บลจ.ไทยพาณิชย์ประกาศจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ หน่วยละ 0.20 บาท ด้าน QH เตรียมเพิ่มขนาดกองทุนอีก 3,000 ล้านบาท คาดว่ามีความชัดเจนไตรมาส 3/2551
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) ในอัตราหน่วยละ 0.20 บาท โดยกองทุนเปิดจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 4 มีนาคม 2551 สำหรับผู้ถือหุ้นในรอบระยะบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550-31 ธันวาคม 2550 ซึ่งบริษัทจะทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนและหยุดทำการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนชั่วคราวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ มีนโยบายการลงทุนโครงการซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในโครงการ คิวเฮ้าส์ เพลินจิต โครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี และโครงการเวฟ เพลส ซึ่งนโยบายในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ลงทุนไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิต่อปีในกรณีที่กองทุนมีกำไรสะสม บริษัทอาจจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากกำไรสะสมได้ ทั้งนี้ กำไรสุทธิและกำไรสะสมดังกล่าวข้างต้นจะต้องเกิดขึ้นจริงจากการหาประโยชน์ในทรัพย์สินของกองทุนรวม โดยไม่รวมกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์หลักทรัพย์หรือทรัพย์สินของกองทุน รวมถึงรายจ่ายในการจัดตั้งกองทุนรวมและรายจ่ายในการเสอนขายหน่วยลงทุน
ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน QHPF ได้มีการประกาศจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไปแล้วทั้งสิ้น 3 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าต่อหน่วยรวม 0.5500 บาท โดยมีการจ่ายเงินปันผลดังนี้ รอบที่ 1 ในอัตราหน่วยละ 0.1850 บาท และรอบที่ 2 ในอัตราหน่วยละ 0.1750 บาท และรอบที่ 3 ในอัตราหน่วยละ 0.1900 บาท
สำหรับผลดำเนินการของกองทุนนี้ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 พบว่า มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 8,590.20 ล้านบาท และสามารถให้ผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 0.90% ผลการดำเนินการย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.46% และผลดำเนินงานย้อนหลัง1 ปีอยู่ที่ 13.25%
นอกจากนี้ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) QH เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเดินหน้าขยายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) อีก 3,000 ล้านบาทจากเดิมอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายไตรมาส 2/2551 ถึงต้นไตรมาส 3/2551 จากเดิมที่มีโครงการจะออกกองทุนดังกล่าวในช่วงไตรมาส 2/2551 แต่ได้มีการเพิ่มสินทรัพย์ใหม่ในกองทุนเก่า ทำให้ต้องเลื่อนเวลาในการออกกองทุนดังกล่าวมาเล็กน้อย
สำหรับสินทรัพย์ที่จะเข้าไปลงทุนเป็นโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ จำนวน 3 โครงการ และอาคารสำนักงานคิวเฮ้าส์ สาทร ขณะเดียวกัน มองว่าภาวะอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรกที่เป็นขาลงน่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากผู้ประกอบการก็สามารถลดต้นทุนลงได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่จูงใจให้ผู้บริโภคซื้อบ้านมากขึ้น
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) ในอัตราหน่วยละ 0.20 บาท โดยกองทุนเปิดจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 4 มีนาคม 2551 สำหรับผู้ถือหุ้นในรอบระยะบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550-31 ธันวาคม 2550 ซึ่งบริษัทจะทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนและหยุดทำการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนชั่วคราวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ มีนโยบายการลงทุนโครงการซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ในโครงการ คิวเฮ้าส์ เพลินจิต โครงการคิวเฮ้าส์ ลุมพินี และโครงการเวฟ เพลส ซึ่งนโยบายในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ลงทุนไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิต่อปีในกรณีที่กองทุนมีกำไรสะสม บริษัทอาจจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนจากกำไรสะสมได้ ทั้งนี้ กำไรสุทธิและกำไรสะสมดังกล่าวข้างต้นจะต้องเกิดขึ้นจริงจากการหาประโยชน์ในทรัพย์สินของกองทุนรวม โดยไม่รวมกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์หลักทรัพย์หรือทรัพย์สินของกองทุน รวมถึงรายจ่ายในการจัดตั้งกองทุนรวมและรายจ่ายในการเสอนขายหน่วยลงทุน
ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุน QHPF ได้มีการประกาศจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไปแล้วทั้งสิ้น 3 ครั้ง รวมเป็นมูลค่าต่อหน่วยรวม 0.5500 บาท โดยมีการจ่ายเงินปันผลดังนี้ รอบที่ 1 ในอัตราหน่วยละ 0.1850 บาท และรอบที่ 2 ในอัตราหน่วยละ 0.1750 บาท และรอบที่ 3 ในอัตราหน่วยละ 0.1900 บาท
สำหรับผลดำเนินการของกองทุนนี้ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 พบว่า มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 8,590.20 ล้านบาท และสามารถให้ผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 0.90% ผลการดำเนินการย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.46% และผลดำเนินงานย้อนหลัง1 ปีอยู่ที่ 13.25%
นอกจากนี้ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) QH เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเดินหน้าขยายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QHPF) อีก 3,000 ล้านบาทจากเดิมอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในปลายไตรมาส 2/2551 ถึงต้นไตรมาส 3/2551 จากเดิมที่มีโครงการจะออกกองทุนดังกล่าวในช่วงไตรมาส 2/2551 แต่ได้มีการเพิ่มสินทรัพย์ใหม่ในกองทุนเก่า ทำให้ต้องเลื่อนเวลาในการออกกองทุนดังกล่าวมาเล็กน้อย
สำหรับสินทรัพย์ที่จะเข้าไปลงทุนเป็นโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ จำนวน 3 โครงการ และอาคารสำนักงานคิวเฮ้าส์ สาทร ขณะเดียวกัน มองว่าภาวะอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรกที่เป็นขาลงน่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากผู้ประกอบการก็สามารถลดต้นทุนลงได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่จูงใจให้ผู้บริโภคซื้อบ้านมากขึ้น
