xs
xsm
sm
md
lg

อัยการซัดคตส.ดื้อคดีกล้ายาง“บรรเจิด”งงอสส.ไม่เข้าใจม.11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แถลงข่าวกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกมาระบุว่า นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้อง นายเนวิน ชิดชอบ อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) และข้าราชการที่เป็นคณะกรรมการผลประกวดราคา และบริษัทเอกชน รวม 45 คน เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีทุจริตที่จัดซื้อกล้ายาง ทำให้ คตส.ต้องขอสำนวนคืนเพื่อไปยื่นฟ้องเองซึ่งเป็นข้อเท็จจริงมีความคลาดเคลื่อน
นายธนพิชญ์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะทำงาร่วมอัยการกับ คตส.มีความเห็นไม่ตรงกัน โดย คตส.ยอมรับว่าสำนวนคดีไม่สมบูรณ์ตามที่ อสส.มีความเห็น ในประเด็นเรือง คตส.ไม่ฟ้อง นายบรรณพต หงษ์ทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ และประเด็นที่ไม่มีการบันทึกคำให้การของพยานสำคัญอยู่ในสำนวน แต่ คตส.ยืนยันไม่ดำเนินการตามความเห็นของ อสส.ในการแจ้งข้อกล่าวหาไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วนอันอาจมีผลทำให้การสอบสวนไม่ชอบ เช่น แจ้งข้อกล่าวหาเฉพาะความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ไม่มีการแจ้งข้อหาในความผิด ตาม ม.151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึงจำคุกตลอดชีวิต และมีการแจ้งข้อกล่าวหาในกฎหมายคนละฉบับและคนละข้อหาที่ คตส. ให้ดำเนินคดี อีกทั้งไม่มีการแจ้งข้อหาฐานฉ้อโกง ผู้ถูกกล่าวหาจำนวนหลายราย
“คณะทำงาน อสส. ยืนยันว่า คตส.ต้องแจ้งข้อกล่าวตาม ป.อาญา ม.151 แก่ผู้ถูกกล่าวหาให้ถูกต้องครบถ้วน เพราะถือเป็นสาระสำคัญในคดี แต่ คตส.อ้างว่า ได้แจ้งความผิดในผู้ถูกกล่าวหาทราบแล้วโดยรวบความผิดทั้งหมดไว้ในความผิด ม.157 แต่อัยการเห็นว่าไม่สามารถทำได้ เพราะ ตาม ป.วิอาญา ม.134 มีเจตนารมณ์ต้องการให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจข้อหาได้ดีจนสามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ จึงต้องแจ้งให้ทราบทุกข้อกล่าวหา อีกทั้งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ม.40 ยังบัญญัติคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหาให้ได้รับการสอบสวนที่ถูกต้อง และเป็นธรรม และมีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเพียงพอ”
“คณะทำงานยืนยันว่าการพิจารณาสำนวนคดีทุจริตกล้ายาง อสส.ยังไม่ได้ มีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ถูกล่าวหารายใด เช่นเดียวกับคดีหวยบนดิน เพียงแต่ มีความเห็นว่าคดียังมีข้อไม่สมบูรณ์ โดยคณะทำงานร่วม เป็นขั้นตอนการรวบรวม พยานหลักฐานให้สมบูรณ์ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดี อาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ม. 11 วรรคแรกเท่านั้น จะถือว่า อสส. มีความเห็นแตกต่างกับคตส.ตามนัยข้อ 9 ของประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ไม่ได้”
นายธนพิชญ์ กล่าวว่าการรีบด่วนฟ้องคดีทั้งที่รู้ว่าสำนวนมีข้อบกพร่อง ย่อมทำให้เกิดผลเสียหายแก่คดี ส่อให้เห็นเจตนาว่าจะล้มคดีในชั้นศาล และอาจมีความผิดฐานปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตาม ป.อาญา ม.157 ได้
“คนที่ออกมาให้ข่าวว่า อสส.ไม่ฟ้องคดีให้ คตส. ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ มีเจตนาให้ประชาชนสับสนในกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้ยังมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ป.อาญา ม.326 และ 328 นอกจากนี้ยังอาจมีความผิดฐานกระทำการให้ปรากฏต่อประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดที่มิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชน ตาม ป.อาญา 116 ด้วย”
ส่วนการที่ คตส.ไม่แจ้งข้อกล่าวหาฐาน 151 และฉ้อโกงแก่ผู้ถูกล่าวหาเป็นการ ช่วยเหลือคดีผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่ นายธนพิชญ์ กล่าวว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่า คตส. คิดอย่างไร เมื่อถามว่าในการประชุมคณะทำงานร่วมอัยการและ คตส. ได้มีการคุยกับ คตส.
นายธนพิชญ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่ คตส. นำสำนวนคดีธนาคาร เพื่อการส่งออกและนำเข้า (เอ็กซ์ซิมแบงค์) ปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่า จำนวนกว่า 4,000 ล้านบาท ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกกล่าวหาเพียงรายเดียว ว่า หลังจากที่อัยการได้รับสำนวนจาก คตส.เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ได้มีการประชุมคณะทำงานและพิจารณารายละเอียดในสำนวนไปแล้ว 1 ครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าสำนวนมีข้อบกพร่องอย่างไร และจะเสนอตั้งคณะทำงานร่วมเหมือนคดีที่ผ่านมาหรือไม่ ต้องขอเวลาให้คณะทำงานประชุมอีกครั้งในวันที่ 28 เม.ย.นี้ โดยอัยการมีเวลาถึงวันที่ 10 พ.ค. นี้ จึงจะตอบได้ว่าจะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง หรือตั้งคณะทำงานร่วมกับ คตส.
นายธนพิชญ์ ยังกล่าวถึงคดีทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ คตส.เตรียมสรุปสำนวนในวันที่ 25 เม.ย. นี้ ว่า หาก คตส. ชี้มูลความผิด นายชัยเกษม นิติสิริ อสส. ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย ไม่น่าจะเกิดปัญหาในการพิจารณาสำนวนคดี เพราะที่ผ่านมา อสส. ออกมากล่าวอย่างชัดเจนว่าจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องก้าวก่ายการพิจารณาสำนวน โดยจะปล่อยให้เป็นดุลยพินิจของคณะทำงาน ที่มีนายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอสส. เป็นประธาน รับผิดชอบพิจารณาสำนวนคดี ของ คตส.ทั้งหมดดูแล และไม่มีกฎหมายให้นายชัยเกษม ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ อสส.ระหว่างพิจารณาสำนวน
ด้านนายบรรเจิด สิงคะเนติ คณะกรรมการ คตส.และประธานคณะอนุกรรมการ ไต่สวนคดีการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้น กล่าวตอบโต้นายธนพิชญ์ว่า ว่าคตส.ได้ชี้แจงข้อไม่สมบูรณ์เรื่องที่อัยการระบุว่าการแจ้งข้อกล่าวหาไม่ครบถ้วนต่างๆ ไปหมดแล้ว ในวันที่คณะทำงานร่วมกันระหว่างคตส.กับอัยการสูงสุดประชุมกัน ซึ่งการโต้แย้งข้อไม่สมบูรณ์ของ ออส.นั้นคตส.ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากพูดกันไม่เข้าใจความหมาย และการที่คตส.ส่งสำนวนไปยัง อสส.พิจารณาก็ถือว่าคตส.ได้ทำตามขั้นตอนหน้าที่ของคตส.ก็ถือว่าจบแล้ว เมื่อส่งไปแล้วเห็นไม่ตรงกัน คตส.จึงต้องมาฟ้องเอง
“การหารือร่วมกันของคณะทำงานทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่11 เม.ย. ที่ผ่านมา คตส.ได้อธิบายไปหมดแล้ว ทั้งในส่วนของนายบรรณพจน์ ที่คตส.มีมติไม่สั่งฟ้อง และการไม่แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม อัยการสูงสุดได้ระบุว่า หากคตส.จะส่งฟ้องเอง ก็ให้นำ สำนวนที่จะส่งฟ้องนั้นให้อัยการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งขั้นตอนเช่นนี้ถือเป็นกระบวนการ พิจารณาแบบวิอาญาทั่วไป แต่คดีของคตส.เป็นวิอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง เมื่อเห็นไม่ตรงกันคตส.ก็สามารถส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาเอง ได้เลย ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าเหตุใดอัยการสูงสุดได้พยายามดึงให้เป็นวิอาญาทั่วไป และไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงยังไม่เข้าใจในมาตรา 11 วรรค 2 เพราะหากให้คนที่ไม่ได้เรียน กฎหมายอ่านเขายังเข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร”
นายบรรเจิด กล่าวอีกว่า ในการประชุมกัน คตส.ยังได้ถามด้วยว่าหาก คตส.ยอมทำตาม อสส.เสนอแล้ว อสส.จะส่งฟ้องให้ คตส.หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่รู้ ต้องให้ อสส.พิจารณาก่อน จะเห็นว่าอัยการสอบไม่ชัดเจนเลยสักอย่าง หากให้ความชัดเจน คตส.ก็พร้อมจะดำเนินการตามที่ อสส.เสนอ
นายอุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการคตส.ในฐานะหนึ่งในคณะทำงานร่วมกันหาทางออกในคดีดังกล่าวร่วมกับอัยการสูงสุด กล่าวว่า ไม่รู้สึกกดดันกับการที่ตัวแทนอัยการสูงสุดออกมาแถลงข่าวดังกล่าว ถือเป็นความเห็นของเขา แต่อาจจะเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้นำไปอ้างอิงเพื่อต่อสู้คดีได้ แต่คตส.ไม่กลัว เพราะเป็นการอ้างอิง โดยเปิดเผย และต้องสู้กันทางกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น