xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.-คลังป้องแบงก์ไม่เจ๊งกรณ์จี้ใช้ ม.75 ลากคอหมัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - "ผู้ว่าแบงก์ชาติ-รมว.คลัง" ประสานเสียงอุ้มไทยธนาคาร-นครหลวงไทย บอกไม่เจ๊ง "กรณ์" ได้ทีสอนมวยหมัก เผยผลกระทบรุนแรง ทั้งลูกค้าแห่ถอนเงิน ส่วนผู้กู้ขาดความมั่นใจ แถมราคาหุ้น 2 แบงก์ฮวบซื้อขายหนาแน่ จี้ผู้ว่าฯ ใช้กฎหมายแบงก์ชาติ ม.75 จัดการนายกฯ เหตุนำความลับที่ไม่ใช่หน้าที่ไปปูดให้ผู้อื่นรู้ ต้องโดนคุก 5 ปี "หมัก" ปากสั่น ไม่เคยพูด "เจ๊ง" แค่บอกชอบกล ต้องการให้คนรับผิดชอบออกมาชี้แจง ด้านผู้บริหาร 2 แบงก์แถลงฐานะแกร่ง ชี้นักลงทุนต่างชาติกังวลปัญหาการเมืองมากกว่า

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้ออกมาระบุว่ามีธนาคารพาณิชย์ไทยที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นอยู่มีปัญหาฐานะการเงิน จนกองทุนฟื้นฟูฯ ต้องนำเงินไปใส่ 8,000 ล้านบาท เพื่อนำออกมาขายให้ต่างชาติว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ไม่มีปัญหาอะไร ยังอยู่ดีมีสุขทุกอย่าง และ ธปท.เองก็มีการดูแลอย่างใกล้ชิด ประกอบกับรัฐบาลยังคงคุ้มครองเงินฝากทั้ง 100% จึงไม่มีเหตุผลอะไรให้ประชาชนต้องแตกตื่นไปถอนเงิน

ส่วนเรื่องการขายหุ้นที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่ก็มีการเปิดเผยต่อสาธารณะชนทั่วไปให้รับทราบอยู่แล้ว ซึ่งก็ได้มีการแถลงข่าวไปแล้วเมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่านมา และขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างปรึกษาทางการเงิน ซึ่งกองทุนฟื้นฟูจ้างให้มีประเมินและหาพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อธนาคารพาณิชย์แห่งนั้นมากขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานจะได้ข้อสรุป โดยในช่วงแรกอาจเรียกนักลงทุนที่สนใจเข้ามาพูดคุยกันเรื่องทั่วไปก่อน และรอบหลังจะมีการคัดเลือกให้น้อยราย จึงจะมีการรายงานให้ธปท.รับทราบเรื่องต่างๆ อย่างเป็นทางการต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ธปท.ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ปกติการทำงานของธปท.ทุกอย่างก็ได้รายงานไปยังรัฐมนตรีกระทรวงการคลังให้รับทราบแล้ว รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย ซึ่งคิดว่าขณะนี้นายกฯ ท่านน่าจะเข้าใจแล้ว

สำหรับฐานะของธนาคารไทยธนาคารนั้น หลังจากที่กองทุนฟื้นฟูฯ ได้มีการเพิ่มทุนครั้งล่าสุดเมื่อปลายปีก่อนกว่า 2,000 ล้านบาท ทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง สูงกว่าที่ ธปท.กำหนดไว้ และข้อมูลทุกอย่างของธนาคารแห่งนี้ก็มีการเปิดเผยอย่างโปร่งใส จึงยังไม่เห็นสัญญาณว่าไทยธนาคารจะมีปัญหาแต่อย่างใด ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องที่จำเป็นที่ธปท.ต้องดูแลธนาคารพาณิชย์เป็นอย่างดีภายใต้การแข่งขันที่มากขึ้นตามโลกยุคปัจจุบัน

“ขณะนี้มีนักลงทุนต่างชาติติดต่อให้ความสนใจแบงก์พาณิชย์ไทยมาตลอด แต่หุ้นที่กองทุนฟื้นฟูฯ ถืออยู่อีก 2 แห่ง คือ นครหลวงไทยในสัดส่วน 48% และกรุงไทยอีก 57% ยังไม่คิดจะขายต้องรอดูกรณีไทยธนาคารก่อน รวมถึงต้องนำคำแนะนำจากบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินที่จ้างมาดูแลเรื่องนี้ด้วย” นางธาริษากล่าว

ด้าน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เชื่อว่า นายสมัครคงไม่ได้หมายความว่าทั้ง 2 แบงก์ มีปัญหาทางการเงินจนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพียงแต่พูดในหลักการว่าการแข่งขันในระบบสถาบันการเงินจะมีมากขึ้น ความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญในอนาคต ดังนั้น หากธนาคารจะพัฒนาให้มีความแข็งแกร่งก็จะต้องหาหุ้นส่วนหรือพันธมิตรเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบสถาบันการเงินของไทยที่พรัอมจะแข่งขันในอนาคตได้

ทั้งนี้ ตนเองยืนยันว่า สถาบันการเงินดังกล่าวไม่มีปัญหาสภาพคล่องอย่างแน่นอน อีกทั้งขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด เรื่องการนำเงินกองทุนฟื้นฟู 8,000 ล้านบาท ใช้แก้ไขปัญหาสภาพคล่องของธนาคารดังกล่าว

"กรณ์" สอนมวย "หมัก" หมดท่า

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมคำพูดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พูดในรายการ “ถามจริง ตอบตรง” ที่ออกอากาศที่สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที เมื่อคืนวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า "ผมต้องพูด ทำกันไว้หมดคือ แบงก์เจ๊ง แบงก์นี้เจ๊ง แบงก์นี้เจ๊ง เอาเงินใส่เข้าไป รู้ว่าเจ๊งนะ ใส่เข้าไป 8,000 ล้านบาท พอเอาเงินใส่เข้าไปแล้วขาย ผิดปกติไหม ถ้าผิดปกตินะ ผมต้องเอามาพูดไว้ตรงนี้ เพราะเวลาขายแล้ว มาแพะเอาผม เขาทำกันไว้ ทำกันไว้เรียบร้อยเลย 2 แบงก์ทำอย่างดีเลย สุดท้ายมาขายตอนผมใช่ไหม จึงมาบอกให้รู้ นี่ถ้ายังไม่ไปเมืองนอกก็ยังไม่รู้ กลับมาถึงรู้ อ๋อ อย่างนี้นี่เอง อย่างนี้นี่เอง แบงก์จะเจ๊งอยู่แล้ว เอาใส่ไป 8,000 ล้านบาท พอใส่ไป 8,000 ล้านบาท ประกาศขาย"

วานนี้ (8 พ.ค.) นายสมัครกล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งหลังกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านแรงงาน ครั้งที่ 20 ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ว่า "ไม่มีธนาคารล้ม"

วันเดียวกันที่รัฐสภา นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกระทู้สดถามต่อกรณีดังกล่าว นายกรณ์ระบุว่า คำพูดของนายกรัฐมนตรี จะบั่นทอนความเชื่อมั่น ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อสถานะระบบการเงินของไทยในอนาคตได้ การที่นายกฯ ออกอาการกับนักลงทุนต่างชาติและบอกกับประชาชนทั้งประเทศว่าสถาบันการเงินภายใต้การกับดูแลของกองทุนฟื้นฟู หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ มีสถานะเจ๊งแล้วก่อให้เกิดความเสียหายปรากฏทันที แม้จะไม่บอกว่าเป็นธนาคารไหน แต่กองทุนฟื้นฟูถือหุ้นใน 2 ธนาคารขนาดเล็กคือไทยธนาคารและนครหลวงไทย ซึ่งหุ้นของทั้ง 2 ธนาคารลดลงทันที รวมถึงหุ้นของธนาคารอื่นๆ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนที่จะซื้อหุ้นจากกองทุนฟื้นฟู

ผู้สื่อข่าวรายงานการเคลื่อนไหวราคาหุ้นของ 2 ธนาคาร หลังนายกฯ พูดเมื่อคืนวันที่ 6 พ.ค. พบว่า หุ้น 2 ธนาคารติดลบทั้ง 2 วัน คือ นครหลวงไทย (SCIB) ลดลงจาก 17.80 บาท เหลือ 17.40 บาท ลดลง 40 สต. ในวันที่ 7 พ.ค. ส่วนวันที่ 8 พ.ค.ลดลงอีก 20 สต. ขณะที่ไทยธนาคาร (BT) ทั้ง 2 วัน หุ้นติดลบจาก 1.31 เหลือ 1.30 และ 1.30 เหลือ 1.29 บาท ตามลำดับ ส่วนมูลค่าการซื้อขายพบว่า เพิ่มขึ้นจากวันที่ 6 พ.ค. SCIB ซื้อขายเพียง 22 ล้านบาท โดย SCIB วันที่ 7 พ.ค. 61 ล้านบาท ส่วนวันที่ 8 พ.ค. 40 ล้านบาท ส่วน BT วันที่ 6 พ.ค. ซื้อขาย 9 แสนบาท วันที่ 7 พ.ค. 1.4 ล้านบาท วันที่ 8 พ.ค. 2 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่พึ่งพาทั้ง 2 ธนาคารเป็นแหล่งเงินกู้ ขาดความมั่นใจว่าวงเงินกู้ของพวกเขาจะได้รับผลกระทบขาดสภาพคล่องเหมือนที่เคยประสบมาเมื่อ 10 ปีก่อนหรือไม่ แต่ผลกระทบที่สำคัญที่สุดคือประชาชนซึ่งมีบัญชีเงินฝากเหล่านี้ หรือสถาบันการเงินอื่น แห่ไปถอนเงินหลังจากได้ ยินข่าวการให้สัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี ความสับสนที่เกิดขึ้นเป็นไปโดยไม่จำเป็น จึงอยากถามว่า ที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์นั้นจะสร้างประโยชน์อะไรและสร้างประโยชน์ให้กับใคร

นายสมัคร ชี้แจงว่า ที่พูดเพราะเจตนาเพื่อให้คนที่รับผิดชอบแถลงสวนมาทันทีว่าจริงหรือไม่จริง หากมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำอยู่ ก็ต้องแถลงว่าไม่จริง ทุกอย่างก็จบ นายกฯ ก็จะเสียหน้าไป แต่ถ้าไม่บอกอย่างนี้ แต่เป็นรัฐบาล3 เดือน จะมีการขายหุ้นที่กองทุนฟื้นฟูถืออยู่จะเข้าใจได้อย่างไร รัฐบาลจะเดือดร้อนแน่นอน ไปสั่งกองทุนฟื้นฟูก็ไม่ได้ จึงต้องการให้กองทุนฟื้นฟูตอบว่าไม่จริง แต่ไม่ตอบ และตนไม่เคยบอกว่าธนาคารเจ๊ง แต่บอกว่าธนาคารมีปัญหา เอาเงิน 8 พันล้านใส่เข้าไปแล้วจะขาย อย่างนี้ชอบกล ถ้าจะขายก็ไม่ควรเอาเงินใส่ลงไป ซึ่งต้องการให้ชี้แจงว่าจริง และยินดีที่จะเสียหน้าถ้าข่าวที่ตนได้มาไม่เป็นความจริง

นายกรณ์ กล่าวหลังจากฟังคำชี้แจงของนายกฯ ว่า ตนไม่คิดว่าจะได้คำตอบจากนายกฯ ที่ระบุว่าให้สัมภาษณ์เพียงเพื่อให้ผู้รับผิดชอบยืนยันว่าไม่เจ๊ง เพราะการให้สัมภาษณ์นายกฯ สร้างเสียหาย แต่นายกฯให้สัมภาษณ์ต่อไปว่ากลัวที่จะตกเป็นแพะหากมีการขาย จึงต้องนำเรื่องนี้ออกมาแฉ ทั้งที่ไม่ทราบว่าเจ๊งจริงหรือไม่ ถือเป็นการให้สัมภาษณ์ที่ขาดความรับผิดชอบ

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 สถาบันมีสัดส่วนทุนต่อทรัพย์สินในระดับที่ไม่ใกล้เคียงคำว่าเจ๊ง โดยเฉพาะหลังจากเพิ่มทุน มีสถานะเข้มแข็ง แต่คำถามคาใจจะเป็นตัวบั่นทอนต่อสถาบันการเงินไทยในอนาคต และหากเกิดปัญหาในอนาคต คือมีการถอนเงินต่อเนื่องจนสถาบันการเงินเจ๊งจริง หรือ กองทุนฟื้นฟูขายหุ้นไม่ได้หรือได้ต่ำกกว่าที่ควรได้รับ นายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร

นายสมัคร กล่าวว่า ไม่อยากขยายความให้เรื่องกว้างขวาง แต่ผู้สนใจโปรดตรวจสอบว่า ที่ผ่านมาใครเป็นผู้ว่าแบงก์ชาติในอดีต ที่ตัดสินใจเอาเงินไปอุดหนุน 8 พันล้านแล้วขาย แต่ตนไม่ต้องการให้ตนเองเข้ามาบริหารงานได้ 3 เดือน แล้วธนาคารเสียหาย และยืนยันว่าไม่เคยใช้คำว่าเจ๊ง

ห่วง กม.ประกันเงินฝากมีผล ส.ค.

ขณะที่นายกรณ์ กระทู้ถามต่อว่า กองทุนฟื้นฟูฯได้เยียวยารักษาสถาบันการเงินที่มีปัญหาและจะส่งต่อไปให้เอกชน แต่ตอนนี้มีปัญหามาสะดุด ส่วนหนึ่งเพราะคำสัมภาษณ์นายกฯ แต่ความเชื่อมั่นประชาชนต่อระบบ แห่ไปถอนเงิน แม้แต่ ส.ส.เองยังไม่มั่นใจที่นายกฯ พูดกับ ที่แบงก์ชาติปฏิเสธว่าใครพูดจริงจนต้องมาถามข้อเท็จจริงจากตน

"อยากถามว่านายกฯ จะยืนยันกับประชาชนหรือไม่ว่ารัฐบาลยังจะค้ำประกันเงินฝากร้อยละ 100 ต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จะมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกันเงินฝากในเดือน ส.ค.นี้"

นายสมัคร กล่าวว่า ตามสภาพจะค้ำประกันร้อยละ 100 ไปจนถึงเดือน ส.ค. ที่จะมีพ.ร.บ.ใหม่ ออกมา แต่ปัญหาที่ออกมาพูดเรื่องนี้เพราะต้องการให้กองทุนปฏิเสธว่าที่ตนพูดไม่เป็นความจริง ต้องการให้ประชาชนรู้ว่าใครเป็นคนที่ดูแลกองทุนฟื้นฟูฯ มาก่อน ใครเป็นเจ้าหน้าที่ ใครเป็นคนนำเงิน 8 พันล้านบาทใส่เข้าไป ตรงนี้ต้องการประจานให้รู้ว่าทำกันอย่างไร หากินกันอย่างไร และให้รัฐบาลที่เข้ามาใหม่ต้องเดือดร้อน

จี้แบงก์ชาติใช้ กม.เอาผิดหมัก

หลังจากนั้นนายกรณ์ ได้แถลงเรียกร้องให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ดำเนินการทางกฎหมายกับนายสมัคร ตาม พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับล่าสุดที่ประกาศเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2551 ในมาตรา 74 และ75

ทั้งนี้ มาตรา 74 ได้บัญญัติว่า ผู้ว่าการ กรรมการ พนักงานหรือลูกจ้างใดล่วงรู้กิจการของ ธปท. อันเนื่องจากการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่ได้บัญญัติไว้ อันเป็นกิจการตามปกติวิสัยพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ถ้าผู้นั้นนำไปเปิดเผยแก่บุคคลอื่นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนมาตรา 75 บัญญัติว่าผู้ใดนอกจากบุคคลตามมาตรา 74 รู้ความลับเกี่ยวกับการดำเนินการกินของธปท.ด้วยการกระทำใดๆให้ผู้อื่นรู้ความลับดังกล่าวซึ่งไม่ใช่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ

“ในฐานะที่ผู้ว่าฯธปท.เป็นผู้รักษาการณ์ตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้โดยตรง จะต้องดำเนินวินิจฉัยว่า สิ่งที่นายกฯให้สัมภาษณ์เข้าข่ายความผิดตามมาตราดังกล่าวนี้หรือไม่ หากไม่เข้าข่ายก็ต้องชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจนว่าเพราะอะไร และเชื่อว่าเรื่องนี้ ธปท.ไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะไม่ได้ให้ประโยชน์กับใคร และยังสร้างความสับสนวุ่นวายเสียหายในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ การออกมาชิงพูดก่อนเพื่อปกป้องตัวโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งปกติสถาบันการเงินจะอยู่ได้ด้วยความเชื่อมั่น แต่มักจะเกิดปัญหาเมื่อระดับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองออกมาพูด ดังนั้นสิ่งนี้ถือว่าได้สะท้อนให้เห็นถึงวุฒิภาวการณ์เป็นผู้นำได้อย่างหนึ่ง” นายกรณ์กล่าว

ไทยแบงก์แถลงไม่มีแห่ถอนเงิน

นายสุรชัย จิตตรัตน์เสนีย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) (BT) กล่าวถึงผลกระทบกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พูดในรายการ “ถามจริง ตอบตรง” ที่ออกอากาศที่สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที เมื่อคืนวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้บรรยากาศการถอนเงินขอธนาคารยังไม่มีความผิดปกติ แต่มีลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาสอบถามถึงกระแสข่าวกองทุนฟื้นฟูฯ กำลังเตรียมขายหุ้นธนาคารให้กับต่างชาติ ทั้งนี้ ธนาคารยืนยันว่าไม่มีปัญหา เพราะทางผู้ถือหุ้น TPG NEWBRIDGE และกองทุนฟื้นฟูฯ ยังให้การสนับสนุนธนาคารอยู่ การมีผู้ถือหุ้นต่างชาติเข้ามาถือหุ้นด้วย สะท้อนสถานะของธนาคารที่ยังมั่นคง

นายพีรศิลป์ ศุภผลศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) หรือ BT เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) สูงกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ อีกทั้งธนาคารยังมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่สูง และดำเนินธุรกิจตามปกติ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องทุกเดือน แต่ที่ต้องประสบภาวะขาดทุนในไตรมาสที่ 1 เป็นผลมาจากการเผื่อการด้อยค่า (Unrealized Loss) ของตราสาร CDO ซึ่งธนาคารได้มีการคาดการณ์และเตรียมการรองรับไว้อยู่แล้ว และธนาคารต้องดำเนินการ Mark to Market ตามเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด ทั้งนี้ การเผื่อการด้อยค่าดังกล่าว สามารถปรับขึ้นลงได้ตามภาวะตลาด หากตลาดปรับตัวดีขึ้น ธนาคารก็สามารถ reverse ค่าเผื่อการด้อยค่าที่ได้ทำการกันสำรองไปแล้วกลับคืนมาเป็นรายได้ได้ อนึ่ง ในเดือนเมษายน 2551 ที่ผ่านมา ตลาดได้ปรับตัวมีเสถียรภาพมากขึ้น ดัชนีต่าง ๆ ได้ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ธนาคารอยู่ระหว่างการทำแผนเพิ่มทุนเพื่อให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงแข็งแกร่งทัดเทียมกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และให้สอดคล้องตามเกณฑ์ Basel II ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2552 เป็นต้นไป และทุกธนาคารจะต้องดำเนินการเพื่อรองรับหลักเกณฑ์ดังกล่าว และปัจจุบันผู้ฝากเงินทุกรายของธนาคาร ยังได้รับการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน 100% ตามพระราชบัญญัติสถาบันประกันเงินฝาก ปีพ.ศ. 2551

สวน "หมัก" ต่างชาติกังวลการเมือง

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB กล่าวว่า เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารยังคงมีอยู่ในระดับที่เพียงพอ รวมทั้งมียอดสินเชื่อ ยอดเงินฝากทั้งรายกลางและรายย่อยอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี และสิ่งที่ช่วยให้ผลประกอบการของธนาคารดีขึ้นมากก็คือรายได้ค่าธรรมเนียม

"หลังจากมีข่าวออกมาได้มีลูกค้าสอบถามถึงข้อเท็จจริงบ้างแต่ไม่มาก ส่วนผู้ถือหุ้นไม่ได้มีการสอบถามอะไร นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสพูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติซึ่งสิ่งที่เป็นห่วงนั้นจะเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนมากกว่า" นายชัยวัฒน์กล่าวและว่า เงินฝากไม่มีปัญหา โดยวานนี้ (8 พ.ค.) ยอดสุทธิเงินฝากเป็นบวกด้วยซ้ำ

สำหรับเรื่องพันธมิตรร่วมทุน นายชัยวัฒน์กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ แต่ในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการเตรียมตัว ให้พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ต้องเพิ่มศักยภาพในการทำงานของพนักงาน เพื่อรองรับการเข้ามาของพันธมิตรที่อาจเป็นต่างชาติหรือในประเทศก็ได้

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีรูปแบบการพูดมีเอกลักษณ์พิเศษ แต่ในเรื่องของตลาดทุน ตลาดเงิน เป็นสิ่งที่อ่อนไหวมากและมีการรับข่าวสารที่เร็ว ดังนั้นในระบบจึงต้องมีผู้ได้รับมอบหมายที่ชัดเจนเป็นผู้ใช้ข่าวในด้านต่างๆ

วันเดียวกัน สมาคมธนาคารไทยได้มีหนังสือชี้แจงว่า ตามที่มีข่าวผู้ลงทุนต่างชาติแสดงความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการธนาคารบางแห่งในประเทศไทย สมาคมธนาคารไทยขอเรียนว่า ปัจจุบันระบบสถาบันการเงินของไทย ได้พัฒนาระบบการบริหาร และได้จัดการความเสี่ยงได้อย่างรัดกุม มีกองทุนอย่างเพียงพอที่จะรองรับความผันผวนในระบบสถาบันการเงินได้ ดังนั้น การที่มีผู้สนใจเข้ามาซื้อกิจการ จึงแสดงถึงความมั่นใจต่อความมั่นคงของระบบสถาบันการเงินไทย ประชาชนผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นไม่มีเหตุต้องวิตกกังวลแต่อย่างใดทั้งสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น