xs
xsm
sm
md
lg

ไทยพาณิชย์ กับ FIFกองล่าสุด SCBAEM ลุยตลาดเกิดใหม่เอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต) อยู่ในระดับที่สูงกว่าตลาดอื่น เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก และเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียอยู่ในระดับที่สูงกว่ากลุ่มประเทศอื่นด้วย

ด้วยเหตุนี้เอง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จึงสนใจออกกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ที่เน้นลงทุนตราสารทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากตลาดหุ้นมีผลการดำเนินงาน และศักยภาพในการเติบโตสูงกว่าตลาดหุ้นสำคัญอื่นๆ ทั่วโลก

"ผู้จัดการกองทุนรวม"ฉบันนี้ใน คอลัมน์ MutualFund IPO จึงขอพามารู้จักกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในประเทศภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะ เช่น กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์ (SCB ASIAN EMERGING MARKETS OPEN END FUND : SCBAEM) โดยเป็นกองทุน FIF ที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นในตลาดเกิดใหม่เอเชีย อาทิ จีน ฮ่องกง อินเดีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน สิงคโปร์ ซึ่งมีแนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็ว

กำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการผู้อำนวยการ สายธุรกิจกองทุนรวม บลจ.ไทยพาณิชย์ เล่าให้ฟังว่า จุดเด่นของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์ อยู่ที่เป็นการสร้างโอกาสที่สูงขึ้นให้กับเงินลงทุน เนื่องจากเข้าไปลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพ มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสได้รับกำไรส่วนเกินทุน รวมทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ นอกเหนือจากการลงทุนในประเทศไทยประเทศเดียว

สำหรับกองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่มีระยะเวลาในการลงทุนปานกลางถึงระยะยาวประมาณ 1 ปีขึ้นไป ที่ต้องการมูลค่าเพิ่มจากการลงทุน และสามารถยอมรับความผันผวนบางช่วงตลอดเวลาที่ถือหน่วยลงทุน คาดว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท เนื่องจากเป็นกองทุนที่ต้องใช้ความเข้าใจ และรอนักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนในโอกาสต่อไป

ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Templeton Asian Growth Fund ในหน่วยลงทุนชนิด (Class) “I” หรือ Class I shares ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นประเทศลักเซมเบิร์ก และมีนโยบายลงทุนในตราสารทุน (Equity Fund) ภายใต้การบริหารจัดการของ “Templeton Asset Management” ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะลงทุนหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศดังกล่าวในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และลงทุนในต่างประเทศในขณะใดขณะหนึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

โดยSCBAEM มีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวจากการลงทุนในตราสารทุนหรือหุ้นต่างประเทศซึ่งมีปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอนาคตในตลาดหลักทรัย์ของประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย (Asia region) อาทิ ประเทศจีน ไทย เกาหลีใต้ อินเดีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน และศรีลังกา เป็นต้น โดยยกเว้น ประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

ส่วนที่เหลือ บริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศ และ/หรือต่างประเทศ และ/หรือเงินฝาก และ/หรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์อื่นหรือทรัพย์สินอื่น และ/หรือหาดอกผลโดยวิธีการอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ประกาศกำหนด หรือให้ความเห็นชอบ

กำพล บอกว่า กองทุน Templeton Asian Growth Fund เป็นกองทุนที่มีอัตราการเจริญเติบโตในด้านผลตอบแทนที่ดีที่สุดในภูมิภาค และมีทีมผู้บริหารที่มีฝีมือ เน้นลงทุนในตราสารแห่งทุน หรือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอนาคตของตลาดหลักทรัพย์ประเทศภูมิภาคเอเชีย ยกเว้น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ดังนั้น คาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากกองทุนนี้ในระดับที่น่าพอใจ

สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยกองทุนนี้สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งที่ 220.60% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 63.82% และสามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีที่ 179.51% ส่วนสัดส่วนของกองทุนใน 10 หลักทรัพย์อันดับแรก สิ้นสุด เดือนพฤศจิกายน 2550 มีดังนี้ CHALCO 7.1% PETROCHINA 8.4% SINOPEC 7.2% SK ENERGY 6.4% บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 4.8% HYUNDAI DEVELOP 4.6% DENWAY MOTOR 4.5% OOGC 4.3% ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 3.1% และ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 2.9%

ชูเกียรติ ธิติหิรัญเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกลงทุนในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงกว่า จากปริมาณความต้องการทางด้านอุปโภคและบริโภคของประชากรในประเทศ และแหล่งทรัพยากรด้านพลังงานที่ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งประมาณเงินทุนทั้งเพื่อสร้างดรงงานและการย้ายฐานการผลิต และการลงทุนในตลาดหุ้นจากทั่วโลกไหลเข้าสู่ประเทศแถบเอเชียจำนวนมาก

“กลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียปัจจุบันได้กลายเป็นผู้ผลิตสินค้าและผู้บริโภคที่สำคัญรายใหญ่ของโลก หรือที่เรียกกันว่า “โรงงานของโลก” ประกอบกับราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นหรือภูมิภาคอื่น และหากจะพิจารณาราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) พบว่ามีแนวโน้มผลการดำเนินงานสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชีย ยังคงเป็นแหล่งที่น่าลงทุน" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน กล่าว

โดย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์ มีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยจะเปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 24 มกราคม – 4 กุมภาพันธ์ 2551 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ทุกสาขา โทร. 0-2626-2222 ต่อ 88 หรือที่ www.scbam.com
กำลังโหลดความคิดเห็น