xs
xsm
sm
md
lg

“สมัคร” พลิ้วแก้ ม.309 แล้วแต่พรรค คมช.ซัดทำเพื่อตัวเอง-จี้ ขรก.หยุดรับใช้คนเลว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สมัคร” พลิ้วอีก แก้ รธน. มาตรา 309 แล้วแต่ที่ประชุมพรรค อ้างเหตุที่ค้านไม่ให้แก้เพราะไม่ได้ร่วมประชุม ด้านอดีตหัวหน้าสำนักงาน เลขาฯ คมช. ซัด พปช.กำลังนำประเทศเป็นตัวประกันเพื่อแก้ไข รธน.ช่วยคนเพียงคนเดียว เตือนสติ ขรก.เป็น ขรก.ในประบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่าไปรับใช้คนชั่ว แฉ ผู้การฯเชียงรายคนใหม่ มุ่งทำคดีเอาผิดกำนันที่เป็นพยานคดีทุจริตเลือกตั้งของ “ยุทธ ตู้เย็น” ปล่อยปละละเลยคดีฆ่ากันตายที่โยงการเมือง ด้านนักวิชาการจี้รื้อยกฉบับ และต้องทำประชาพิจารณ์ ไม่ควรทำเพื่อประโยชน์ตัวเอง แล้วประชาชนตกเป็นเบี้ยล่าง

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตร309 ที่ยังมีความเห็นขัดแย้งกันภายในพรรคพลังประชาชน โดยนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้แก้ไข แต่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคพลังประชาชนหลายคนพลักดันให้แก้ไขว่าตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมพรรค แต่พอเห็นและอ่านหมากออกก็บอกว่าไม่ควรแก้ แต่พอที่ประชุมมีมติก็ต้องว่าไปตามนั้น แล้วแต่ที่ประชุม ก็เท่านั้น แต่ปรากฏว่ากลายเป็นเรื่องใหญ่โต พออ่านหมากชั้นที่ 2 ก็บอกว่าแล้วแต่ที่ประชุม จบเรื่องมาตรา 309 เสียที

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องมีการหารือในที่ประชุมหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ต้องมีแน่นอน เพราะในวันที่มีการหารือกันนั้นตนติดภารกิจ ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ซึ่งตน จะไม่ออกความเห็นแล้ว เพราะมีคณะกรรมการยกร่าง ต่อไปนี้ใครจะเสนออะไร ก็คงไม่ได้ทั้งสิ้น พูดไม่ได้

ด้าน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า การที่พรรคพลังประชาชนผลักดันให้แก้รัฐธรรมนูญเป็นการแสดงให้เห็นว่านักการเมืองกำลังนำปัญหาของคนเพียงคนเดียวมาทำให้เป็นปัญหาของคนทั้งชาติ ตอนนี้เปรียบเหมือนเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวบานปลายรุกลามไปทั้งประเทศ เพราะนักการเมืองพยายามโยงเอาประเทศมาเป็นตัวประกัน เพียงเพราะปัญหาของคนเพียงคนเดียว

พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า เขาพยายามที่จะแก้รัฐธรรมนูญโดยอ้างว่า มีความจำเป็น พยายามดึงพรรคร่วมรัฐบาลให้เห็นด้วย เพื่อเข้าสู่สภาฯเห็นได้ชัดว่า เป็นการนำปัญหาคนเพียงคนเดียวกลุ่มเดียวที่กระทำผิด แล้วโยงเอาประเทศชาติเป็นหลักประกัน เพื่อแก้ไขให้่ตนเองพ้นผิด อยากให้นักการเมืองและผู้ที่กำลังบริหารประเทศอยู่เวลานี้ สำนึกว่ากำลังทำอะไรเพื่อประเทศชาติและประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลขณะนี้เป็นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทำเพื่อประเทศและประชาชน หรือเป็นรัฐบาลของคนเพียงคนเดียว

“รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันผ่านการลงประชามติเห็นชอบจากประชาชน ดังนั้น หากรัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญจำเป็นต้องฟังเสียงประชาชนให้มีการลงประชามติเช่นกัน อย่าอ้างว่าต้องเสียเงินจำนวนหลายล้าน เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นชอบ เห็นได้ว่า ขณะนี้นักการเมือง กำลังพยายามเอากฎหมายสูงสุดของประเทศมาแก้ไขเพื่อประโยชน์ของตนเอง ประชาชนทุกคนต้องดูว่าขณะนี้นักการเมืองกำลังทำอะไรกับประเทศ ข้าราชการทุกคนต้องสำนึกว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่เป็นผู้รับใช้นักการเมือง รับใช้ในสิ่งที่เลว ต้องคำนึงถึงพระราชดำรัสของในหลวง ทรงให้ไว้ว่าเราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ แต่เราต้องขจัดคนไม่ดีไม่ให้มา ปกครองประเทศ ดังนั้น ทุกคนควรระลึกตรงนี้และช่วยกันขจัดคนไม่ดี โดยเฉพาะข้าราชการอย่าเอาแต่รับใช้คนเลว ควรทำหน้าที่เพื่อประชาชนและประเทศชาติ”

พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า อย่างกรณีที่ พ.ต.อ. อดุลย์ ณรงศักดิ์ รักษาการผู้บังคับการตำรวจ จ.เชียงราย ผบก.เชียงราย ขณะนี้เข้าไปทำงานแทน ผบก.คนเดิมที่ถูกคำสั่งย้ายให้ไปราชการที่ภาคใต้ เมื่อเข้ามาทำงานในพื้นที่ก็มุ่งแต่ทำคดีเอาผิดกำนันที่เป็นพยานคดีทุจริตเลือกตั้งของนายยุงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ไม่สนใจในคดีสำคัญอื่นๆที่ค้างคามานานในพื้นที่ จ.เชียงราย เช่น คดีชิปปิ้งหมู หรือนายกรเทพ วิริยะ (พิเชษฐ์ วิริยะ) พยานคดีเรื่องการหลบเลี่ยงภาษี ของบริษัทที่เกี่ยวข้องการสื่อสาร ที่ถูกยิงเสียชีวิต ผ่านมาหลายปีแต่ยังเอาผิดใครไม่ได้ หรือคดีนายณรงค์ มาเยอะ หัวคะแนนพรรคมหาชนที่ถูกยิงตายในพื้นที่ จ.เชียงราย ซึ่งยังจับผู้ลงมือก่อเหตุไม่ได้ และคดียิงนายสมบัติ ไชยสารา อบต.จันจะว้า จ.เชียงราย ซึ่งสนิทกับนักการเมืองยิ่งใหญ่คนหนึ่ง แต่นักการเมืองคนนั้นเกรงว่านายสมบัติ จะเอาคนอื่นมาลงการเมืองท้องถิ่นแข่งขันกับคนของตนเอง ซึ่งวันที่นายสมบัติ ถูกลอบยิงก็เพิ่งไปเคลียร์กับนักการเมืองคนหนึ่งถึงบ้าน และออกมาจากบ้านไม่ถึง 100 เมตร ก็ถูกยิงเสียชีวิต นี่คือคดีสำคัญที่เกิดในพื้นที่แต่ยังไม่มีการเร่งสางคดี ดังนั้น อยากให้ข้าราชการคำนึงผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก อย่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเอง และอย่ารับใช้นักการเมืองที่เลว

ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย วานนี้ (31 มี.ค.) มีการเสวนาเรื่อง "การเมืองไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปฎิปักษ์ประชาธิปไตย" โดยมี นายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายสมชาย ปรีชาศิลปะกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนายชำนาญ จันทร์เรือง และนายสมเกียรติ ตั้งนะโม อาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ร่วมเสวนา

นายสมเกียรติ กล่าวว่าการจัดเสวนาครั้งนี้เนื่องจากมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบตามอำเภอใจ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีพูดกับนักข่าวว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา โดยไม่ต้องถามฝ่ายค้านและจะไม่ทำประชามติ แบบนี้จะทำให้กลับไปสู่การเมืองเผด็จการรัฐสภาอีกครั้ง ดังนั้นเราขอเสนอให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

เนื่องจาก 1.จากเหตุการณ์ 19 ก.ย. 2549 เราได้ 30 อรหันต์ มาร่างรัฐธรรมนูญ ภายใต้บรรยากาศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย 2 .รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็น ขวาพิฆาตขวาคนข้างบนเล่นคนข้างบนให้ประชาชนเป็นเหยื่อไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น และ 3 .รัฐธรรมนูญที่ออกมาเป็นฉบับอุบาทวาธิปไตย แปลว่า อำนาจทาง การเมือง 3 ส่วนก้าวก่าย ทับซ้อน มันไม่คานดุลกัน ดังนั้นแบบนี้เราไม่เอาทั้งสิ้น

นายเกษียร กล่าวว่า แนวโน้มทางการเมืองไทย 4-5 ปีข้ างหน้าจะมีเหตุการณ์ทะเลาะกันหลายเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องระบอบการเมืองการปกครอง คือระบอบประชาธิปไตยไม่เสรี และระบอบเสรีไม่ประชาธิปไตย แม้ประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตย แต่ในแง่ระบอบนิติธรรมกลับไม่เสรี เป็นรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ประชาชนอยากย้อนกลับไปสู่ระบอบทักษิณ ซึ่งคู่ชกของเขาคือระบอบเสรีแต่ไม่เป็นประชาธิปไตย อย่างพวก คมช. คือปฏิเสธความเสมอภาคของประชาชน จึงให้คนจำนวนหนึ่งมาร่างรัฐธรรมนูญ ให้คนจำนวนหนึ่งมาปกครอง แล้วบอกตัวเองอยากแก้เรื่องเสรีภาพ หลักนิติธรรม เป็นระบอบที่อ้างเสรีแต่ประชาธิปไตยไม่ให้ ทำให้พรรคการเมืองถูกจำกัดและทำให้อ่อนแอลง

นอกจากนี้การเมืองไทยจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างเครือข่ายอำนาจราชการ ที่มีอยู่ในกลุ่มบุคคลที่ถูกเรียกว่าผู้มีอำนาจนอกระบบ และเครือข่ายทักษิณ ซึ่งก็ยังมีการต่อสู้กันระหว่าง 2 กลุ่ม และใช้ประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพประชาชนเป็นเดิมพัน

นายเกษียร กล่าวอีกว่า หากดูรายละเอียดในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการแก้ไขเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับการเมืองภาคตัวแทน ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับการเมืองภาคประชาชน แก้ให้นักการเมืองได้อำนาจแต่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย กลับสู่กรอบเก่า แล้วมีการนำอำนาจประชาชนไปแลกเปลี่ยกัน เอาสิทธิเสรีภาพของเรา ไปแลก จะเห็นได้ว่ามีการเอารัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ไปแลกไม่ให้มีการแก้ไข ทั้งที่มาตราดังกล่าวละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และจริงๆแล้วก็มีกฎหมายอื่น ที่ควรแก้มากกว่านี้อย่าง พ.ร.บ.ความมั่นคง จะเห็นว่ากระบวนการแก้รัฐธรรมนูญก็จะทำโดยเร่งรัดโดยเร็ว โดยออกมาบอกว่าไม่อยากรบกวนประชาชน ประชาชนกลายเป็นเบี้ยให้คุณแลกอีกแล้ว

“สิ่งที่ผมวิตกคือแก้แบบนี้ประชาชนจะลงเอยแบบซวย 2 ต่อ คือได้ระบบประชาธิปไตยครึ่งใบแบบไม่เสรี ดังนั้นต้องให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไข ไม่ใช้เอาอำนาจประชาชนไปต่อรอง ไม่ใช่แบบ 2 เครือข่ายนึกอยากทำอะไรก็ทำ”

ด้าน นายสมชาย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองจะเกิดปฏิปักษ์ของ 2 ฝ่าย ซึ่งอยู่รวมกันไม่ได้ คือกลุ่มหนึ่งมุ่งสนับสนุนอมาตยาธิปไตยใหม่ คือระบอบรัฐสภา ที่มีอยู่แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเทวดา อีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในรูปองค์กรอิสระที่เข้ามาควบคุม ประชาชนไม่ได้มีอำนาจ แต่มีกลุ่มคนที่มีอำนาจอีกกลุ่มหนึ่ง คอยควบคุมนักการเมือง บทบาทที่เราเห็นคือพิทักษ์รัฐธรรมนูญ 2550

กลุ่มที่ 2 พวกที่มาจากพรรคการเมือง สิ่งที่เกิดขึ้นคือการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะสร้างช่วงชิงอำนาจทางการเมืองให้เกิดขึ้น เห็นได้ว่ามาตราที่พรรคพลังประชาชนเสนอแก้ไขเพื่อให้อำนาจนักการเมืองเพิ่มสูงขึ้น ให้นักการเมืองอยู่ภายใต้ การเลือกตั้ง ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มจะเป็นภาพการเมืองไทยต่อไป

นายสมชาย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ยืนอยู่กับระบอบอมาตยาธิปไตยใหม่ ตั่งแต่เกิดขึ้นเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่สมานฉันท์ เป็นการปิดประตูตีแมว ไม่เหมาะกับสังคมไทยต่อไป ซึ่งอนาคตหากไม่แก้รัฐธรรมนูญ เราจะมีระบบรัฐสภาที่มีพรรคการเมืองหน่อมแน่ม เพราะพรรคการเมืองพร้อมที่จะถูกยุบได้ทุกเมื่อ พรรคการเมืองมีพลังในการต่อรองน้อย หลักนิติธรรมจะถูกทำลายไป เพราะการทำรัฐประหารได้ถูกรับรองในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ในมาตรา 309 แต่หาก มีความพยายามจะแก้อย่างแนวทางที่พรรคพลังประชาชนทำอยู่คือทำให้มีแนวโน้ม ในการเผชิญหน้ามากขึ้นระหว่างกลุ่มพันธมิตรรากหญ้าและกลุ่มพันธมิตรที่มีผู้นำเป็น คนชนชั้นกลาง และจะทำให้การเผชิญหน้าและการปฏิปักษ์อาจเกิดขึ้น หรือไม่ก็อาจ เกิดการแลกผลประโยชน์เกิดขึ้น อาจยอมให้แก้ไขเรื่องอำนาจทางการเมือง แต่ไม่มีการแก้ไขในมาตรา 309

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่ามหาวิทยาลัยเที่ยงคืนได้ออกแถลงการณ์ สรุปว่า แนวทางในการจะก้าวให้พ้นไปจากรัฐธรรมนูญปี 2550 อย่างสันติ คือ 1 .การแก้รัฐธรรมนูญจะต้องนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ที่มา เจตนารมณ์และโครงสร้าง ซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพียงมาตรา หากต้องมีการแก้ไขเพื่อให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นทั้งฉบับ โดยนำเอา แนวทางการร่างรัฐธรรมนูญ 2540 มาเป็นต้นแบบในเชิงกระบวนการ

2.การจะทำให้เกิดรัฐธรรมนูญซึ่งได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายจะเกิดขึ้นได้ จากกระบวนการมีส่วนร่วมที่กว้างขวาง ด้วยการทำประชาพิจารณ์อย่างแท้จริงว่าจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เกิดขึ้นจากฉันทามติของสังคมไทยและเป็นฐานความชอบธรรมที่ทำให้รัฐธรรมนูญดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง
กำลังโหลดความคิดเห็น