xs
xsm
sm
md
lg

“มิ่ง”กลับหลังหันแก้ข้าว บอกชาวนาให้ขายได้แล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“มิ่งขวัญ”แก้ข้าวเหมือนลิงแก้แห กลับหลังหันบอกชาวนาได้เวลาขายข้าวแล้ว หลังเคยยืนยันอย่าเพิ่งขายข้าว เพราะราคาจะสูงขึ้นอีก ส่งผลกระทบหนักพ่อค้าปั่นราคาจนป่วนวงการ ขณะที่ครม.ไฟเขียวนำข้าว 5% บรรจุถุงขายให้ประชาชนในราคาทุน ด้านเอกชนชี้ข้าวธงฟ้า เคยทำมาแล้วแต่ถูกสั่งเบรก ส่วนผู้ส่งออกย้ำอีกครั้ง หากรัฐหนุนส่งออกเสรี อีก 6 เดือนข้างหน้าเกิดวิกฤตข้าวแน่ คนไทยจะต้องกินข้าวราคาแพง เผลอๆไม่มีข้าวให้กิน

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.เมื่อวานนี้ (1 เม.ย.) ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ นำข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล มาทำข้าวสารบรรจุถุงในราคาต้นทุนออกมาจำหน่ายให้กับผู้บริโภคในประเทศ โดยเป็นข้าวขาว 5% ทยอยออกจำหน่ายเดือนละ 10,000-20,000 ถุง ในราคาต้นทุน ส่วนรายละเอียดทั้งหมด จะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการข้าวแห่งชาติหรือ กขช. เห็นชอบภายในเดือนเม.ย.นี้ก่อนประกาศรายละเอียดต่อไป

นอกจากนี้ขอฝากข้อความและส่งสัญญาณถึงชาวนาว่าได้เวลาขายข้าวออกมาแล้ว เพราะราคาข้าวในตลาดโลกขณะนี้อยู่ในระดับสูง โดยราคาข้าวสารในตลาดโลกขณะนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาตันละ 16,000-17,000 บาท ราคาส่งออกข้าวสารหอมมะลิ ตันละ 30,000 บาท และราคาข้าวเปลือกขาว ตันละ 12,000-13,000 บาท และราคาข้าวส่งออก ตันละ 22,500 บาท ส่วนราคาข้าวสารส่งออกของอินเดีย ประเภทข้าวบาสมาติ ราคาตันละ 54,000 บาท ข้าวอินเดีย ตันละ 22,500 บาท

"ถ้าถามผมว่าราคาข้าวจะขึ้นมากกว่านี้อีกหรือไม่ ผมตอบไม่ได้ แต่ราคาขณะนี้เป็นราคาคุ้มทุน มีกำไร และในประวัติศาสตร์ของชาวนา ข้าวไม่เคยราคาสูงเท่านี้มาก่อน และที่ให้ดูราคาข้าวบาสมาติของอินเดีย ตันละ 54,000 บาท ก็อย่าไปหวังเลยว่า ราคาข้าวของไทยจะสูงขนาดนั้น ขณะนี้ราคาส่งออกข้าวสารหอมมะลิตันละ 30,000 บาท มาถึงแล้วจากที่คิดว่าต้องใช้เวลา 1-3 เดือน แต่เพียง 1 สัปดาห์ ราคานี้ก็มาถึงจึงขอให้ชาวนาขายข้าวออกมาไม่เช่นนั้น ไม่รู้อนาคตราคาข้าวต่อไปจะเป็นเช่นใด"

ทั้งนี้ช่วง 1-2 วันที่ผ่านมานายมิ่งขวัญ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ราคาข้าวยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 2-3 เท่า จากปัจจุบัน เนื่องจากความต้องการซื้อข้าวจากต่างประเทศยังมีอีกมาก และทุกประเทศมุ่งเข้ามาซื้อข้าวจากไทย หลังจากที่เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญประกาศงดส่งออกข้าว จึงขอให้เกษตรกรอย่าเพิ่งขาย

"ตอนนี้ราคาข้าวมีค่ามากกว่าทอง ชาวนาอย่าเพิ่งรีบขาย หรือถ้าจะขายก็ให้เลือกราคาที่ตัวเองพอใจ แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องเงินทุน สัปดาห์หน้าผมกำลังจะคุยกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยเหลือในด้านเงินทุนให้กับชาวนา ส่วนพ่อค้า ก็อยากจะบอกว่า อย่าไปกดราคาข้าวชาวนา เพราะราคามันโชว์อยู่ทุกวัน" นายมิ่งขวัญกล่าว

มั่นใจยังมีข้าวพอเพียงให้บริโภค

นายมิ่งขวัญ กล่าวต่อไปว่า ขอฝากข้อความถึงประชาชนด้วยว่า แม้จะมีการส่งออกข้าว แต่ปริมาณข้าวภายในประเทศยังเพียงพอต่อการบริโภค จึงไม่ต้องเป็นห่วง เพราะถ้าราคาข้าวในตลาดโลกยังสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทางรัฐบาลก็จะกำหนดโควต้าการส่งออกข้าว เพราะรัฐบาลมีความเป็นห่วงชาวนา และผู้บริโภคมากที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงพ่อค้าข้าว

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีผลผลิตข้าวเปลือก 31 ล้านตัน และเมื่อสีเป็นข้าวสารได้ 20.5 ล้านตัน แบ่งเป็นใช้ในประเทศ 11 ล้านตัน ส่งออก 9.5 ล้านตัน โดยที่ใช้ในประเทศ 11 ล้านตัน แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ปริมโภค 6.6 ล้านตัน ส่วนอีก 4.4 ล้านตัน แบ่งใช้เป็นพันธ์ข้าวในการปลูก ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ และเพื่อเก็บสต็อก ซึ่งตอนนี้มีอยู่ 2.1 ล้านตัน

ครม.ไฟเขียวทำข้าวถุงธงฟ้า

สำหรับข้าวที่มีอยู่ในสต็อก ที่ประชุมครม.เห็นชอบให้นำข้าว 5% ออกมาบรรจุถุงเพื่อขายให้ประชาชนในราคาต้นทุน แต่ขณะนี้ยังไม่กำหนดราคา เพราะข้าวในสต็อกมีหลายล็อตทั้งนาปี นาปรัง และนาปรัง-ปี ซึ่งจะมีการประชุมกันอีกครั้งในคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งวิธีกระจายข้าวสู่ประชาชนจะขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทย เพื่อใช้กลไกของผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ อบต. อีกทั้งจะใช้กลไกของพาณิชย์จังหวัด และการค้าภายในจังหวัด ตลอดจน ส.ส.ให้ร่วมสังเกตุการณ์และร่วมตรวจสอบ โดยข้าวบรรจุถุงนี้จะไม่กระจายผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ หรือโมเดิร์น เทรด หรือเปิดช่องทางอื่นเพื่อซื้อไปกักตุน ขณะที่ตอนซื้อจะต้องแสดงสำมะโนครัวการบริโภคข้าว และทาง กขช. จะจัดตั้งคณะอนุกรรมการฯ ดูแลความโปร่งใส และการบริหารจัดการ ได้แก่ การบรรจุถุงและการจำหน่ายด้วย

ในระหว่างการประชุม ครม.ทางองค์การคลังสินค้าได้เสนอว่าจะนำข้าวขาว 5% ที่รับจำนำไว้มาบรรจุถุงขาย ในเบื้องต้น 650,000 ตัน และทยอยออกขายครั้งละ 100,000 ตัน โดยข้าวนาปี ปี49/50 จะขายในปริมาณถุงละ 5 ก.ก. ราคา 72.10-72.90 บาท ข้าวนาปรังปี 49 ขายราคาถุงละ 85.70-86.50 บาท ข้าวนาปรังปี 50 ขายถุงละ 72.40-73.45 บาท เพราะปัจจุบันราคาข้าวสารบรรจุถุงที่ขายตามท้องตลาดราคาถุงละ 76-88 บาท ซึ่งสูงกว่าช่วงที่ผ่านมา ราคาถุงละ 65-70 บาท

ข้าวถุงราคาถูกเอกชนเคยทำมาก่อน

แหล่งข่าวจากสมาคมผู้ประกอบข้าวถุงไทย กล่าวถึงการแก้ปัญหาของกระทรวงพาณิชย์ว่า ผู้ส่งออกข้าว และผู้ประกอบการข้าวรวมทั้งชาวนาเกิดความสับสน ในนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ไม่มีความแน่นอน ปรับเปลี่ยนทุกวัน เดี๋ยวแนะให้ชาวนาเก็บข้าวไว้อย่าเพิ่งขาย เพราะราคาจะสูงขึ้นไปอีก แล้วผู้ประกอบการข้าวออกมาโวยวายว่าเป็นการปั่นราคาข้าวให้สูง ก็กลับลำแนะให้ชาวนาขายข้าว ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายในระบบการค้าเสรี

นอกจากนี้การแก้ปัญหาราคาข้าวสารแพง โดยนำข้าวในโกดังมาบรรจุขายให้ประชาชนในราคาถูก นโยบายนี้เอกชนเช่น ห้างโมเดริน์เทรด ก็เคยทำมาก่อน แต่กรมการค้าภายในกลับมีนโยบายห้ามห้างโมเดริน์เทรดขายข้าวราคาถูก ทำให้ผู้บริโภคต้องบริโภคข้าวแพง แต่ตอนนี้กระทรวงพาณิชย์ กลับมีนบายที่จะทำเสียเอง ทำให้ผู้ประกอบการเกิดความสับสน ซึ่งภาคเอกชนก็ไม่มีใครกล้าโวยวาย เพราะภาครัฐทำเอง

"นโยบายการแก้ปัญหาของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้เกิดความผิดพลาด ในการแก้ปัญหาราคาสินค้าแพง ตั้งแต่หมู ข้าวและสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ปล่อยให้มีการปรับราคาขึ้นไปแล้วจะมาสั่งให้เขาลดราคาลง โดยใช้วิธีการบังคับกับผู้ผลิต ทำให้เห็นการบริหารเกิดความสับสนไม่มีแผนรองรับในระยะยาว หวังแต่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อหวังผลด้านประชาสัมพันธ์เท่านั้น ซึ่งเห็นว่าที่ผ่านมาผู้บริหารไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างจริงจัง" แหล่งข่าวกล่าว

ปล่อยข้าวส่งออกหวั่นขาดแคลนหนัก

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า หากรัฐไม่ดำเนินการใดๆเพื่อชะลอการส่งออกข้าว และยังปล่อยให้ส่งออกได้โดยเสรี เชื่อว่าในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ สถานการณ์ข้าวของไทยจะอยู่ในภาวะอันตราย โดยอาจเกิดภาวะขาดแคลน เพราะข้าวในสต็อกรัฐ 2.1 ล้านตัน เพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศ 3-4 เดือน รัฐไม่มีโครงการรับจำนำ จึงไม่มีข้าวเข้ามาเก็บสต็อกเพิ่มเติมอีก และยังมีการกักตุนเพื่อเก็งกำไรอย่างต่อเนื่อง ราคาจะพุ่งสูงขึ้นกว่าปัจจุบันมาก สุดท้าย ผู้บริโภคในประเทศต้องกินข้าวราคาแพง อาจถึงกิโลกรัมละ40-50 บาท จากปัจจุบันที่กิโลกรัมละกว่า 20 บาท รัฐบาลต้องเลือกเอาว่าจะดำเนินการอย่างไร

สำหรับสถานการณ์ข้าวของไทยในปีนี้ ตลาดยังเป็นของผู้ขาย เพราะผู้ส่งออกประเทศอื่นหยุดส่งออกหมดแล้ว ส่วนในปี52 หากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังปรับขึ้นสูงอีก เกษตรกรที่เลิกปลูกข้าว และผลิตพืชพลังงานทดแทนก็น่าจะปลูกพืชพลังงานทดแทนต่อไป เพราะยังได้ราคาดี และอาจทำให้ผลผลิตข้าวโลกลดลงอีก ไม่เพียงพอต่อการบริโภคของโลก ก็จะเกิดปัญหาการแย่งซื้อข้าวจนราคาพุ่งสูง ส่วนราคาส่งออกข้าวไทยก็ปรับฐาน เชื่อว่า ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อาจไม่เห็นราคาส่งออกข้าวขาวที่ตันละ 300-400 เหรียญสหรัฐแล้ว แต่น่าจะเห็นที่ตันละ600-700 เหรียญขึ้นไป

ด้านนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงจะยังไม่มีมาตรการกำหนดราคาส่งออกข้าวขั้นต่ำ จะยังคงให้ส่งออกได้ตามปกติ และเฝ้าติดตามการส่งออกอย่างใกล้ชิด แต่ผู้ส่งออกจะมีทั้งกลุ่มที่ต้องการให้กำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำ และไม่ต้องการ ส่วนรัฐจะมีมาตรการใดๆ ออกมาเพื่อชะลอการส่งออกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
กำลังโหลดความคิดเห็น