xs
xsm
sm
md
lg

กอน.ออกกฎคุมเงินขึ้นน้ำตาลเข้ากองทุนอ้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - มติ ”กอน.” ฉลุย ออกระเบียบว่าด้วยเงื่อนไขการจัดเก็บเงินทุกเม็ดจากโรงงานน้ำตาลทั้งหมดเข้ากองทุนอ้อยฯ ตามมติ ครม.ขึ้นราคาหน้าโรงงาน 5 บาทต่อ กก. มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 30 เม.ย. ปัดข้อเสนอกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารที่ขอใช้น้ำตาลโควตา ค. เป็นกรณีพิเศษเหตุขึ้นน้ำตาลไม่รู้ตัวกระทบต้นทุนเพิ่ม ด้านกลุ่มอาหารยอมรับชะตากรรมเล็งขยับสินค้าในประเทศทดแทน ด้านคณะทำงานแก้ปัญหาน้ำตาลทรายถกวันนี้รื้อแผนดูแลน้ำตาลผู้ส่งออกใหม่

นายดำริ สุโขธนัง รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะประธานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) กล่าวหลังการประชุมกอน.วานนี้(12พ.ค.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบระเบียบกอน.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายสีรำภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ทำให้โรงงานน้ำตาลทรายทุกรายต้องนำเงินรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลทรายมาชำระต่อกองทุนอ้อยฯในอัตรา 500 บาทต่อกระสอบ(100กิโลกรัม)
“ระเบียบดังกล่าวจะต้องนำส่งครม.เห็นชอบและมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 30 เม.ย. โดยโรงงานทุกแห่งต้องจัดส่งรายได้เข้ากองทุนฯภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หากโรงงานใดไม่ชำระภายในเวลากำหนดให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับจากวันที่ครบกำหนดชะระจนกว่าจะได้ทำการชำระเสร็จสิ้น และห้ามออกหนังสืออนุญาตการขนย้ายน้ำตาลทรายพื่อบริโภคภายในประเทศของงวดถัดไป “นายดำริกล่าว
นอกจากนี้ที่ประชุมยังไม่เห็นชอบแนวทางการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการในประเทศที่ทำหนังสือขอให้รัฐช่วยเหลือกรณีการปรับราคาน้ำตาลทรายที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมาได้มีการช่วยเหลืออยู่แล้ว
นายกำธร กิตติโชติทรัพย์ เลขาธิการสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อความสบายใจทุกฝ่ายว่าเม็ดเงินจากการขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน 5 บาทต่อกก.นั้นผลประโยชน์ตกอยู่กับชาวไร่อ้อยอย่างแท้จริงกอน.จึงได้ออกระเบียบการจัดเงินเข้ากองทุนฯแล้วในครั้งนี้ ซึ่งยืนยันว่าการปรับราคาดังกล่าวเพื่อนำมาชำระหนี้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) ที่จะมีทั้งสิ้น 2.4 หมื่นกว่าล้านบาท

***ชี้หากไม่ขึ้นราคาอีก 2 ปีอุตฯ ล่ม
“การที่ชาวไร่ได้รับค่าอ้อย 169 บาทต่อตันเพิ่มขึ้นด้วยการกู้ผ่านธ.ก.ส.และนำเงินรายได้จากการขึ้นน้ำตาลมาใช้หนี้ชาวไร่ได้รับประโยชน์ตรงนี้เต็มๆ 100 % จริงไม่มีแบ่งใคร และหากรัฐไม่ทำครั้งนี้ในปี 2553 หรืออีก 2 ปีข้างหน้าอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลจะล้มหายไปจากไทยเหมือนฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียที่ต้องนำเข้าแทนและยืนยันว่าไทยจะบริโภคน้ำตาลแพงแน่นอน”นายกำธรกล่าว

***เมินข้อเสนออุตฯ อาหาร
นายกำธรกล่าวว่า ข้อเสนอของกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการให้รัฐช่วยเหลือจากการปรับราคาน้ำตาลทรายครั้งนี้ได้ยื่นมาทั้งผู้ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและผลิตเพื่อการส่งออกที่เดิมใช้น้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ(โควตาก.) เป็นน้ำตาลทรายในโควตาค.(ส่งออก)เป็นกรณีพิเศษ นั้นชาวไร่อ้อยไม่เห็นด้วยและกอน.ก็มีมติไม่อนุมัติความช่วยเหลือเนื่องจากที่ผ่านมาชาวไร่ได้ช่วยเหลือไว้มากแล้ว
“การที่คุณผลิตในประเทศจะขอราคาพิเศษเป็นไปไม่ได้แต่ส่วนที่ส่งออกเราก็ช่วยเหลือมาตลอดเวลาให้ใช้โควตาค.อยู่แล้วแต่ก็ไม่ชัดเจนเรื่องการขอมา ที่ผ่านมาน้ำตาลตั้งแต่ปี 2523-2551 มานี้มีการขึ้นราคาแค่ 2 ครั้งเท่านั้นเราต้องเป็นหนี้แถมยังต้องช่วยคนอื่นอีกกลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อมมาตลอด”นายกำธรกล่าว

***ถกวันนี้ปรับโครงสร้างใหม่
ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะมีการประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาการจำหน่ายน้ำตาลทรายในประเทศที่จะมีตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์มาหารือเพื่อที่จะจัดวางแนวทางการบริหารน้ำตาลทรายทั้งระบบใหม่หลังการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายโดยเฉพาะโครงสร้างในการช่วยเหลือผู้ส่งออกที่ชัดเจนอีกครั้ง

***ยอมรับรัฐบาลนี้ได้ใจชาวไร่
นายราชัย ชูศิลป์กุล เลขาธิการสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับราคาน้ำตาลทรายครั้งนี้คงต้องขอบคุณสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรมทีเห็นความลำบากของชาวไร่อ้อยส่วนจะมีผลต่อคะแนนเสียงของรัฐบาลตามข่าวหรือไม่นั้นก็ยอมรับว่ารัฐบาลใดที่ทำตามข้อเรียกร้องก็น่าจะมีผลบ้างแต่ก็อยู่ที่แต่ละบุคคล

***ขู่ขึ้นราคาสินค้า
นายไพบูลย์ พลสุวรรณา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงมติ กอน.ไม่เห็นชอบแนวทางช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารกรณีการจัดสรรน้ำตาลทรายโควตาค.(ส่งออก)เพื่อช่วยเหลือกรณีการปรับขึ้นน้ำตาลทรายในประเทศหน้าโรงงาน 5 บาทต่อกิโลกรัมว่า เมื่อกอน.ไม่รับข้อเสนอของภาคอุตสาหกรรมที่ขอให้ช่วยเหลือปัญหาการขึ้นราคาน้ำตาลทรายก็ต้องยอมรับชะตากรรมโดยส่วนของผู้ส่งออกก็คงต้องรับภาระขาดทุนเพราะได้รับคำสั่งซื้อหรือออร์เดอร์ล่วงหน้าไปแล้วโดยไม่รู้ถึงต้นทุนว่าน้ำตาลจะขึ้นมาอีก ขณะที่ผู้ผลิตในประเทศก็คงจะต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้าที่ใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบ
“เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะส.อ.ท.เองก็ต้องดูแลสมาชิกก็ทำหนังสือไปแล้วว่าขอให้ช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษเพราะเราไม่ได้ตั้งตัวเนื่องจากการขึ้นราคาน้ำตาลเร็วมาก ซึ่งทางรอดผู้ผลิตในประเทศคงขึ้นราคาก็คงอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์จะดูแลเรื่องนี้ แต่บางรายปรับไปแล้วอาจขายไม่ออกก็คงใช้วิธีลดขนาดสินค้าหรือปริมาณลง และลดต้นทุนด้านอื่นๆ ทดแทน “นายไพบูลย์กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น