คตส.น้อมรับ “แม้ว” พิสูจน์คดี ไม่หวั่นถูกแทรกแซง

คตส.มั่นใจในพยานหลักฐานเอาผิด “แม้ว” ได้แน่ ยินดีที่กลับมาต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความจริงต่อสังคม ยัน คตส.ไม่หวั่นไหวแต่ตอบแทนไม่ได้จะถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองหรือไม่

วันนี้ (28 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สถานที่ทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อต่อสู้คดี โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านเป็นไปอย่างเงียบเหงา มี เพียงนายบรรเจิด สิงคะเนติ กับ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา กรรมการ คตส.เดินทางมาที่สำนักงาน

นายบรรเจิด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับ ว่า เป็นเรื่องดีที่จะได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีความต่างๆ ในชั้นศาล ว่าเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาการนำเสนอข้อเท็จจริงมักจะพูดกันที่นอกศาลมาตลอด ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันความบริสุทธิ์ และตั้งใจจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต่อสู้คดีในชั้นศาล คดีต่างๆ ก็จะเดินหน้าต่อไปได้ และข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร สังคมก็จะได้ทราบกัน

เมื่อถามว่า ทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คตส.มั่นใจในหลักฐานและสำนวนสอบสวนมากน้อยแค่ไหน นายบรรเจิด กล่าวว่า ในทุกคดี คตส.มีความมั่นใจอยู่แล้ว เพราะสำนวนสอบสวนแต่ละคดี ผ่านการคัดกรองมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่กระบวนการสอบสวน ไต่สวน ไปจนถึงการพิจารณาของ คตส.ชุดใหญ่เอง อย่างไรก็ตาม หลังการกับประเทศ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ การทำงานของ คตส.จะถูกแทรกแซงมากขึ้นหรือไม่นั้น คงให้ความเห็นไม่ได้ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ คตส.ทุกคนไม่มีใครหวั่นไหว เพราะยังคงเป็นปุถุชนคนธรรมดา ที่ถอดใจอะไรไม่ได้

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า บุคคลที่มานั่งทำงานในตำแหน่งกรรมการ คตส.เป็นกลุ่มคนที่เป็นปฏิปักษ์ นายบรรเจิด กล่าวว่า เหตุผลนี้ เป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ในการโต้แย้ง การสอบสวนคดีของ คตส.ทุกสำนวน และ คตส.ก็ได้มีการพิจารณาไปแล้ว ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กรรมการ คตส.ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับใคร และในการทำงานหน้าที่ของเรา ก็อยู่ในกรอบอำนาจหน้าที่ ยึดข้อเท็จจริงเอกสารหลักฐานเป็นสำคัญ

นายบรรเจิด ยังกล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนต่างประเทศวิเคราะห์ ว่า สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับมาประเทศไทย เพราะมั่นใจว่า จะพ้นข้อกล่าวหา และได้ทรัพย์สินมูลค่า 55,200 ล้านบาท ที่ถูกอายัดไปกลับมาครอบครองอีกครั้ง ว่า ทุกเรื่องจะต้องไปต่อสู้กันที่ศาล หลักฐานข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น