xs
xsm
sm
md
lg

“ยามฯ”จวก“เพ็ญ”บิดข้อมูล“ทีวีไทย”- แฉ “หมัก1”ซุกเมีย-ลูกนอกสมรส-ปลอมวุฒิเพียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายการยามเฝ้าแผ่นดินดำเนินรายการโดยปานเทพ พัวพงษ์พันธ์นักวิชาการอิสระและสโรชา พรอุดมศักดิ์
“ยามเฝ้าแผ่นดิน”ติง “จักรภพ”เป่าหูสื่อนอกเข้าใจผิด“ไทยพีบีเอส” ชี้รัฐบาล “ลูกกรอก1”ปัญหาเพียบ ทั้งซุกเมียน้อย-ลูกนอกสมรส-วุฒิการศึก “สุธา ชันแสง”แค่ตัวอย่างเล็กๆ ฉงน“หมัก” ปูดแบงก์ล้มผ่านสื่อ ไม่ถาม รมว.คลังหรือแบงก์ชาติโดยตรง พร้อมจับไต๋ “พลังแม้ว”สร้างม็อบ เรียกร้องแก้ รธน.ยื่น 1.5 แสนชื่อ กันเหนียว ส.ส.ยื่นญัตติถูกถอดถอน

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, สโรชา พรอุดมศักดิ์  ช่วงที่ 2

รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 8 พฤษภาคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปปราศรัยที่ชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทยครั้งล่าสุด โดยเล่นคำเหน็บแนมทีวีไทย ทีวีสาธารณะ หรือ ไทยพีบีเอส อ้างว่าเกิดขึ้นขณะที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้เผด็จการ ว่า นายจักรภพ พูดไม่หมด พูดเพียงแค่ว่าไอทีวี ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนถูกยึดสัมปทานคืน แต่เว้นช่วงระหว่างที่เป็นความขัดแย้งจนเกิดคดี ที่มาของการถูกยึดสัมปทาน นายจักรภพ อาจจะไม่รู้ไม่เห็น มัวแต่ไปร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)จึงไม่ได้ติดตามรายละเอียดหรือที่มาอย่างถี่ถ้วน

ทั้งนี้การพูดในเวทีดังกล่าว นายจักรภพ จะเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงสถาบันเบื้องสูง หรือแม้กระทั้งโครงสร้างการบริหารงานของประเทศ เบนเข็มมาพูดของเรื่องสื่อ โดยบอกว่าเขาตั้งเอ็นบีทีขึ้นมาเพื่อสู้กับไทยพีบีเอส ที่ตั้งขึ้นมาในยุคเผด็จการ โดยการยึดสัมปทานไอทีวีที่เป็นของเอกชนไปทำเป็นไทยพีบีเอสแล้วเอาเงินของรัฐไปให้ปีละ 2,000 ล้านบาท ขณะที่เอ็นบีทีได้แค่ปีละ 300 ล้านบาท นอกจากนี้ยังอ้างว่าเรตติ้งของเอ็นบีทีดีหลังจากทำมา 1 เดือน มีคนดูมากกว่าไทยพีบีเอส โดยที่นายจักรภพเปิดเผยข้อมูลและที่มาของไทยพีบีเอสไม่หมด จะทำให้ชาวต่างประเทศเข้าใจคลาดเคลื่อน และไม่เข้าใจถึงกระบวนการโครงสร้างของไทยพีบีเอส ที่มุ่งมั่นบริการสาธารณะมากกว่าสร้างเรตติ้ง ดังนั้นการจะชี้ถูกผิดต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง นายจักรภพ กำลังละทิ้งความคิดอ่านในยามที่เคยเรียกร้องให้สื่อมีความหลากหลายเมื่ออยู่ครั้งพีทีวี แต่เมื่อมาเป็นรัฐมนตรีกลับไม่มีความคิดความอ่านในหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

**แฉ “ก๊วนลูกกรอก”แอบซุกลูก-เมียนอกสมรสอีกเพียบ

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีนายสุธา ชันแสง ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่า รู้สึกสงสาร ในยามที่นายสุธา เป็น ส.ส.ก็ไม่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ มาเป็นรัฐมนตรีก็ไม่มีบทบาท พึ่งจะถูกสังคมจับตามองก็เรื่องวุฒิการศึกษาและกรณีมีบุตรนอกสมรส จึงไม่แน่ใจว่าแท้จริงอาการป่วยมาจากสาเหตุนี้ด้วยหรือไม่

อย่างไรก็ตามอยากฝากเตือนนักการเมืองทุกคนที่จะก้าวมาเป็นรัฐมนตรี ต้องพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งคุณสมบัติของตัวเอง พร้อมทนต่อแรงเสียดทานการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชน ทั้งนี้ยังมองว่า ในคณะรัฐมนตรียังมีรัฐมนตรีที่มีปัญหาอีกหลายคน นายสุธา เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง ทั้งเรื่องของวุฒิการศึกษา บุตรนอกสมรส หรือแม้กระทั้งภรรยานอกสมรส ปัญหาลักษณะเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายรัฐบาล ดังนั้นขอ ชื่นชมสปิริตของนายสุธา ออกช้ายังดีกว่าอีกหลายคนที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

นอกจากนี้ผู้ดำเนินรายการกล่าวถึงคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทะเลาะวิวาทระหว่าง นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชาชน กับ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ มีมติเอกฉันท์เชื่อได้ว่านายการุณ ทำร้ายนายสมเกียรติ และใช้ถ้อยคำหยาบคายจริง ว่า เมื่อคณะกรรมการสืบสวนฯ ได้ข้อสรุป ก็ต้องถือว่ามีผลสรุปอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว คราวนี้ก็ต้องทวงถามไปยังพรรคพลังประชาชนที่เคยออกมาปกป้อง ว่าจะดำเนินการเช่นใด

“ความผิดในองค์กรมันเกิดขึ้นได้เสมอ แต่การรักษาสภาภาพขององค์นั้นมันสำคัญ หากรู้ว่าอะไรผิดแต่ยังคิดจะไปโอบอุ้มคนที่กระทำความผิด มันถูกต้องแล้วหรือไม่ ประชาชนจะคาดหวังกับพรรคพลังประชาชนได้อย่างไร ในเมื่อเรื่องที่เล็กแบบนี้ยังพยายามจะแก้ไขให้เป็นถูกอีก”

** “หมัก”ปูดแบงก์ล้มเพื่ออะไร?

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งกระทู้ถามนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กรณีที่นายสมัครให้สัมภาษณ์ในรายการ “ถามจริงตอบตรง” ทางเอ็นบีที เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีธนาคารกำลังจะล้ม 2 แห่ง ซึ่งนายสมัครได้ตอบว่าที่ไปพูดวันนั้นต้องการให้คนที่เกี่ยวข้องแถลงออกมาว่าจริงหรือไม่ เพราะธนาคาร 2 แห่งนั้นกำลังจะมีการขายหุ้นของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถานบันการเงินออกมา เพราะมีปัญหาต้องเอาเงิน 8 พันล้านเข้าไปใส่ โดยนายสมัครปฏิเสธว่าไม่ได้บอกว่าธนาคารจะเจ๊ง ซึ่งขัดแย้งกับที่นายสมัครพูดในรายการที่มีคำว่าเจ๊งหลายครั้ง โดยบอกว่าตนต้องเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะเขาทำกันไว้ก่อน แล้วมาขายตอนรัฐบาลนี้ แบงก์จะเจ๊งอยู่แล้ว ต้องเอาเงินใส่ 8 พันล้าน

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินว่า เป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินตามชื่อ และมีบทบาทสูงในช่วงปี 2540 หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจจากการลอยตัวค่าเงินบาท ธนาคารหลายแห่งมีปัญหาสภาพคล่อง ถูกเจ้าหนี้ทวง กองทุนฯ ก็เข้ามาช่วยโดยการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้เป็นการใส่เงินลงไป ขณะเดียวกันก็มีการปิดสถาบันการเงิน ซึ่งถูกมองว่าเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง จนในในช่วงหลังๆ กองทุนยฯ ต้องเข้าไปถือหุ้นในธนาคารหลายแห่งที่แปลงสภาพมาเป็นธนาคารของรัฐ ซึ่งหลายแห่งก็อยู่ไม่ได้

เท่าที่ดูสถานการณ์โดยรวมแล้วกองทุนฯ ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะจำนวนมาก เพราะ ธปท.ต้องออกพันธบัตรเพื่อนำเงินมาชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นความเสียหายที่เกิดจากคนไม่กี่คนที่ไม่เข้าใจโครงสร้างระบบเศรษฐกิจทั้งหมด และสร้างความเสียหายให้คนไทยทั้งชาติรับผิดชอบ

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า กองทุนฯ ขณะนี้ถือหุ้นในธนาคารนครหลวงไทย 47.58 เปอร์เซ็นต์ ปี 2549 ธนาคารแห่งนี้กำไร 4,257 ล้านบาท ปี 2550 ขาดทุน 2 พันกว่าล้านบาท ส่วนธนาคารไทยธนาคาร มีกองทุนฯ ถือหุ้น 42.13 เปอร์เซ็นต์ ปี 2549 ขาดทุน 4,400 ล้านบาท ปี 2550 ขาดทุน 6,900 ล้านบาท รวม 2 ปี 1 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งไม่ใช่น้อยๆ

ทั้งนี้ เมื่อดูถึงการใช้กองทุนฯ เข้าไปถือหุ้นในธนาคารต่างๆ จะเห็นว่าที่ไหนก็ตามที่กองทุนฯ ถือหุ้นมากๆ ที่นั่นจะมีปัญหา ในการปล่อยสินเชื่อ หรือฟื้นฟูกลับมาให้แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารรัฐ เช่น ทหารไทย ไปจนถึงไทยธนาคาร นครหลวงไทย วันนี้ คณะกรรมการธนาครหลายคน ก็ยังเกี่ยวพันกับรัฐบาลชุดเก่าอยู่

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า กรณีที่ธนาคารมีปัญหานั้น นายสมัครมีสิทธิที่จะเป็นห่วงได้ แต่การบอกว่าเป็นเรื่องของกองทุนฯ และแบงก์ชาติ รัฐบาลไม่เกี่ยวนั้นไม่ถูกต้อง และการที่นายสมัครเอาข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนไปเผยแพร่นั้น ก็เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย วันนี้ดูราคาหุ้นก็ตกลงไปทุกธนาคาร

กรณีที่นายสมัครตอบกระทู้ในสภาว่า ที่ตนเอาเรื่องธนาคาร 2 แห่งที่มีปัญหาไปพูดในรายการ “ถามจริงตอบตรง” ทางเอ็นบีทีนั้น แค่ต้องการจะบอกให้คนที่ทำได้รู้ว่านายกฯ รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมนายสมัครไม่ทำหนังสือไปถึงกองทุนฯ เพื่อสั่งให้กองทุนฯ ตอบมาตรงๆ การไปพูดทางรายการโทรทัศน์แล้วถ้าคนแตกตื่นไปถอนเงินหมดเพราะเชื่อที่นายกบอก ธนาคารฯ แห่งนั้น จากที่ไม่เจ๊ง ก็อาจจะเจ๊งทันที หรือแม้กระทั่งถ้าเขากำลังจะขายหุ้นอยู่ พอนายกฯ บอกว่าจะเจ๊ง ราคาหุ้นก็จะต่ำลงกว่าปกติ

ซึ่ง กรณีนี้นายกรณ์ ได้เรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ดำเนินการทางกฎหมายต่อนายสมัคร ตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับล่าสุดที่ประกาศเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2551 ในมาตรา 74 และ 75 โดย ในมาตรา 74 ได้บัญญัติว่า ผู้ว่าการ กรรมการ พนักงานหรือลูกจ้างใดล่วงรู้กิจการของ ธปท. อันเนื่องจากการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่ได้บัญญัติไว้ อันเป็นกิจการตามปกติวิสัยพึงสงวนไว้ไม่เปิดเผย ถ้าผู้นั้นนำไปเปิดเผยแก่บุคคลอื่นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนมาตรา 75 บัญญัติว่าผู้ใดนอกจากบุคคลตามมาตรา 74 รู้ความลับเกี่ยวกับการดำเนินการกินของ ธปท.ด้วยการกระทำใดๆ ให้ผู้อื่นรู้ความลับดังกล่าวซึ่งไม่ใช่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ

“เมื่อนายกฯ รู้เรื่องแบบนี้มา ทำไมไม่แจ้งหมอเลี้ยบ (น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และ รมว.คลัง) และให้ หมอเลี้ยบไปถามคุณธาริษา (นางธษริษา วัฒนเกส ผู้ว่า ธปท.) แล้วคุณธาริษาก็ไปถามกองทุนฯ ต่อ ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ทำไมต้องมาถามผ่านสื่อแบบนี้” ผู้ดำเนินรายการกล่าว

ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า จากผลสำรวจของกรุงเทพโพลนั้นชัดเจนว่าประชาชนเห็นว่าข้อเสียของนายสมัครคือพูดจาขวนผ่าซาก ขณะที่ผลงานภาพรวมของรัฐบาลอยู่ในขั้นสอบตก ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลในแทบทุกเรื่อง โดยที่ไม่พอใจมากที่สุดคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพ เพราะมีปัญหาประชาชนกินข้าวแพง แต่เกษตรกรขายข้าวไม่ได้ราคา น้ำตาลก็แพง น้ำมันก็แพง แต่ชาวสวนปาล์มกลับออกมทาประท้วง เพราะมีปัญหาการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศทำให้ราคาปาล์มในประเทศตกต่ำ มีใครมีความสุขบ้างจากปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ขณะนี้ ซึ่งจากผลสำรวจดังกล่าวประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจเร่งด่วนที่สุด แต่สิ่งที่รัฐบาลทำการการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกันรัฐบาลเอง ก็ยังมีปัญหาบรรยากาศที่กุมสภาพไม่ได้ รัฐมนตรีหลายคนเสี่ยงที่จะถูกถอดถอน ก็ยังมัวแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวันก่อนแกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาลไปรับประทานอาหารร่วมกัน คล้ายๆ กับจะบอกว่า จะชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปก่อน แต่เมื่อดูในรายละเอียดกลับกลายเป็นว่าให้การการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภา

**จัดม็อบแก้ รธน.อีกลูกเล่น “พลังแม้ว”

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่หน้ารัฐสภา เมื่อเช้าวันที่ 8 พ.ค.ว่า อยากให้ดูว่าคนกลุ่มนี้เป็นประชาชนผู้บริสุทธ์จริงหรือไม่ เพราะเมื่อดูแล้วก็จะเห็น ส.ส.พรรคพลังประชาชนขึ้นไปเต็มเวที ส่วนแกนนำ ก็เป็น น.พ.เหวง โตจิราการ และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตแกนนำ นปก. นี่เป็นแทกติกบางอย่างในการจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ หาก ส.ส.ที่เข้าชื่อในญัตติฯ ถูกยื่นถอดถอนเพราะมีผลประโยชน์ขัดกัน จึงมีการนำรายชื่อมาประชาชน 150,000 ชื่อ มายื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินรายการได้อ้างถึงบทความของ ฎสิริอัญญา” ใน “ผู้จัดการรายวัน” ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีแนวดน้มว่าจะไม่สำเร็จไม่ว่าจะยึดตามแนวทางภาคประชาชน หรือแนวทางสภา ซึ่งทั้ง 2 แนวทางอยู่ในขบวนการเดียวกัน แต่ก็จะไม่ทันที่จะเยียวยาหรือตัดตอนคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ทั้งนี้การยื่นรายชื่อประชาชน 150,000 คนนั้น จะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบรายชื่อหลายเดือน และเมื่อเสนอแล้ว ก็ยังมีปัญหาว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามวิธีการที่กำหนดไว้ในมาตรา 291 นั้น จะแก้ไขตามใจไม่ได้ โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมเท่านั้น จะยกเลิกทั้งหมดหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหาส่วนใหญ่ไม่ได้ จึงเชื่อว่ากระบวนการนี้จะทำไม่ทัน เพราะฉะนั้นจึงต้องเร่ง กระบวนการทางสภา โดยให้นายชัย ชิดชอบ ที่คร่ำหวอดในวงการ มาเป็นประธานสภาผู้แทนฯ เพื่อคุมเกม

คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 1

( 56 k ) | ( 256 K )



คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิป
รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ช่วงที่ 2

( 56 k ) | ( 256 K )



กำลังโหลดความคิดเห็น