xs
xsm
sm
md
lg

ไทยพาณิชย์พอใจ“เอเชียนอีเมอร์จิ้ง” สบช่องเหมาะลงทุนช่วงตลาดหุ้นตก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ไทยพาณิชย์พอใจผลงาน "ไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์” หลังปิดไอพีโอระดมทุนได้กว่า 520 ล้านบาท เผยเป็นโอกาสดีเข้าไปเลือกซื้อหุ้น หลังจากต้นปีนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลง เตรียมเปิดขายอีกครั้ง 15 ก.พ.นี้ พร้อมแนะนักลงทุนระมัดระวังก่อนลงทุนหุ้น พิจารณาจากผลดำเนินการและความสามารถในการทำกำไรก่อนเป็นอันดับแรก

นายกำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการผู้อำนวยการ สายธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทได้เปิดตัวกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์ (SCBAEM) ซึ่งไม่กำหนดอายุโครงการ และมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยได้ทำการเปิดเสนอหน่วยลงทุนเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 24 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยกองทุนดังกล่าวสามารถระดมทุนได้ประมาณ 520 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยอดการระดมทุนกองทุนดังกล่าวน่าพอใจ แม้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวลดลง แต่ก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดีในการระดมทุนในช่วงนี้ เนื่องจากทำให้สามารถเข้าไปเลือกซื้อหุ้นได้ในราคาที่ถูกลง นอกจากนี้ ยังมองว่าตลาดหุ้นในประเทศแถบเอเชียยังมีแนวโน้มเจริญเติบโตมากที่สุด อย่างไรก็ตาม กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์ จะเริ่มเปิดทำการเสนอขายอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นไป มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท

สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ได้แก่ “Templeton Asian Growth Fund” ในหน่วยลงทุนชนิด (Class) “I” หรือ Class I shares ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในประเทศลักเซมเบิร์ก และมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุน (Equity Fund) ภายใต้การบริหารของ “Templeton Asset Management” ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะลงทุนหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศดังกล่าวโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และลงทุนในต่างประเทศในขณะใดขณะหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

นอกจากนั้น บริษัทจัดการอาจลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ทั้งในประเทศ และ/หรือต่างประเทศ และ/หรือเงินฝาก และ/หรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์อื่นหรือทรัพย์สินอื่น และ/หรือหาดอกผลโดยวิธีการอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือให้ความเห็นชอบตราสารแห่งหนี้ทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ การลงทุนในประเทศมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงานของกองทุน เพื่อรอการลงทุน เพื่อบริหารสภาพคล่องของกองทุน เพื่อชำระค่าใช้จ่าย หรือสำหรับการอื่นใดอันมีลักษณะทำนองเดียวกันนี้ ทั้งนี้ บริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Derivatives) ที่มีตัวแปรอ้างอิงเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน (Hedging) และจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)

สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์ เป็นกองทุน FIF ที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นในตลาดเกิดใหม่เอเชีย อาทิ จีน ฮ่องกง อินเดีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ซึ่งมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็ว ซึ่งจุดเด่นของกองทุนนี้อยู่ที่เป็นการสร้างโอกาสที่สูงขึ้นให้กับเงินลงทุน เนื่องจากเข้าไปลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพ มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสได้รับกำไรส่วนเกินทุน รวมทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ นอกเหนือจากการลงทุนในประเทศไทยประเทศเดียว

ส่วนกองทุน “Templeton Asian Growth Fund สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งที่ 220.60% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 63.82% และสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีที่ 179.51%

ทั้งนี้ สัดส่วนของกองทุนใน 10 หลักทรัพย์อันดับแรก สิ้นสุด เดือนพฤศจิกายน 2550 มีดังนี้ CHALCO 7.1% PETROCHINA 8.4% SINOPEC 7.2% SK ENERGY 6.4% บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 4.8% HYUNDAI DEVELOP 4.6% DENWAY MOTOR 4.5% OOGC 4.3% ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 3.1% และ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 2.9%

นายกำพล กล่าวว่า นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นเอง ควรระมัดระวังในการเลือกซื้อหุ้นมากขึ้น และดูว่าหุ้นตัวไหนมีลักษณะของการเก็งกำไรสูง ก็ไม่ควรเข้าไปซื้อหุ้นตัวนั้น ส่วนหุ้นที่มีผลดำเนินการดี และยังมีความสามารถในการทำกำไรได้ดี ควรเลือกเข้าไปซื้อ และหากหุ้นตัวไหนที่เป็นธุรกิจไม่ดีก็ควรปรับพอร์ตลงทุน โดยขายหุ้นตัวนั้นออกไป และเลือกหุ้นที่มีคุณภาพเข้ามาในพอร์ตลงทุนแทน

ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่คิดซื้อหุ้น ควรลองเข้าไปลงทุนในหุ้นดู เนื่องจากจะได้รับผลตอบแทนที่ดีพอสมควร โดยควรขยายระยะเวลาในการถือหุ้นออกไป และอย่ารีบร้อนขาย หากหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี มูลค่าของหุ้นตัวนั้นก็จะปรับขึ้นมาได้ นอกจากนี้ หากรัฐบาลมีการออกมาตรการหรือนโยบายมากระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะช่วยส่งเสริมตลาดหุ้นได้ในอีกมิติหนึ่งด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น