SCBLTT4 จะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2551
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (SCBLTT4) มีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารทุน ประเภทหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยในรอบปีปัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 จองมูลค่าทรัพย์สินสิทธิของกองทุนรวม ซึ่งจะลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง เเละหรือมีเเนวโน้มในการเจริญเติบโตสูง ส่วนที่เหลือจะทุนในหลักทรัพย์เเละทรัพยสินอื่น หรือการดอกผลโดยวิธีการอื่นที่กองทุนสามารถลงทุนได้ เช่น หลักทรัพย์ของบริษัททั้งที่จดทะเบียนเเละไม้ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนตราสารเเห่งหนี้เเละ/หรือเงินฝาก เเละ/หรือตราสารการเงินอื่นๆในสัดส่วนที่เหมาะสมของเเต่ละช่วงเวลา ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 2 ครั้ง
โดยกองทุน SCBLTT4 เข้าไปในลงทุนในกลุ่มหุ้นดังนี้ กลุ่มธุรกิจพลังงานเเละสาธารณูปโภค 42.38 % กลุ่มธนาคาร 22.46 % กลุ่มพัฒนาอาสังหาริมทรัพย์ 8.75% กลุ่มพาณิชย์ 2.65 % หน่วยลงทุน 2.43 % เเละอื่นๆ16.25 %
สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารทุน ประเภทหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยในรอบปีปัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 จองมูลค่าทรัพย์สินสิทธิของกองทุนรวม ซึ่งจะลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง เเละหรือมีเเนวโน้มในการเจริญเติบโตสูง ส่วนที่เหลือจะทุนในหลักทรัพย์เเละทรัพยสินอื่น หรือการดอกผลโดยวิธีการอื่นที่กองทุนสามารถลงทุนได้ เช่น หลักทรัพย์ของบริษัททั้งที่จดทะเบียนเเละไม้ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนตราสารเเห่งหนี้เเละ/หรือเงินฝาก เเละ/หรือตราสารการเงินอื่นๆในสัดส่วนที่เหมาะสมของเเต่ละช่วงเวลา เเละจะจ่ายเงินผันปีละไม่เกิน 2 ครั้ง
กองทุน SCBLTT ลงทุนในกลุ่มตราสารทุนดังนี้ กลุ่มพลังงานเเละสาธารณูปโภค 42.86 % กลุ่มธนาคาร 22.23 % กลุ่มพัฒนาอาสังหาริมทรัพย์ 9.24 % กลุ่มพาณิชย์ 2.66 % กลุ่มเครื่องมือเเละเครื่องจักร 2.57% เเละอื่นๆ 14.32 %
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า คณะกรรมการการลงทุนของบลจ. แอสเซทพลัส ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลจากเงินปันผลรับและดอกเบี้ยรับของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาว (ASP-LTF) สำหรับงวดบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 21 เมษายน 2551 ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตราหน่วยละ 0.25 บาท โดยจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 28 เมษายน 2551 และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 พฤษภาคม 2551
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 28 มีนาคม 2551 โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -0.95% ส่วนผลดำเนินการย้อนหลัง 6 เดือนคือ 2.08% ขณะที่ผลดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 31.53% ซึ่งผลดำเนินงานนับตั้งเเต่ต้นปี 2551 อยู่ที่ -0.95%
“กลยุทธ์การบริหารกองทุนหุ้นระยะยาวของแอสเซทพลัส ทั้งสองกองทุน คือ ASP-LTF ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นระยะยาวที่เน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกลงทุนผสมทั้งในหุ้นคุณค่า (value stock) และหุ้นเติบโต (growth stock) ที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลสูง และกองทุน ASP-GLTF ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นคุณค่า หุ้นเติบโต และหุ้นที่มีศักยภาพในการเพิ่มขึ้นของราคาสูงเมื่อเทียบกับตลาด (High beta stocks) โดยเป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลนั้น ในช่วงที่ผ่านมา กองทุนเน้นการถือครองหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มี P/E ต่ำ โดยมีการซื้อ-ขายทำกำไรระยะสั้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลประโยชน์ของกองทุน ทำให้ผลการดำเนินงานกองทุนออกมาค่อนข้างดี” นางลดาวรรณ กล่าว
ขณะที่ภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจไทยพอร์ต มองว่าค่อนข้างดีตามดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เช่น ความเชื่อมั่นหลังจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ราคาสินค้าเกษตรและพืชเศรษฐกิจที่ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการของโลก รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นตามแผนการลงทุนที่ชัดเจนของรัฐ ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยโดยปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและการประเมินมูลค่าการเติบโตของหุ้นไทย เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน
โดยบลจ.แอสเซท พลัส มองเป้าหมายของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Target) ในปีนี้อยู่ระดับ 880-900 จุด นอกจากนี้ จากการพบปะกับผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศเมื่อไม่นานนี้ พบว่า กลุ่มผู้ลงทุนดังกล่าวก็ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยค่อนข้างมากเช่นกัน ซึ่งในระหว่างที่ตลาดยังมีการปรับฐานในช่วงสั้น ๆ จึงถือเป็นจังหวะเหมาะที่ผู้ลงทุนจะเข้าลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มในการเติบโตสูง เช่น ธนาคารพาณิชย์ และพลังงาน เป็นต้น
สำหรับกองทุนเปิดแอสเซทพลัสหุ้นระยะยาว มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม รวมทั้งลงทุนในตราสารแห่งหนี้ และหรือเงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ทั้งนี้ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่เกินปีละ 1 ครั้ง โดยการจ่ายเงินปันผลของกองทุนจะจ่ายได้เมื่อกองทุนรวมมีกำไรสะสมและจะต้องไม่ทำให้กองทุนรวมมีผลขาดทุนสะสมขึ้นในงวดปีบัญชีที่มีการจ่ายปันผลนั้น
ขณะเดียวกันรายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ จะทำการจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ เเละกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) ในราคาอัตราหน่วยละ 0.15 บาท โดยกองทุนเเรกจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษาภาคม 2551 เเละกองทุน SCBLTT4 จะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2551
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (SCBLTT4) มีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารทุน ประเภทหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยในรอบปีปัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 จองมูลค่าทรัพย์สินสิทธิของกองทุนรวม ซึ่งจะลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง เเละหรือมีเเนวโน้มในการเจริญเติบโตสูง ส่วนที่เหลือจะทุนในหลักทรัพย์เเละทรัพยสินอื่น หรือการดอกผลโดยวิธีการอื่นที่กองทุนสามารถลงทุนได้ เช่น หลักทรัพย์ของบริษัททั้งที่จดทะเบียนเเละไม้ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนตราสารเเห่งหนี้เเละ/หรือเงินฝาก เเละ/หรือตราสารการเงินอื่นๆในสัดส่วนที่เหมาะสมของเเต่ละช่วงเวลา ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละไม่เกิน 2 ครั้ง
โดยกองทุน SCBLTT4 เข้าไปในลงทุนในกลุ่มหุ้นดังนี้ กลุ่มธุรกิจพลังงานเเละสาธารณูปโภค 42.38 % กลุ่มธนาคาร 22.46 % กลุ่มพัฒนาอาสังหาริมทรัพย์ 8.75% กลุ่มพาณิชย์ 2.65 % หน่วยลงทุน 2.43 % เเละอื่นๆ16.25 %
สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารทุน ประเภทหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยในรอบปีปัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 จองมูลค่าทรัพย์สินสิทธิของกองทุนรวม ซึ่งจะลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง เเละหรือมีเเนวโน้มในการเจริญเติบโตสูง ส่วนที่เหลือจะทุนในหลักทรัพย์เเละทรัพยสินอื่น หรือการดอกผลโดยวิธีการอื่นที่กองทุนสามารถลงทุนได้ เช่น หลักทรัพย์ของบริษัททั้งที่จดทะเบียนเเละไม้ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนตราสารเเห่งหนี้เเละ/หรือเงินฝาก เเละ/หรือตราสารการเงินอื่นๆในสัดส่วนที่เหมาะสมของเเต่ละช่วงเวลา เเละจะจ่ายเงินผันปีละไม่เกิน 2 ครั้ง
กองทุน SCBLTT ลงทุนในกลุ่มตราสารทุนดังนี้ กลุ่มพลังงานเเละสาธารณูปโภค 42.86 % กลุ่มธนาคาร 22.23 % กลุ่มพัฒนาอาสังหาริมทรัพย์ 9.24 % กลุ่มพาณิชย์ 2.66 % กลุ่มเครื่องมือเเละเครื่องจักร 2.57% เเละอื่นๆ 14.32 %