บลจ.ไทยพาณิชย์ ยืนยันกองทุนเทมเพิลตันฯ ยังมั่นใจในตลาดหุ้นไทย แม้พ.ย.50 ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นปตท. ชี้แค่โยกเงินใส่เพิ่มในหุ้นอื่น เชื่อหลังปัญหา PTT ได้ข้อยุติจะกลับมาเพิ่มสัดส่วนลงทุนอีกครั้ง เพราะกองทุนนี้ให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังานในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก
นายกำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า แม้เดือน พฤศจิกายน 2550 กองทุนเปิดเทมเพิลตัน เอเชียน โกร์ท ฟันด์ (Templeton Asian Growth Fund) ซึ่งเป็นกองทุนที่ กองทุนเปิด ไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์ (SCBAEM) กองทุนเอฟไอเอฟของบริษัทนำเงินเข้าไปลงทุน ได้ทำการลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เหลือเพียง 4.8% นั้น แต่น้ำหนักในการลงทุนในประเทศไทยยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
“เรื่องดังกล่าวไม่น่ากังวล แม้กองทุนเทมเพิลตัน ลดสัดส่วนถือหุ้น PTT ลง แต่ได้โยกเงินลงทุนเข้าถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนอื่นๆแทนเท่านั้น ดังน้ำหนักการลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนในไทยยังคงเท่าเดิม ไม่ความไม่ใช่ความกังวลจากความผันผวนของตลาดหุ้นไทย โดยทั้งหมดแน่นอน”
ทั้งนี้ กองทุน เทมเพิลตันฯ ได้ลดสัดส่วนถือหุ้น PTT จากเดิมที่ถืออยู่ 8-9% ของมูลค่ากองทุน 300,000 ล้านบาท แต่ได้โยกเงินเข้าลงทุนเพิ่มใน ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แทนประมาณ 3% เพราะกองทุนดังกล่าวยังให้ความสนใจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นย่านเอเชียอยู่
ส่วนสาเหตุการปรับสัดส่วนการเข้าถือหุ้น PTT นั้นมาจาก กองทุนเทมเพิลตันฯ มีความไม่มั่นใจในปัญหาเรื่องการจัดเก็บอัตราค่าเช่าท่อก๊าซ จึงได้ทยอยลดสัดส่วนการลงทุนลง แต่บลจ.ไทยพาณิชย์ เชื่อว่าเมื่อปัญหาดังกล่าวคลี่คลาย และมีความชัดเจนเพิ่มขึ้น กองทุนเทมเพิลตันฯจะกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น PTT อีกครั้ง เพราะกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในธุรกิจพลังงานเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจพลังงานถึงประมาณ 35-36% ของมูลค่าเม็ดเงินลงทุนทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บลจ.ไทยพาณิชย์จะติดตามความเคลื่อนไหวของกองทุนเทมเพิลตันฯ อย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าเร็วๆนี้จะได้รับข้อมูลสัดส่วนการลงทุนของกองทุนเทมเพิลตันฯ ในเดือนธันวาคม ปี 2550 ซึ่งจะทำให้รู้ว่าความมั่นใจต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังเป็นเช่นไร
สำหรับ กองทุนเทมเพิลตัน เอเชียน โกร์ท ฟันด์ เป็นบริษัทจัดการในกลุ่ม Franklin Templeton Investments ซึ่งเป็นบริษัทจัดการชั้นนำในสหรัฐฯมีประสบการณ์การลงทุนทั่วโลกและมีทรัพย์สินภายใต้การบริหาร ณ มิ.ย.50 เท่ากับ 624 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯโดยมีอัตราผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนช่วงวันที่ 29 ธ.ค.49-31 ธ.ค.50 มีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 63.82% เทียบดัชนีมาตรฐาน(MSCI Ac Asia ex Japan Index)อยู่ที่ 37.19%
โดย กองทุนดังกล่าว มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุน (Equity Fund) หรือหุ้นต่างประเทศ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอนาคต ของตลาดหลักทารัพย์ประเทศภูมิภาคเอเชีย (Asia Zone) ยกเว้นประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ด้วยเงินสุกลดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนประเทศในเอเชียที่กองทุนดังกล่าวเข้าลงทุน ณ. เดือนพฤศจิกายน ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไทย เกาหลี อินเดีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ปากีสถาน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์
นายกำพล อัศวกุลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า แม้เดือน พฤศจิกายน 2550 กองทุนเปิดเทมเพิลตัน เอเชียน โกร์ท ฟันด์ (Templeton Asian Growth Fund) ซึ่งเป็นกองทุนที่ กองทุนเปิด ไทยพาณิชย์ เอเชียน อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ฟันด์ (SCBAEM) กองทุนเอฟไอเอฟของบริษัทนำเงินเข้าไปลงทุน ได้ทำการลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เหลือเพียง 4.8% นั้น แต่น้ำหนักในการลงทุนในประเทศไทยยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
“เรื่องดังกล่าวไม่น่ากังวล แม้กองทุนเทมเพิลตัน ลดสัดส่วนถือหุ้น PTT ลง แต่ได้โยกเงินลงทุนเข้าถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนอื่นๆแทนเท่านั้น ดังน้ำหนักการลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนในไทยยังคงเท่าเดิม ไม่ความไม่ใช่ความกังวลจากความผันผวนของตลาดหุ้นไทย โดยทั้งหมดแน่นอน”
ทั้งนี้ กองทุน เทมเพิลตันฯ ได้ลดสัดส่วนถือหุ้น PTT จากเดิมที่ถืออยู่ 8-9% ของมูลค่ากองทุน 300,000 ล้านบาท แต่ได้โยกเงินเข้าลงทุนเพิ่มใน ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แทนประมาณ 3% เพราะกองทุนดังกล่าวยังให้ความสนใจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นย่านเอเชียอยู่
ส่วนสาเหตุการปรับสัดส่วนการเข้าถือหุ้น PTT นั้นมาจาก กองทุนเทมเพิลตันฯ มีความไม่มั่นใจในปัญหาเรื่องการจัดเก็บอัตราค่าเช่าท่อก๊าซ จึงได้ทยอยลดสัดส่วนการลงทุนลง แต่บลจ.ไทยพาณิชย์ เชื่อว่าเมื่อปัญหาดังกล่าวคลี่คลาย และมีความชัดเจนเพิ่มขึ้น กองทุนเทมเพิลตันฯจะกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น PTT อีกครั้ง เพราะกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในธุรกิจพลังงานเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจพลังงานถึงประมาณ 35-36% ของมูลค่าเม็ดเงินลงทุนทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บลจ.ไทยพาณิชย์จะติดตามความเคลื่อนไหวของกองทุนเทมเพิลตันฯ อย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าเร็วๆนี้จะได้รับข้อมูลสัดส่วนการลงทุนของกองทุนเทมเพิลตันฯ ในเดือนธันวาคม ปี 2550 ซึ่งจะทำให้รู้ว่าความมั่นใจต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังเป็นเช่นไร
สำหรับ กองทุนเทมเพิลตัน เอเชียน โกร์ท ฟันด์ เป็นบริษัทจัดการในกลุ่ม Franklin Templeton Investments ซึ่งเป็นบริษัทจัดการชั้นนำในสหรัฐฯมีประสบการณ์การลงทุนทั่วโลกและมีทรัพย์สินภายใต้การบริหาร ณ มิ.ย.50 เท่ากับ 624 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯโดยมีอัตราผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนช่วงวันที่ 29 ธ.ค.49-31 ธ.ค.50 มีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 63.82% เทียบดัชนีมาตรฐาน(MSCI Ac Asia ex Japan Index)อยู่ที่ 37.19%
โดย กองทุนดังกล่าว มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุน (Equity Fund) หรือหุ้นต่างประเทศ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอนาคต ของตลาดหลักทารัพย์ประเทศภูมิภาคเอเชีย (Asia Zone) ยกเว้นประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ด้วยเงินสุกลดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่วนประเทศในเอเชียที่กองทุนดังกล่าวเข้าลงทุน ณ. เดือนพฤศจิกายน ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไทย เกาหลี อินเดีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ปากีสถาน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์
