“สมเจตน์” อัดยับ พปช.ดื้อแพ่งแก้ รธน.เพื่อคนเพียงคนเดียว หวั่นกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวจนรุกลามไปทั่วประเทศ พร้อมน้อมนำพระราชดำรัสในหลวง “เราต้องขจัดคนไม่ดีไม่ให้มาปกครองประเทศ” เตือนสติ ขรก.หยุดรับใช้นักการเมืองน้ำเลว
วันนี้ (30 ม.ค.) พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม และอดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนผลักดันให้แก้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่า ขณะนี้นักการเมืองกำลังนำปัญหาของคนเพียงคนเดียวมาทำให้เป็นปัญหาของคนทั้งชาติ ตอนนี้เปรียบเหมือนเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวบานปลายรุกลามไปทั้งประเทศ เพราะนักการเมืองพยายามโยงเอาประเทศมาเป็นตัวประกัน เพียงเพราะปัญหาของคนเพียงคนเดียว
“เขาพยายามที่จะแก้รัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่ามีความจำเป็น พยายามดึงพรรคร่วมรัฐบาลให้เห็นด้วยเพื่อเข้าสู่สภาฯ แล้วแก้รัฐธรรมนูญ เห็นได้ชัดว่าเป็นการนำปัญหาคนเพียงคนเดียวกลุ่มเดียวที่กระทำผิด แล้วโยงเอาประเทศชาติเป็นหลักประกัน เพื่อแก้ไขให้ตัวเองพ้นผิด จึงอยากให้นักการเมือง และผู้ที่กำลังบริหารประเทศอยู่เวลานี้ สำนึกว่ากำลังทำอะไรเพื่อประเทศชาติ และประชาชน โดยเฉพาะรัฐบาลขณะนี้เป็นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทำเพื่อประเทศ และประชาชน หรือเป็นรัฐบาลของคนเพียงคนเดียว” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันผ่านการลงประชามติเห็นชอบจากประชาชน ดังนั้น หากรัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญก็จำเป็นต้องฟังเสียงประชาชนให้มีการลงประชามติเช่นกัน อย่าอ้างว่าต้องเสียเงินจำนวนหลายล้าน เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นชอบ โดยจะเห็นได้ว่าขณะนี้นักการเมืองกำลังพยายามเอากฎหมายสูงสุดของประเทศมาแก้ไขเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ประชาชนทุกคนต้องดูว่าขณะนี้นักการเมืองกำลังทำอะไรกับประเทศ
“ข้าราชการทุกคนต้องสำนึกว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่เป็นผู้รับใช้นักการเมือง รับใช้ในสิ่งที่เลว ต้องคำนึงถึงพระราชดำรัสของในหลวง ที่ทรงให้ไว้ว่า เราไม่สามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ แต่เราต้องขจัดคนไม่ดีไม่ให้มาปกครองประเทศ ดังนั้น ทุกคนควรระลึกตรงนี้ และช่วยกันขจัดคนไม่ดี โดยเฉพาะข้าราชการ อย่าเอาแต่รับใช้คนเลว ควรทำหน้าที่เพื่อประชาชน และประเทศชาติ” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ พ.ต.อ.อดุลย์ ณรงศักดิ์ รักษาการผู้บังคับการตำรวจ จ.เชียงราย ซึ่งขณะนี้เข้าไปทำงานแทนผู้บังคับการคนเดิมที่ถูกคำสั่งย้ายให้ไปราชการที่ภาคใต้นั้น พ.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า เมื่อเข้ามาทำงานในพื้นที่ก็มุ่งแต่ทำคดีเอาผิดกำนันที่เป็นพยานคดีทุจริตเลือกตั้งของนายยุงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน โดยไม่สนใจในคดีสำคัญอื่นๆ ที่ค้างคามานานในพื้นที่ จ.เชียงราย เช่น คดีชิปปิ้งหมู หรือนายกรเทพ วิริยะ (พิเชษฐ์ วิริยะ) พยานคดีเรื่องการหลบเลี่ยงภาษีของบริษัทที่เกี่ยวข้องการสื่อสารที่ถูกยิงเสียชีวิต เพราะผ่านมาหลายปีแล้วแต่ยังเอาผิดใครไม่ได้
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีคดีของนายณรงค์ มาเยอะ หัวคะแนนพรรคมหาชน ที่ถูกยิงตายในพื้นที่ จ.เชียงราย ซึ่งยังจับผู้ลงมือก่อเหตุไม่ได้ รวมทั้งคดียิงนายสมบัติ ไชยสารา อบต.จันจะว้า จ.เชียงราย ซึ่งสนิทกับนักการเมืองยิ่งใหญ่คนหนึ่ง แต่นักการเมืองคนนั้นเกรงว่านายสมบัติ จะเอาคนอื่นมาลงการเมืองท้องถิ่นแข่งขันกับคนของตนเอง ซึ่งวันที่นายสมบัติ ถูกลอบยิง ก็เพิ่งไปเคลียร์กับนักการเมืองคนหนึ่งถึงบ้าน และออกมาจากบ้านไม่ถึง 100 เมตร ก็ถูกยิงเสียชีวิต นี่คือคดีสำคัญที่เกิดขึ้นในพื้นที่ แต่ยังไม่มีการเร่งสางคดี ดังนั้น จึงอยากให้ข้าราชการคำนึงผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก อย่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเอง และอย่ารับใช้นักการเมืองที่เลว