“โฆษกฯสัก” งดโต้อันเกรงเกิดวิกฤตศัรทธา เหตุไม่ยอมฟ้องคดีหวย ลั่นหากสำนวนรั่วไหล ต้องพร้อมรับผิดชอบ นัดถกโต้ “วัยวุฒิ” 18 ก.พ.นี้ ด้าน “อุดม” รับ อาจเลื่อนฟ้องคดีไปในเดือน มี.ค.แทน
วันนี้ (15 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้เรียกกรรมการ คตส.มาประชุมนัดพิเศษตั้งแต่ เวลา 11.00-16.00 น.รวม 5 ชั่วโมง เพื่อหารือถึงกรณีที่ นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุดออกมาให้สัมภาษณ์ในทางพาดพิงการทำงานของ คตส.หลังจากที่ คตส.ได้ทำหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อขอสำเนาสำนวนคดีการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2-3 ตัว (หวยบนดิน) คืน และขอทราบข้อเท็จจริงในการมอบอำนาจของ นายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุดให้นายวัยวุฒิปฏิบัติราชการแทน
ภายหลังการประชุม นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.แถลงว่า ที่ประชุม คตส.ยังไม่สามารถมีมติให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวได้ เนื่องจากการประชุม คตส.เมื่อวันที่ 15 ก.พ.มีกรรมการมาประชุม คตส.เพียง 7 คน เพราะมีกรรมการ คตส.หลายคนติดภารกิจ โดยขาดนายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส.นาย อุดม เฟื่องฟุ้ง กรรมการ คตส.และนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ คตส.
“ดังนั้น ในวันที่ 18 ก.พ.คตส.จะมีความชัดเจนในเรื่องนี้ พร้อมกับหารือว่าการออกมาให้ความเห็นดังกล่าวนั้น เป็นการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คตส.ยังยืนยันว่า หากไม่ได้แจ้งและส่งเอกสารเกี่ยวกับการมอบอำนาจให้รองอัยการสูงสุดจะถือว่าการลงนามในหนังสือของรองอัยการสูงสุดนั้น เป็นความเห็นและการดำเนินการของอัยการสูงสุด และถ้าข้อเท็จจริงในการปฏิบัติราชการแทนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นผลให้การดำเนินคดีต้องบกพร่องจะเป็นความรับผิดชอบของอัยการสูงสุด เช่นเดียวกับการขอสำเนาสำนวนต่อศาลคืนด้วย เพราะหากความลับในสำนวนถูกเปิดเผยสำนักงานอัยการสูงสุดต้องรับผิดชอบ” นายสักกล่าว
นายอุดม กล่าวว่า การพิจารณาสำนวนเพื่อสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอาจต้องเลื่อนออกไปเป็นเดือนมีนาคมแทนจากเดิมที่มีการกำหนดเอาไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนกรณีของ นายวัยวุฒิ ส่วนตัวไม่อยากออกมาตอบโต้อะไร เพราะเห็นความเห็นของนายวัยวุฒิเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับ นายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุด
นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการ คตส.กล่าวว่า ในที่ประชุม คตส.ได้หารือกันในหลักของกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งก็ยืนยันว่า กฎหมายมี 2 ระบบ คือ ระบบพนักงานสอบสวน และระบบของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งยืนยันคตส.สามารถตั้งทนายความฟ้องเองได้ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในกรณีที่อัยการสูงสุดเห็นไม่สั่งฟ้องคดีต่อศาล
“ทั้งนี้ ที่ประชุม คตส.แสดงความเห็นห่วงอัยการสูงสุด ว่า หากตีความเช่นนี้จะเกิดผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของอัยการสูงสุด รวมไปถึงเป็นห่วงความไม่สอดคล้องในข้อกฎหมายที่จะเกิดขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามการทำงานคตส.ทำเพื่อผลประโยชน์ของแผ่นดิน เพราะถ้าหาทางออกไม่ได้ก็จะเกิดผลกระทบทั้งหมด เพราะ คตส.อยากให้มีสะพานเชื่อมไปถึงศาล” นายบรรเจิด กล่าว
แหล่งข่าว คตส. กล่าวว่า การประชุม คตส.วันที่ 15 ก.พ.ได้มีการเชิญผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุดมาชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับ คตส.ต่อเรื่องดังกล่าว ซึ่งที่ประชุม คตส.แสดงความห่วงใยไปทางอัยการสูงสุด โดย คตส.ยืนยันในที่ประชุม คตส.ต่อหน้าผู้แทนจากอัยการสูงสุด ว่า ไม่ต้องการให้ทั้ง 2 องค์กรเกิดความขัดแย้งกัน และไม่อยากให้สังคมมองในแง่ลบ ขณะเดียวกัน หาก คตส.เอาคดีนี้มาฟ้องเองเกรงว่าจะทำให้อัยการสูงสุดเกิดความเสียหาย เพราะมีหน้าที่แต่ไม่ทำตามหน้าที่