xs
xsm
sm
md
lg

อัยการฉุนจวก “สัก”เฮงซวย แค่ทนายเอกชนทำมาสอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อัยการลั่นเฮงซวย กล่าวหาโยกโยคดีหวยบนดิน เย้ย “สัก” เป็นแค่ทนายเอกชนหือมาสอน บอกชักอยากเจอเสียแล้วมาพูดทุเรศไม่เปิดสำนวนต้นฉบับคดีหวยบนดินดู ชี้ คตส.ส่งทั้งตัวจริงและสำเนามาก็ต้องเปิดสำเนาดู ส่วนตัวจริงจะเอาไว้ฟ้องศาล แจงเหตุไม่ส่งสำเนาคืนเพื่อใช้เป็นหลักฐานหาก คตส.แอบไปสอบพยานเพิ่ม ยัน คตส.ส่งฟ้องเองไม่ได้ ด้าน “บรรเจิด” เตรียมส่งสำนวนกล้ายางให้อัยการ 18 ก.พ.ไม่หวั่นถูกตีกลับเหมือนหวยบนดิน พ้อสะพานเชื่อม คตส.ไปถึงศาลถูกตัด ส่วนอนุฯไต่สวนชง คตส.ฟันปลาซิวกระทรวงคฃัง ฐานตอบหนังสือซื้อ-ขายหุ้นชินไม่ต้องเสียภาษี “ศุภรัตน์-ศิโรตม์-รวิฐา” รอด

จากกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)เตรียมทำหนังสือถึง นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด (อสส.) ขอให้จัดส่งหนังสือมอบอำนาจ อสส. และ รอง อสส.ที่รับผิดชอบคดีการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว (หวยบนดิน) เพื่อแต่งตั้งทนายความยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนคดีหวยบนดินกล่าวว่า ถ้า คตส. ทำหนังสือมาถึงตนก็จะนำเสนอ อสส. พิจารณาว่าจะเซ็นหนังสือมอบอำนาจให้ คตส.หรือไม่ อย่างไรก็ตาม อสส. ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดีของ คตส.ทุกคดี ตนจึงมีอำนาจเซ็นหนังสือแทน อสส.ได้ แต่ต้องไม่ใช่เป็นการยืนยันว่าอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่เป็นความเห็นที่แตกต่างกับ คตส. เพราะอัยการ มีความเห็นส่งไปให้ คตส.สอบสวนเพิ่มเติม 5 ประเด็น เพราะสำนวนยังไม่ครบถ้วน อัยการยังไม่ได้พิจารณารายละเอียดเนื้อหาในสำนวนว่าผู้ต้องหากระทำผิดหรือไม่ จึงยังไม่ได้พิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องแต่อย่างใด ดังนั้น คตส.จึงยังไม่มีอำนาจสั่งฟ้องคดีเอง แต่ถ้า คตส.อยากฟ้องคดีเองก็ต้องรับผิดชอบผลที่จะตามมาด้วย เพราะกฎหมายให้อำนาจ อสส. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องคดีเท่านั้น

“อัยการทำไปตามพยานหลักฐาน เมื่อ คตส.ทำสำนวนไม่ครบถ้วน อัยการก็ต้องสั่งให้ไปสอบเพิ่มเติม แต่ถ้า คตส.จะฟ้องคดีเองก็เรื่องของเค้า แต่อย่าเที่ยวออกมาว่าอัยการโยกโย้ ถ้าคดีอื่นที่จะส่งให้อัยการแล้วยังทำสำนวนมาไม่ครบถ้วนแบบนี้ ก็ต้องสั่งสอบเพิ่มเติมเหมือนกัน อย่าเพียงแต่ทำสำนวนส่งให้อัยการตามขั้นตอนแล้วดึงเอากลับไปฟ้องเอง อัยการทำไปตามพยานหลักฐานตามเนื้อผ้า”

ส่วนที่นายสัก กอแสงเรือง คณะกรรมการ คตส. ระบุว่าต้องการหนังสือมอบอำนาจเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน นายวัยวุฒิ กล่าวเสียงดังว่า นายสัก มาจากทนายเอกชน ไม่รู้เรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ตนได้รับแต่งตั้งจาก อสส. ตามหนังสือเลขที่ 590/2550 ให้เป็นประธานคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนคดีของ คตส. ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534

“อยากถามว่ามีสิทธิอะไรมาตรวจสอบ อยากให้มองตัวเองเสียก่อนเฮงซวย ผมชักอยากเจอแล้วสิ และที่ออกมาพูดว่าอัยการไม่ได้เปิดสำนวนต้นฉบับยังปิดผนึกเหมือนตอนที่ส่งไป ให้สัมภาษณ์ทุเรศเช่นนี้ได้อย่างไร คตส.ส่งทั้งต้นฉบับและสำเนามาให้อัยการก็พิจารณาจากสำเนา ส่วนตัวจริงตั้งใจจะเก็บไว้ส่งศาล แต่ขณะนี้ก็ส่งคืน คตส.แล้ว ส่วนสำเนาที่ไม่ส่งคืน เพราะอัยการ สั่งให้ คตส.สอบเพิ่ม 5 ประเด็น จึงต้องเก็บไว้เป็นหลักฐาน หากภายหลัง คตส.เอาไปสอบเพิ่มเติมแล้วส่งฟ้องศาลเอง แล้วอัยการจะมีหลักฐานอะไร”

“การที่ คตส. ออกมาเปิดเผยประเด็นการสอบสวนเพิ่มที่อัยการสั่งให้สอบเพิ่มเติมทั้ง 5 ประเด็น เหมือนชี้ช่องให้จำเลยนำมาต่อสู้คดี คิดเองแล้วกันว่าใครทำให้คดีเสียหาย จะมาด่าว่าอัยการ ได้อย่างไร เป็นหน่วยงานของรัฐเหมือนกันไม่น่าพูดอย่างนี้” รอง อสส.กล่าวและว่า ส่วนจะส่งคืนสำเนาคดีหวยบนดินคืนให้ คตส.หรือไม่ นั้นขึ้นอยู่กับ อสส.พิจารณา

มีรายงานข่าวจากคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการกล่าวหาข้าราชการ อดีตข้าราชการกระทรวงการคลังและกรมสรรพากร ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการ เรียกเก็บภาษีการซื้อขายหุ้น บริษัท ชินคอปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป ระหว่างนายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร กับบริษัท แอมเพิลริช อินเวสต์เมนต์ จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการไต่สวนว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้สรุปผลคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2551 และจะมีการเสนอขอมติจากที่ประชุม คตส. ในวันจันทร์ที่ 18 ก.พ. 2551 โดยคณะอนุกรรมการพิจารณาเฉพาะคดีอาญา ส่วนโทษทางวินัยต้องขึ้นอยู่กับต้นสังกัดว่าจำดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้หากที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่มีมติให้ส่งฟ้องคดีก็จะดำเนินการส่งฟ้องต่อศาลอาญา และจำทำหนังสือรายงานต้นสังกัดของข้าราชการที่ยังอยู่ในตำแหน่งด้วย

ทั้งนี้ในเบื้องต้นคณะอนุกรรมการได้ลงความเห็นว่าจำนวนผู้ถูกกล่าวหาจะลดลง 3 คนจากเดิมที่ในชั้นตรวจสอบตั้งข้อกล่าวจำนวน 8 คน มีนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง นายศิโรตม์ สวัสดิ์พานิช อดีตอธิบดีกรมสรรพากร และนางรวิฐา พงศ์นุชิต รองอธิบดีกรมสรรพากร จะไม่ถูกส่งฟ้องดำเนินคดี เนื่องจาก ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการตอบหนังสือหารือของครอบครัวชินวัตรเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น แต่เป็นเพียงผู้จัดการแถลงข่าวเท่านั้น

“3 คนที่คณะอนุกรรมการเห็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเนื่องจากเป็นเพียงคนจัดแถลงข่าว อย่างนายศุภรัตน์และนายศิโรตม์ก็ไม่ได้พูดว่าการซื้อขายหุ้น ไม่ต้องเสียภาษี อีกทั้งยังเป็นการแถลงข่าวภายหลังจากมีหนังสือตอบข้อหารือไปแล้ว และการแถลงข่าวก็เป็นเพียงการพูดในหลักการ แต่ระดับเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะนางเบญจา หลุยเจริญ ซึ่งเป็นคนตอบข้อหารือเพราะปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากรในขณะนั้น รวมถึงนางสาวปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ ซึ่งเป็นคนทำหนังสือหารือมายังกรมสรรพากรจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ”

แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า ขณะนี้บรรยากาศการประสานงานระหว่างอัยการสูงสุด (อสส.) และคตส. เริ่มไม่ราบรื่นหลังจากที่มีความเห็นไม่ตรงกันกรณีสำนวน การไต่สวนคดี หวยบนดิน จึงทำให้การทำงานของ คตส.ต้องละเอียดรอบคอบ

สำหรับผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวที่เหลือ 5 คนคือ 1. นาง เบญจา หลุยเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง 2.น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง ผู้อำนวยการสำนักอุทธรณ์ภาษี กรมสรรพากร 3.น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร 4..นายกฤช วิปุลานุสาสน์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายกรมสรรพากร และ5.น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ ผู้ทำหนังสือหารือมายังกรมสรรพากร

ด้านนายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการ คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดส่งสำนวนคดีให้ อสส. ฟ้องร้องคดีต่อศาลตามขั้นตอนของกฏหมายว่า ขณะนี้ได้จัดทำสำนวนคดีเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถนำไปส่งให้ อสส. อย่างช้าไม่เกินวันที่ 18 ก.พ. นี้ อย่างไรก็ตามไม่มีความกังวลว่าการส่งคดีจะมีปัญหาเหมือนคดีหวยบนดิน เพราะในฐานะที่เป็นผู้จัดทำสำนวนมั่นใจว่ามีความสมบูรณ์เรียบร้อย แต่หากจะมีปัญหาก็คงต้องพูดกันในอนาคตอีกครั้ง

นายบรรเจิด กล่าวอีกว่าสำหรับข้อเท็จจริงที่ นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. ออกมาระบุว่ามีขบวนการทำให้คดีความไม่ไปสู่ศาลนั้น ในเบื้องต้น คตส.เห็นว่าขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะคดีหวยบนดิน เสมือนมีขบวนการที่ทำให้ขั้นตอนในการส่งคดีไปถึงศาลเกิดปัญหา

“โดยขั้นตอนของการส่งคดีไปให้ศาลพิจารณามันก็เหมือนกับการที่ คตส. ต้องมีสะพานเชื่อมไปถึงศาล แต่ตอนนี้เหมือนกับว่าสะพานนี้กำลังถูกตัดเพื่อไม่ให้ คตส.ส่งคดีไปถึงศาลได้ อย่างไรก็ตาม คตส.ก็คงต้องพยายามหาทางแก้ไขปัญหานี้ เพราะโดยหลักแล้ว คตส.ก็มีอำนาจในการฟ้องร้องคดีได้ เมื่อมีความพยายาม ไม่ให้เราเดินไปอีกช้องทางหนึ่ง เราก็คงใช้ช่องทางของเราเพื่อเดินทางไปให้ถึงให้ได้”
กำลังโหลดความคิดเห็น