xs
xsm
sm
md
lg

วายุภักษ์1ปรับพอร์ตช้อนซื้อหุ้นถูก ย้ำผู้ถือหน่วยสบายใจยิลด์ไม่เคยต่ำกว่า6%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วายุภักษ์ 1 ปรับพอร์ตลุยช้อนซื้อหุ้นถูก ลดสัดส่วนตราสารหนี้ – พันธบัตร เพื่อโกยกำไรเพิ่ม จากช่วงตลาดหุ้นผันผวน ย้ำความมั่นใจนักลงทุนทุน ราคาหน่วยลงทุนไม่ควรต่ำกว่า 10.00 บาท เหตุเป็นกองทุนที่คุ้มครองเงินต้น และให้ผลตอบตอบแทนขั้นต่ำ 3% อีกทั้งที่ผ่านมาผลตอบแทนไม่เคยต่ำกว่า 6% แต่เชื่อVAYU1 จะปรับตัวเพิ่มและดีดตัวขึ้นอีกในช่วงใกล้ครบกำหนดโครงการ

นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน)หนึ่งในคณะผู้จัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 (VAYU1) กล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดตั้งกองทุนมาตั้งแต่ปี 2547 กองทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยปีละ 6% แต่สำหรับผลดำเนินการปี 2550 กองทุนฯสามารถให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่ตรงข้ามกับราคาหน่วยลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งปรับตัวลดลง โดยวานนี้ (13ก.พ.) ราคาหุ้น VAYU1 ปิดตลาดอยู่ที่ 9.83 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.03 บาท จากราคา 9.80 ในวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.108 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าราคาตามมูลค่าหน่วยลงทุนที่ 10 บาท หรือต่ำกว่า 0.17 บาท

สำหรับสาเหตุที่ราคาหน่วยลงทุนวายุภักษ์ 1 ปรับตัวลดลงนั้น มาจากความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผันผ่าน ซึ่งเป็นไปตามราคาหุ้นอื่นๆที่มีการปรับตัวลดลงเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่า ราคาของ VAYU1 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับมาเท่าเดิม และจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกเมื่อใกล้ครบกำหนดอายุโครงการ

“ตอนนี้ราคาVAYU1 อยู่ที่ประมาณ 9 บาทกว่า ลดลงจากราคาหน่วยลงทุนสุทธิในช่วงตอนจัดตั้งซึ่งอยู่ที่หน่วยละ 10 บาท แต่เชื่อว่าในอนาคตราคาจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเท่าเดิม และปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในช่วงใกล้ครบกำหนดอายุโครงการได้ อย่างไรนักลงทุนยังขาดความเข้าใจในเรื่องวายุภักษ์1มากนัก เพราะหลายคนคิดเพียงแต่ว่ากองทุนดังกล่าวจะลงทุนแต่เพียงในหุ้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเข้าลงทุน แต่ในความจริงกองทุนยังได้ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง อีกทั้งยังมีกระทรวงการคลังที่ให้ความคุ้มครองเงินต้นทั้งจำนวน รวมทั้งให้ผลตอบแทนขั้นต่ำที่3%”

นายธีรพันธุ์ กล่าวว่า การเข้าถือหน่วยกองทุนวายุภักษ์ 1ควรว่าเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า เพราะผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลในเรื่องความเสี่ยงจากการลงทุน เนื่องจากมีกระทรวงการคลังให้ความคุ้มครองเงินลงทุน และมีผลตอบแทนขั้นต่ำที่3% ดังนั้นจึงทำให้VAYU1 มีความเสี่ยงในการลงทุนที่ต่ำมากเมื่อเปรียบกับกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นของบลจ.ต่างๆ

โดยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน VAYU1 ประจำวันที่ 18 ม.ค. 2551 มีมูลค่ารวม 144,213.03 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหน่วยลงทุนของนักลงทุนทั่วไป (ประเภท ก.) อยู่ที่ 10.7658 บาทต่อหน่วย และมูลค่าหน่วยลงทุนของกระทรวงการคลัง (ประเภท ข.) อยู่ที่ 22.9508 บาทต่อหน่วย ขณะที่สินทรัพย์ทั้งหมดประมาณ 70% จะลงทุนในหุ้นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และพร้อมที่จะซื้อหุ้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ ส่วนสินทรัพย์ที่เหลืออีก 30,000 ล้านบาท กองทุนได้ลงทุนในหุ้นและพันธบัตรที่มีการค้ำประกัน และมีเครดิตที่ดีในระดับสูงเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนให้เหมาะสม

อย่างไรก็ตามในส่วน 30,000 ล้านบาทนี้ คณะผู้จัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ได้ร่วมกันบริหารพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด โดยขณะนี้กองทุนเตรียมจะเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเติม และลดสัดส่วนในการลงทุนพันธบัตรลง เนื่องช่วงนี้หุ้นในหลายบริษัทมีราคาถูกและเหมาะแก่การเข้าลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

ขณะที่ การเข้าถือหุ้นใน บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) นั้น ผู้จัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ 1กล่าวว่า นับตั้งแต่ร่วมมือกับพันธมิตรในการเข้าถือหุ้นในบริษัท กองทุนฯสามารถได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับที่ดีเสมอมา ดังนั้นกองทุนจึงไม่มีแผนที่จะขายหุ้นออกไปในขณะนี้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับช่วงระยะเวลา 1 กรกฎาคม-31 ธันวา คม 2550 ในอัตราร้อยละ 4.00 หรือ 0.40 บาท ต่อ 1 หน่วยลงทุนในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2551ขณะที่ก่อนหน้าได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราร้อยละ 3.00 บาท หรือ 0.30 บาทต่อ 1 หน่วยลงทุน รวมทั้งปีที่ผ่านมาVAYU1 จ่ายปันผลร้อยละ 7 หรือ 0.70 บาท ต่อหน่วยลงทุน โดยถือเป็นปีที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดนับตั้งแต่รอบปี 2547 ที่จ่ายเงินปันผลเป็นปีแรกจ่ายจำนวน 0.65 บาทต่อหน่วย หรือในอัตรา 6.50% ปี 2548 จ่ายในอัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย หรือในอัตรา 6% ปี 2549 จ่าย 0.65 บาทต่อหน่วย หรือในอัตรา 6.50% ซึ่ง บลจ.กรุงไทย และ บลจ.เอ็มเอฟซี ได้จัดตั้งและจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2546 โดยกองทุนมีนโยบาย คุ้มครองเงินต้นและอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ มูลค่าโครงการ 1 แสนล้านบาท อายุโครงการ 10 ปี

ก่อนหน้านี้นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี ในฐานะผู้จัดการกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง กล่าวว่า แม้ว่าในระยะนี้ภาวะตลาดหุ้นจะปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ซึ่งจะมีผลต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) ของกองทุน แต่สำหรับผู้ถือหุ้นรายย่อยจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากกองทุนมีกำไรสะสมมากพอที่จะป้องกันความเสียหายของผู้ถือหน่วยรายย่อย

"ผลดำเนินงานของวายุภักษ์ 1 ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า รูปแบบกองทุนนี้สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ก็อาจใช้โมเดลของกองวายุภักษ์ 1 เป็นต้นแบบ คือ เป็นกองทุนที่คุ้มครองเงินต้นและผลตอบแทนขั้นต่ำที่3% ซึ่งกองทุนวายุภักษ์ 2 คงคุ้มครองผลตอบแทนขั้นต่ำใกล้เคียงกับวายุภักษ์ 1 ที่ 3%" นายพิชิตกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น