อัยการสูงสุด ส่งหนังสือแจ้ง คตส.ตั้งคณะทำงานร่วมสอบเพิ่มคดีทุจริต กล้ายางเหตุสำนวนไม่สมบูรณ์ ใน 3 ประเด็น สถานะบรรณพจน์-ข้อกม.ระบุความผิดผู้ถูกกล่าวหา ค่าใช้จ่ายไม่ชัด-สำนวนพยานบางตอนตกหล่น ยันไม่ซ้ำรอยหวยบนดิน นาม เตรียมนำเข้าที่ประชุมใหญ่ 17 มี.ค.นี้ คาดตั้ง บรรเจิด เป็นตัวแทนฝ่าย คตส.
นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เปิดเผย วานนี้ (14 มี.ค.) ถึงความคืบหน้า การสั่งคดีทุจริตการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ได้รับรายงานสรุป ความเห็นจากคณะทำงานอัยการแล้ว และวานนี้ (14 มี.ค.) ตนเตรียมทำหนังสือปิดซองลับ แจ้งผลการพิจารณากลับไปให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทราบ ซึ่งรายละเอียดนั้นตนไม่ขอเปิด เผยเพราะต้องการให้เป็นไปตามหลักการหนังสือปิดซองลับ
แหล่งข่าวจากอัยการ กล่าวว่า คณะทำงานอัยการ ตรวจสำนวนของ คตส. ที่ส่งมาให้พิจารณาครบถ้วนทุกแผ่นทั้งที่เป็นตัวจริงและสำเนา ซึ่งคณะทำงาน สรุปความเห็นเบื้องต้นเสนออัยการสูงสุดเมื่อเช้าวานนี้ (14 มี.ค.) โดยมีความเห็นว่า สำนวนของ คตส. ยังมีข้อไม่สมบูรณ์บางประการที่ต้องสอบถามเพิ่มเติม ขณะเดียวกันมีบางประเด็นที่ยังเป็นความขัดแย้งในการตั้งประเด็นและสรุปสำนวนของ คตส.เอง เช่น ตั้งประเด็นไต่สวนไว้แล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนกลับออกมาอีกแนวทางหนึ่ง ดังนั้นเพื่อความชัดเจนและป้องกันข้อไม่สมบูรณ์ที่จะกลายเป็นข้อโต้แย้งหากมีการฟ้องคดี ในชั้นศาล คณะทำงาน อัยการจึงเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการและคตส. ซึ่งการทำความเห็นตั้งข้อสังเกตในสำนวนส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์นั้น อัยการ ได้พิจารณาสำนวนอย่างละเอียดครบถ้วนทุกแผ่นทั้ง 114 แฟ้มซึ่งอัยการได้ระบุข้อไม่สมบูรณ์แบบหน้าต่อหน้าด้วย
แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า หลังจาก คตส.เสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดี ทุจริตกล้ายาง ปรากฎว่าผู้ถูกกล่าวหาหลายคนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กับ คณะทำงานสำนวนคดีทุจริตกล้ายางของอัยการสูงสุด ซึ่งมี นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุดเป็นประธาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรรมการนโยบาย และมาตรการช่วย เหลือเกษตรกร(คชก.) เช่นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และกรรมการอีกหลายคนได้ร้องความเป็นธรรมมายังคณะทำงาน ซึ่งในการประชุมล่าสุด คณะทำงานเห็นว่าสำนวนคดีที่คตส.ส่งมายังไม่สมบูรณ์เพียงพอต่อการพิจารณาสั่งฟ้อง และจะครบกำหนด 30 วันนับแต่คตส.ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดคือวันที่ 17 มี.ค.นี้ ดังนั้นจึงทำให้คณะทำงานเสนอเรื่องไปยังนายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุด เพื่อขอให้ลงนามในหนังสือแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันของคตส.กับอัยการ
แหล่งข่าว กล่าวว่า คดีทุจริตกล้ายางนี้ แม้อัยการมีความเห็นแนวทางเดียวกับคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) คือให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการและ คตส. แต่ทั้ง 2 คดีมีความแตกต่างกันคือ สำนวนคดีทุจริตกล้ายางมีข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่ปรากฏซึ่งถือว่า มีเพียงพอที่ทำให้เห็นได้ว่าในส่วนของรัฐมนตรี ข้าราชการที่ต้องเป็นผู้ถูกกล่าวทั้ง 45 คนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด อย่างไร เพียงแต่ส่วนที่เกิดความไม่สมบูรณ์ในสำนวนนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับขั้นตอน และวิธีการดำเนินคดีของ คตส. ซึ่งการบรรยายฟ้องอัยการต้องการให้เกิดความรอบคอบรัดกุม ดังนั้นจึงเป็นจุด ที่แตกต่างจากคดีหวยบนดิน ที่คดีดังกล่าวยังต้องการสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในประเด็นที่มีการตั้งข้อกล่าวหา
แหล่งข่าว กล่าวว่าการเสนอตั้งคณะทำงานร่วมคดีทุจริตกล้ายางครั้งนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาเหมือนคดีหวยบนดิน เพราะระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานของอัยการ ได้มีการประสานงานภายในกับ คตส. ด้วย อีกทั้งประเด็นในสำนวนที่ยังไม่สมบูรณ์ เป็นเรื่องที่สองฝ่ายพูดคุยกันได้เพื่อให้ความเกิดชัดเจนในข้อกฎหมาย และถ้าเราเห็นพ้องกันว่าที่ต้องตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อความรอบคอบในการสั่งคดี เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหามีจำนวนมาก ซึ่งมีการแบ่งกลุ่มตามความผิดหลายข้อหาแล้ว เชื่อว่าทุกอย่างไม่น่าจะมีปัญหา
วันเดียวกัน นายเสกสรรค์ บางสมบุณ อธิบดีอัยกายฝ่ารคดีพิเศษ ในฐานะตัวแทน ของอัยการสูงสุดได้เดินทางเข้าพบ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. โดยใช้เวลาในการเข้าพบนานกว่า 20 นาที
นายนาม เปิดเผยว่า ตัวแทนอัยการสูงสุดได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายคือ อัยการสูงสุด กับ คตส. พร้อมทั้งเสนอรายชื่อบุคคล เรียบร้อยแล้ว เพื่อพิจารณาเพิ่มเติมความเกี่ยวกับสำนวน ซึ่งยังขาดหลักฐานเพียง เล็กน้อยเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับความไม่สมบูรณ์ของสำนวน แต่เป็นการพิจารณา ร่วมกันเพื่อให้สำนวนและหลักฐานมีความชัดเจนรัดกุมมากขึ้น
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับประเด็นที่ คตส.ใช้พยานหลักฐานในชั้นตรวจสอบร่วมกับไต่สวน เหมือนกับคดีหวยบนดินที่ ถูกอัยการสูงสุดตีกลับหรือไม่นั้น นายนาม กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเพราะเป็นเพียงการพิจารณาเอกสารเพิ่มเติมเท่านั้น และเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน จึงมีความจำเป็นต้องคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามตนจะนำความเห็นของ อัยการสูงสุดเสนอเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ คตส.ในวันจันทร์ที่ 17 มี.ค.นี้ เพื่อเสนอชื่อบุคคลที่จะเข้ามาเป็นคณะทำงานร่วม เบื้องต้นคาดว่า น่าจะเป็น นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการคตส.ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า เหตุผลสำคัญที่อัยการสูงสุดต้องการให้ตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย เพื่อพิจารณาสำนวนเพิ่มเติมมีทั้งหมด 3. ประเด็น ประกอบด้วย 1. ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสภานะของ นายบรรณพจน์ หงส์ทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2.ประเด็นที่ คตส.มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาและชี้มูลความผิดบุคคลทีเกี่ยวข้องที่ระบุความผิดเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจน ทั้งยังไม่มีการระบุความเสียหายที่ชัดเจนเกิดขึ้น 3.การพิจารณาสำนวนคำให้การของพยาน ผู้ถูกกล่าวหาบางคน บางช่วงขาดหายไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายชื่อคณะทำงานร่วมฝ่ายอัยการสูงสุด 5 คน ประกอบด้วย 1.นายเสกสรรค์ บางสมบุญ 2.นายวินัย ดำรงมงคลกุล 3.นายนันทศักดิ์ พูนสุข 4.นายวงศกุล กิตติพรหมวงศ์ และ5.ม.ล.ศุภกิตต์ จรูญโรจน์
นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด เปิดเผย วานนี้ (14 มี.ค.) ถึงความคืบหน้า การสั่งคดีทุจริตการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ได้รับรายงานสรุป ความเห็นจากคณะทำงานอัยการแล้ว และวานนี้ (14 มี.ค.) ตนเตรียมทำหนังสือปิดซองลับ แจ้งผลการพิจารณากลับไปให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทราบ ซึ่งรายละเอียดนั้นตนไม่ขอเปิด เผยเพราะต้องการให้เป็นไปตามหลักการหนังสือปิดซองลับ
แหล่งข่าวจากอัยการ กล่าวว่า คณะทำงานอัยการ ตรวจสำนวนของ คตส. ที่ส่งมาให้พิจารณาครบถ้วนทุกแผ่นทั้งที่เป็นตัวจริงและสำเนา ซึ่งคณะทำงาน สรุปความเห็นเบื้องต้นเสนออัยการสูงสุดเมื่อเช้าวานนี้ (14 มี.ค.) โดยมีความเห็นว่า สำนวนของ คตส. ยังมีข้อไม่สมบูรณ์บางประการที่ต้องสอบถามเพิ่มเติม ขณะเดียวกันมีบางประเด็นที่ยังเป็นความขัดแย้งในการตั้งประเด็นและสรุปสำนวนของ คตส.เอง เช่น ตั้งประเด็นไต่สวนไว้แล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนกลับออกมาอีกแนวทางหนึ่ง ดังนั้นเพื่อความชัดเจนและป้องกันข้อไม่สมบูรณ์ที่จะกลายเป็นข้อโต้แย้งหากมีการฟ้องคดี ในชั้นศาล คณะทำงาน อัยการจึงเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการและคตส. ซึ่งการทำความเห็นตั้งข้อสังเกตในสำนวนส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์นั้น อัยการ ได้พิจารณาสำนวนอย่างละเอียดครบถ้วนทุกแผ่นทั้ง 114 แฟ้มซึ่งอัยการได้ระบุข้อไม่สมบูรณ์แบบหน้าต่อหน้าด้วย
แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า หลังจาก คตส.เสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดี ทุจริตกล้ายาง ปรากฎว่าผู้ถูกกล่าวหาหลายคนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กับ คณะทำงานสำนวนคดีทุจริตกล้ายางของอัยการสูงสุด ซึ่งมี นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุดเป็นประธาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรรมการนโยบาย และมาตรการช่วย เหลือเกษตรกร(คชก.) เช่นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และกรรมการอีกหลายคนได้ร้องความเป็นธรรมมายังคณะทำงาน ซึ่งในการประชุมล่าสุด คณะทำงานเห็นว่าสำนวนคดีที่คตส.ส่งมายังไม่สมบูรณ์เพียงพอต่อการพิจารณาสั่งฟ้อง และจะครบกำหนด 30 วันนับแต่คตส.ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดคือวันที่ 17 มี.ค.นี้ ดังนั้นจึงทำให้คณะทำงานเสนอเรื่องไปยังนายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุด เพื่อขอให้ลงนามในหนังสือแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันของคตส.กับอัยการ
แหล่งข่าว กล่าวว่า คดีทุจริตกล้ายางนี้ แม้อัยการมีความเห็นแนวทางเดียวกับคดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) คือให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการและ คตส. แต่ทั้ง 2 คดีมีความแตกต่างกันคือ สำนวนคดีทุจริตกล้ายางมีข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่ปรากฏซึ่งถือว่า มีเพียงพอที่ทำให้เห็นได้ว่าในส่วนของรัฐมนตรี ข้าราชการที่ต้องเป็นผู้ถูกกล่าวทั้ง 45 คนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด อย่างไร เพียงแต่ส่วนที่เกิดความไม่สมบูรณ์ในสำนวนนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับขั้นตอน และวิธีการดำเนินคดีของ คตส. ซึ่งการบรรยายฟ้องอัยการต้องการให้เกิดความรอบคอบรัดกุม ดังนั้นจึงเป็นจุด ที่แตกต่างจากคดีหวยบนดิน ที่คดีดังกล่าวยังต้องการสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในประเด็นที่มีการตั้งข้อกล่าวหา
แหล่งข่าว กล่าวว่าการเสนอตั้งคณะทำงานร่วมคดีทุจริตกล้ายางครั้งนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาเหมือนคดีหวยบนดิน เพราะระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานของอัยการ ได้มีการประสานงานภายในกับ คตส. ด้วย อีกทั้งประเด็นในสำนวนที่ยังไม่สมบูรณ์ เป็นเรื่องที่สองฝ่ายพูดคุยกันได้เพื่อให้ความเกิดชัดเจนในข้อกฎหมาย และถ้าเราเห็นพ้องกันว่าที่ต้องตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อความรอบคอบในการสั่งคดี เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหามีจำนวนมาก ซึ่งมีการแบ่งกลุ่มตามความผิดหลายข้อหาแล้ว เชื่อว่าทุกอย่างไม่น่าจะมีปัญหา
วันเดียวกัน นายเสกสรรค์ บางสมบุณ อธิบดีอัยกายฝ่ารคดีพิเศษ ในฐานะตัวแทน ของอัยการสูงสุดได้เดินทางเข้าพบ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. โดยใช้เวลาในการเข้าพบนานกว่า 20 นาที
นายนาม เปิดเผยว่า ตัวแทนอัยการสูงสุดได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายคือ อัยการสูงสุด กับ คตส. พร้อมทั้งเสนอรายชื่อบุคคล เรียบร้อยแล้ว เพื่อพิจารณาเพิ่มเติมความเกี่ยวกับสำนวน ซึ่งยังขาดหลักฐานเพียง เล็กน้อยเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับความไม่สมบูรณ์ของสำนวน แต่เป็นการพิจารณา ร่วมกันเพื่อให้สำนวนและหลักฐานมีความชัดเจนรัดกุมมากขึ้น
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับประเด็นที่ คตส.ใช้พยานหลักฐานในชั้นตรวจสอบร่วมกับไต่สวน เหมือนกับคดีหวยบนดินที่ ถูกอัยการสูงสุดตีกลับหรือไม่นั้น นายนาม กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเพราะเป็นเพียงการพิจารณาเอกสารเพิ่มเติมเท่านั้น และเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน จึงมีความจำเป็นต้องคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามตนจะนำความเห็นของ อัยการสูงสุดเสนอเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ คตส.ในวันจันทร์ที่ 17 มี.ค.นี้ เพื่อเสนอชื่อบุคคลที่จะเข้ามาเป็นคณะทำงานร่วม เบื้องต้นคาดว่า น่าจะเป็น นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการคตส.ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า เหตุผลสำคัญที่อัยการสูงสุดต้องการให้ตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย เพื่อพิจารณาสำนวนเพิ่มเติมมีทั้งหมด 3. ประเด็น ประกอบด้วย 1. ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสภานะของ นายบรรณพจน์ หงส์ทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2.ประเด็นที่ คตส.มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาและชี้มูลความผิดบุคคลทีเกี่ยวข้องที่ระบุความผิดเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจน ทั้งยังไม่มีการระบุความเสียหายที่ชัดเจนเกิดขึ้น 3.การพิจารณาสำนวนคำให้การของพยาน ผู้ถูกกล่าวหาบางคน บางช่วงขาดหายไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับรายชื่อคณะทำงานร่วมฝ่ายอัยการสูงสุด 5 คน ประกอบด้วย 1.นายเสกสรรค์ บางสมบุญ 2.นายวินัย ดำรงมงคลกุล 3.นายนันทศักดิ์ พูนสุข 4.นายวงศกุล กิตติพรหมวงศ์ และ5.ม.ล.ศุภกิตต์ จรูญโรจน์
