xs
xsm
sm
md
lg

คนไทยอ่วมค่าใช้จ่ายพุ่ง น้ำตาล-น้ำมันขึ้นราคาอีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- คนไทยเตรียมควักค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งน้ำมัน- น้ำตาล ดาหน้ากันขึ้นราคา ล่าสุด ครม.ให้น้ำตาลขึ้น 5 บาทต่อกก.อ้างช่วยเกษตรกรให้ลืมตาอ้าปาก พ่อค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาทันที เครื่องดื่มเตรียมขึ้นราคา 5-10% ขณะที่น้ำมันขยับ 50 ส.ต.ต่อลิตร ทุกชนิดวันนี้ เว้น ปตท.บางจากยังกดต่ำกว่ารายอื่นๆ 50 ส.ต. ประธานโอเปกส่งสัญญาณน้ำมันดิบ 200 เหรียญต่อบาร์เรล เป็นไปได้

วานนี้ (29เม.ย.) บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย ได้แจ้งนำปรับราคาขายปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้นทุกชนิด 50 ส.ต.ต่อลิตร ทำสถิติสงสุดใหม่ตามน้ำมันโลก ส่งผลให้เบนซิน 95 ขยับเป็น 36.59 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 ขยับเป็น 35.49 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น32.59 บาทต่อลิตร ดีเซล 33.94 บาทต่อลิตร ขณะที่ปตท.และบางจากขยับตามแต่ดีเซลของปตท.และบางจากก็ยังต่ำกว่าค่ายอื่น 50 ส.ต.ต่อลิตรโดยอยู่ที่ 33.44 บาทต่อลิตร

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงพุ่งสูง ล่าสุดวันที่ 29 เม.ย.  น้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยูที่ระดับ 110.20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ถือเป็นระดับสูงสุด (New High) ส่งผลให้น้ำมันสำเร็จรูปเบนซินและดีเซลปรับตัวสูงขึ้นตามขึ้นมา  เนื่องจากจีนได้นำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 24%  อีกทั้งนาย Chakib Khetil ประธานกลุ่มโอเปกได้คาดการณ์ว่าน้ำมันดิบเวสเท็กซัส อาจสูงถึงระดับ 200 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และยืนยันจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ เนื่องจากมีปริมาณเพียงพอกับความต้องการใช้  

"ผู้ค้าน้ำมันฯ ได้รับผลกระทบต่อเนื่องคือค่าการตลาดติดลบถึง 50 ส.ต./ลิตร (ค่าการตลาดที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการอยู่ทีระดับเฉลี่ย 1.50 บาท/ลิตร) หรือรับภาระขาดทุนอยู่ถึงลิตร 2 บาท ปตท. จึงจำเป็นต้องทยอยปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดขึ้น 50 ส.ต./ลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้ (30 เม.ย. 51) เป็นต้นไปแต่ดีเซลของปตท.ก็ยังต่ำกว่ารายอื่นๆ เว้นบางจาก 50 ส.ต.ต่อลิตร และแม้จะขึ้นแล้วก็ยังแบกภาระอีก 1.50 บาทต่อลิตร"

ครม.ฉลุยขึ้นน้ำตาล5บ./กก.

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมครม.วานนี้(29เม.ย.) ว่า ครม.ได้เห็นชอบแผนพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นวาระแห่งชาติ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมนำเสนอ ด้วยการเพิ่มค่าอ้อยให้กับชาวไร่อ้อยอีก 107 บาทต่อตัน และปรับเพิ่มราคาหน้าโรงงานอีก 5 บาท กก. ซึ่งทั้งหมดเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้ลืมตาอ้าปากได้ และมั่นใจว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากนัก

  นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ครม.เห็นชอบแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายตามที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) นำเสนอเพื่อเพิ่มราคาอ้อยให้กับชาวไร่อ้อยคุ้มทุนการผลิตฤดูผลิตปี 50/51 อีกตันละ 107 บาทเพื่อให้ราคาอ้อยเป็น 807 บาทต่อตัน จากเดิมที่ก่อนหน้าอยู่ที่ 600 บาทต่อตัน แต่รัฐบาลที่ผ่านมาเพิ่มค่าอ้อยให้ 100 บาทต่อตันโดยส่วนนี้จำนวน 38 บาทต่อตัน โรงงานจ่ายและ 62 บาทต่อตันกู้ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) 4,200 ล้านบาท

"การเพิ่มค่าอ้อยดังกล่าวจึงเท่ากับเป็นการกู้เงินผ่านธ.ก.ส.รวม 169 บาทต่อตันจึงรวมเป็นเงินกู้ 1.23 หมื่นล้านบาทซึ่งคิดที่ปริมาณอ้อยเข้าหีบหมดแล้วที่ 73.2 ล้านตัน เมื่อรวมกับหนี้เก่าที่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย(กท.)มีอยู่อีกประมาณ  1.24 หมื่นกว่าล้านบาทก็จะรวมหนี้เป็นกว่า 2.5 หมื่นล้านบาทจึงทำให้กอน.ต้องจัดทำแผนหารายได้เพื่อการชำระหนี้ที่จะเกิดขึ้นด้วยการต้องปรับราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานเพิ่มอีก 5 บาทต่อกก.ซึ่งเงินที่ได้จะโอนเข้ากองทุนฯเพื่อใช้หนี้คืนธ.ก.ส.ทั้งหมดไม่ได้แบ่งโรงงานหรือรั่วไหลไปที่อื่นแน่นอน" นายสุวิทย์กล่าว

ทั้งนี้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.)จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อเปลี่ยนแปลงราคาหน้าโรงงานซึ่งคาดว่าจะประกาศได้วันนี้(30เม.ย.)และมีผลทันทีในวันเดียวกัน ซึ่งทำให้น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์อยู่ที่ 15 บาทต่อ กก.จะเป็น 20 บาทต่อกก. ขาวธรรมดา 14 บาทต่อกก.เป็น 19 บาทต่อกก.     และหลังจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ จะพิจารณาส่วนขายปลีกขึ้นตาม ซึ่งจะทำให้ขายปลีกปรับเมื่อรวมค่าบรรจุภัณฑ์ขาวบริสุทธิ์เป็น 23.25 บาท/กก. ขาวธรรมดา 22.25  บาท/กก.ซึ่งก็ยังไม่แพงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตามจะไม่มีการกักตุนเพราะได้สั่งให้โรงงานห้ามเคลื่อนย้ายน้ำตาลจนกว่าจะประกาศเปลี่ยนแปลงราคาแล้ว

สำหรับการปรับราคา 5 บาทต่อ กก.คาดว่าฤดูการผลิตปีนี้น้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ(โควตาก.)เหลืออยู่ 13 ล้านกระสอบจะมีเงินไหลเข้ากองทุนฯประมาณ 6,500 ล้านบาทและจากนั้นก็จะมีรายได้เพิ่มอีกในปีต่อไปอย่างน้อย 9,000-10,000 ล้านบาทไหลเข้าก็จะทำให้การชำระหนี้จะหมดลงภายใน 3 ปี ทั้งหมดจะช่วยให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยถึง 1 ล้านคนมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น

ส่วนแผนพัฒนาฯได้กำหนดให้ใน 3 ปีข้างหน้า(ปี51/52-53/53) จะเพิ่มผลผลิตอ้อยเป็น 95 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่เป็น 15 ล้านตัน พื้นที่เพาะปลูกอ้อยคงเดิมที่ 6.2 ล้านไร่ คงระดับผลิตอ้อยเพื่อบริโภคในประเทศ 20 ล้านตัน ลดอ้อยเพื่อผลิตน้ำตาลส่งออกจาก 55.2 ล้านตันเหลือ 32 ล้านตัน ปริมาณเอทานอลที่ผลิตจากอ้อยเพิ่มเป็น 3.4 พันล้านลิตรต่อปี เป็นต้น

คาดขยับหน้ารง.มีผลวันนี้

นางรัตนาภรณ์ จึงสงวนสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) กล่าวว่า กำลังรอหนังสือมติประชุมครม.หากมาถึงในวันนี้(30เม.ย.) สอน.จะทำหนังสือส่งถึงประธานกอน.เพื่อลงคำสั่งประกาศราชกิจจานุเบกษาเปลี่ยนแปลงราคาหน้าโรงงานเพิ่มอีก 5 บาทต่อกก.และให้มีผลทันทีในวันดังกล่าวซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นไปตามนี้

“การขึ้นน้ำตาล 5 บาทต่อกก.ทั้งหมดจะนำส่งกองทุนฯเพื่อเป็นรายได้ในการใช้หนี้ และยังกำหนดให้ราคาอ้อยขั้นสุดท้าย 50/51 หากสูงกว่า 638 บาทต่อตันให้นำส่งคืนกองทุนฯทั้งหมดก็จะทำให้ระบบฯอยู่ได้ดีขึ้นเพราะเวลานี้พื้นที่ปลูกอ้อยได้ลดลงแล้ว 3.3 แสนไร่เพราะหันไปปลูกพืชอื่นที่ราคาดีกว่าจากพื้นที่ปลูกอ้อยทั้งสิ้น 6.2 ล้านไร่”นางรัตนาภรณ์กล่าว

รับขึ้นน้ำตาลโลละ 5 บาท

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในวันนี้ (30 เม.ย.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) จะประชุมกกร.เพื่อพิจารณาการปรับขึ้นราคาขายน้ำตาลทราย โดยที่ประชุมจะอนุมัติให้ปรับขึ้นอีกกก.ละ 5 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากนั้นกกร.จะออกประกาศเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกน้ำตาลทราย ซึ่งจะมีผลวันเดียวกับมติครม.ที่จะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา หรือน่าจะมีผลบังคับใช้จริงภายในสัปดาห์นี้

"การขึ้นราคาขายน้ำตาลทราย เพื่อให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น และยังทำให้ราคาขายน้ำตาลของไทยสอดคล้องกับราคาตลาดโลกด้วย เชื่อว่า การปรับขึ้นราคาครั้งนี้โรงงานน้ำตาลทรายแทบไม่ได้ประโยชน์เลย เพราะมีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นตามราคารับซื้ออ้อยที่เพิ่มขึ้น" นายยรรยงกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ยังไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำตาลทราย จนกว่าที่ประชุมกกร.จะมีมติออกมา ดังนั้นหากผู้ประกอบการรายใดฉวยโอกาสขึ้นราคาน้ำตาลทรายเกินเพดานควบคุมที่ภาครัฐกำหนดที่กก.ละ 17.50 บาท จะมีโทษตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหากผู้บริโภครายใดพบการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายให้แจ้งสายด่วนฮอตไลน์แม่บ้าน 1569 กรมฯจะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ **พ่อค้าฉวยโอกาสขึ้นราคาทันที

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ขณะนี้ ได้มีประชาชนร้องเรียนผ่านสายด่วนราคาสินค้า 1569 ว่ามีร้านจำหน่ายน้ำตาลทรายรายย่อยใน อ.สวี จ.ชุมพร ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายถึงกระสอบละ (50 กก.) 870-900 บาท จากเดิมที่จำหน่ายไม่เกินกระสอบละ 800 บาท โดยอ้างคำพูดของ นายกรัฐมนตรี จะอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายขายปลีกกก.ละ 5 บาท ทำให้ ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือนร้อนอย่างมาก โดยค้าภายในจังหวัดชุมพรกำลังลงไปตรวจสอบการขายน้ำตาลทรายเกินราคาในพื้นที่ดังกล่าวอยู่

นอกจากนี้ สถานการณ์จำหน่ายน้ำตาลทรายของยี่ปั๊ว ซาปั๊วต่างๆ ก็พบว่ามีการปรับขึ้นราคาไปแล้ว โดยบวกเพิ่มอีกกิโลกรัมละ 5 บาท หากผู้บริโภคต้องการซื้อก็ต้องซื้อในราคาใหม่ หากไม่ซื้อ ก็ปฏิเสธการจำหน่าย โดยอ้างว่าน้ำตาลทรายหมด

ผู้ประกอบการเครื่องดื่มจ่อขึ้นราคา

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการเครื่องดื่ม กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย 5 บาท/กก. ทางผู้ประกอบการมีความจำเป็นที่จะต้องปรับราคาสินค้าขึ้น 5-10% เช่นกัน เพราะน้ำตาลเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องดื่ม มีสัดส่วนมากกว่า 10% ของต้นทุนทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการก็ต้องซื้อน้ำตาลแพงเกินกว่าราคาที่กระทรวงพาณิชย์ควบคุมอยู่แล้ว โดยซื้อถึง 18-19 บาท/กก. จากราคาเพดาน 17.50 บาท/กก. ยังไม่รวมต้นทุนวัตถุดิบอื่นที่ปรับขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายอย่างรอบคอบ เพราะกระทบต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก

งัดไม้แข็งขู่อย่าขึ้นราคาสินค้า

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมที่ใช้น้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบในการผลิต เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ขนมหวาน ลูกอม เป็นต้น ไม่สามารถใช้ข้ออ้างการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายอีกกิโลกรัมละ 5 บาทมาเป็นข้ออ้างปรับขึ้นราคาสินค้า เพราะใช้น้ำตาลทรายเพียงเล็กน้อยในการผลิตเท่านั้น ไม่ใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต และราคาขายสินค้าเหล่านั้นในปัจจุบันถือว่าเหมาะสมแล้ว

อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบปริมาณน้ำตาลทรายในครอบครองของผู้ค้ารายใหญ่แล้ว หากพบการกักตุน ประวิง หรือปฏิเสธการขายจะมีความผิดตามกฎหมาย แต่ต้องขอความร่วมมือคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ให้ข้อมูลรายละเอียดกับกระทรวงพาณิชย์ด้วยว่า ขายให้ใคร ในปริมาณเท่าไร เพื่อที่จะได้ข้อเท็จจริงในการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดต่อไป

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ราคาขายปลีกน้ำตาลทรายเมื่อถึงมือผู้บริโภคจะเพิ่มอีกกก.ละ 5.35 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ 22.85 บาทต่อกก. แต่คาดว่าราคาจำหน่ายจริงน่าจะมีการปรับเศษสตางค์ขึ้นหรือลดลง โดยคาดว่าราคาขายปลีกจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 23.50 บาท ส่วนในต่างจังหวัดราคาจะเพิ่มขึ้นอีกตามค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น