นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการนัดพบกันของอดีตคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) หลังบัญชีโยกย้ายนายทหารประกาศออกมาโดยย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า ยังอยู่กันอีกหรือ คมช.ไหนบอกว่าเลิกแล้วไง ผู้สื่อข่าวถามวย่ามีการสอบถามกรณีนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ถามหรอก คนเขารู้จักกันกินข้าวกันไม่เห็นมีอะไรเสียหาย "ไม่มีปัญหา ไม่ต้องถาม พรรคผมยุบไปแล้ว ผมจะไปกินข้าวกันก็คงไม่มีใครสนใจแล้วต่อไปนี้"
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะตรวจสอบงบลับที่ คมช.ใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่าจะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไม ต้องการให้ทุกอย่างมันเดินหน้าไป โปรดกรุณาอย่าถามเรื่องนี้ ไม่ได้สมคบกับใครเพื่อทำอะไรผิดหรอก แต่อยากบอกว่าถ้ามันไม่จำเป็น เห็นไหมคนการเมืองอย่างตนยังไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บเลย แต่ไอ้คนที่กำลังจะฟื้นฝอยหาตะเข็บกำลังจะยุบพรรค คิดไหมว่ามันจะเป็นยังไง คิดบ้างซิว่าคนอยู่ฝ่ายการเมืองคิดยังไง คนที่ถือกฎหมายอยู่คิดบ้าง
ต่อข้อถามว่าการโยกย้ายนายทหารที่ออกมาจะทำให้มีประสิทธิภาพ มากน้อยแค่ไหน นายสมัคร กล่าวว่า มีใครเขาแสดงความไม่พอใจหรือ แม่ทัพนายกอง ทั้ง 4 เหล่าเขาบอกพอใจ ก็ขีดเส้นใต้ 2 เส้น ก็ดีใจด้วยต้องให้คนอื่นมองไม่ใช่ตนมอง
ด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สูงสุด กล่าวถึงการนัดหารือกันของ อดีต คมช.ว่า ไม่ได้นัดหมายกันและช่วงเย็นไปซื้อต้นไม้ที่สวนจตุจักร อย่าไปสนใจมาก ถามเรื่องอื่นดีกว่า ขณะนี้ คมช. ไม่มีแล้ว คนเขาจะไปคุยกัน อย่าไปสนใจมาก
ส่วนที่มีข่าวว่ารัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบงบลับของ คมช.นั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คมช.ไม่มีแล้ว แต่ถ้าจะตรวจสอบก็ตรวจได้ ท่านมีสิทธิสั่งได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ คมช.ไม่ได้มีตัวตน ไม่ได้คิดอะไร ดังนั้น หากตรวจสอบก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องถามแต่ละคนที่เป็นอดีต คมช.ว่าพร้อมหรือไม่ คนตรวจสอบสามารถ ทำได้อยู่แล้ว ตนพร้อมให้ตรวจสอบทุกอย่าง ไม่เฉพาะแค่เรื่องเงิน
ส่วนจะเป็นการเช็คบิลย้อนหลัง คมช. หรือไม่นั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น การจะทำอะไรให้ถูกกฎหมาย เป็นเรื่องธรรมดา ข้อสำคัญ คือ คนของเราทำตัวให้ดีใครจะตรวจอย่างไรก็ไม่มีปัญหา
พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. กล่าวว่า การโยกย้ายในส่วนของ กองทัพเรือ ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะตนเป็นคนทำเอง ซึ่งการโยกย้ายกลางปีส่วนใหญ่ เป็นการโยกย้าย เพื่อปรับให้พร้อมที่จะรับกับกำลังพลที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ต.ค. นี้ และเตรียมสร้างนายทหารรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการโยกย้ายช่วงเดือนเมษายน
พล.ร.อ.สถิรพันธ์ กล่าวปฎิเสธว่าการโยกย้ายครั้งนี้ไม่ได้เป็นการคืนความ เป็นธรรมให้กับนายทหาร ตท.10 แต่ปีนี้ ตท.6 จะเกษียณกันหมด ตท.7 ก็เกือบหมด ตท. 8-9 ก็เริ่มทยอยเกษียณกันหมด ดังนั้น ตำแหน่งจึงต้องเป็นของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ตท.รุ่น 10,11 หรือ 12 ที่จะขึ้นมา และในช่วงนี้เป็นเวลาพอดีที่ ตท.10 เป็นุรุ่นหัวแถวที่ยังไม่เกษียณ ทำให้มองเห็น ตท.10 ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหลักหลายตำแหน่ง ไม่ว่ารุ่นไหนพอถึงเวลาที่เป็นหัวแถว เขาก็ต้องขึ้นอย่าไปมองที่รุ่น มันไม่ใช่ การปรับย้ายครั้งนี้ไม่มีความกดดันจากฝ่ายการเมือง ตนอยูู่ที่นี่ไม่มีใครมากดดัน สบายไม่มีอะไร
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ถูกย้ายให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมว่า ต้องแบ่ง ออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.พยายามกดดันให้ย้ายตนออกจากตำแหน่ง และ 2.กองทัพไม่ยอม แต่ก็ย้ายตนไปตำแหน่งที่ดีขึ้นในอัตราจอมพล ถือว่าเป็นมียศที่สูงสุด ในกองทัพ ตนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ถือเป็นตำแหน่งที่มีศักดิ์ศรี และชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูล ซึ่งต้องขอบคุณผู้บังคับบัญชา และนายสมัคร สุนทรเวช
“ผมได้รับทราบว่าท่านสมัครได้รับความกดดันจากทางการเมือง แต่ท่านก็ไม่ยอม และแต่งตั้งให้ผมอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น คิดว่าการโยกย้ายครั้งนี้จะไม่ทำให้กองทัพเกิดความแตกแยก เพราะไม่ค่อยมีตำแหน่งสำคัญ มีตำแหน่งที่เป็น ไฮไลท์ตำแหน่งเดียวคือ ตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และไม่คิดว่าจะเกิดความแตกแยก และมีการแก้ไขกัน เพราะทหารทุกคนเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราต้องรับใช้ประเทศชาติมากกว่าไปรับใช้การเมือง ไม่เช่นนั้นไม่ถือว่าเป็นทหารของชาติ”
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจที่มีผู้บังคับบัญชาบางหน่วยงาน ไปปรับย้ายลูกน้อง โดยอ้างเหตุผลที่ไม่ชอบธรรม เห็นว่าทำไมข้าราชการในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.บุรีรัมย์ ถึงได้ถูกโยกย้าย ประชาชนรู้เรื่อง ประชาชนไม่โง่ นักการเมืองที่ฉ้อฉลมักจะอ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ มาสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง มากที่สุด ตนไม่ค่อยห่วงหน่วยงานของกองทัพ และเขาคงทำอะไรตนไม่ได้ แต่อาจจะมาทำน้องตนได้ โดยอ้างเหตุผลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ น้องของตนและตนก็ทำงานเพื่อประเทศชาติ ยอมตายเพื่อประเทศชาติได้ ถ้าสิ่งนั้นเป็นผลประโยชน์ของประเทศ น้องตนก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองผ่านกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกห่วงความวุ่นวายของประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะการชุมนุม ของกลุ่มม็อบ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า เราควรต้องศึกษาคนบางคนเมื่ออยู่ใน สถานที่หนึ่ง มักจะอ้างเหตุผลเข้าข้างตัวเอง แต่พอมาอยู่อีกสถานะหนึ่งก็กลับคำ เช่นตอนมีม็อบก็อ้างว่าเพื่อประชาธิปไตย แต่พอคนอื่นมาทำก็บอกว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งนักข่าวควรหยิบคำพูดของเขาในอดีตมาเปรียบเทียบกับคำพูดตอนนี้ว่า มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนัดชุมนุมวันที่ 28 มี.ค.หนี้ว่า บ้านเมืองเราขนาดไม่มีปัญหาภายใน เราก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะมีปัญหาตามแนวชายแดนที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องแรงงานต่างด้าว บ้านเมืองเราน่าเป็นห่วงพอสมควร เพราะมีคนมาสร้างปัญหาให้บ้านเราพอสมควร ยิ่งสร้างขึ้นมาและเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ยิ่งน่าห่วงอยู่มาก แต่หน่วยงานที่ดูแลคงเตรียมการแก้ปัญหา แต่ดีที่สุดคืออย่าสร้างปัญหาขึ้นมาเลย ไม่เห็นมีความจำเป็น เรื่องม็อบชนม็อบคิดว่าไม่ควรจะเกิดขึ้น และไม่น่ามี เพราะไม่น่าจะทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้น คิดว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิด การเผชิญหน้า เพราะจะทำให้ภาพตกต่ำและถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ทำให้คนไม่มาท่องเที่ยว
พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. กล่าวว่า ไม่ควรออกมาเคลื่อนไหว ควรปล่อยให้ประเทศชาติสงบ จะได้มีความเจริญ ควรอะลุ้มอะหล่วยกันบ้าง และให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงานบ้างประเทศชาติจะได้ก้าวหน้า ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะซอยเท้าอยู่อย่างนี้ ส่วนจะต้องนำ พรบ.ความมั่นคง มาใช้หรือไม่นั้นต้องขอดู สถานการณ์อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าเชื่อหรือไม่ว่าเหตุการณ์จะไม่ย้อนกลับไปมีความวุ่นวายเหมือน ก่อนวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ตนเชื่อว่า ทุกฝ่ายรู้ดีว่าประเทศชาติต้องการอะไร ดังนั้นอย่าสร้างความวุ่นวายให้มากนัก ควรให้พี่น้องได้อยู่อย่างสบายใจและทำมาหากินอย่างสบายใจดีกว่า และขณะนี้การเมืองได้มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว แต่ยังคงมีคนที่คอยกระตุกขา แล้วเมื่อไรประเทศชาติจะไปรอดเสียที
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะตรวจสอบงบลับที่ คมช.ใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่าจะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไม ต้องการให้ทุกอย่างมันเดินหน้าไป โปรดกรุณาอย่าถามเรื่องนี้ ไม่ได้สมคบกับใครเพื่อทำอะไรผิดหรอก แต่อยากบอกว่าถ้ามันไม่จำเป็น เห็นไหมคนการเมืองอย่างตนยังไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บเลย แต่ไอ้คนที่กำลังจะฟื้นฝอยหาตะเข็บกำลังจะยุบพรรค คิดไหมว่ามันจะเป็นยังไง คิดบ้างซิว่าคนอยู่ฝ่ายการเมืองคิดยังไง คนที่ถือกฎหมายอยู่คิดบ้าง
ต่อข้อถามว่าการโยกย้ายนายทหารที่ออกมาจะทำให้มีประสิทธิภาพ มากน้อยแค่ไหน นายสมัคร กล่าวว่า มีใครเขาแสดงความไม่พอใจหรือ แม่ทัพนายกอง ทั้ง 4 เหล่าเขาบอกพอใจ ก็ขีดเส้นใต้ 2 เส้น ก็ดีใจด้วยต้องให้คนอื่นมองไม่ใช่ตนมอง
ด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สูงสุด กล่าวถึงการนัดหารือกันของ อดีต คมช.ว่า ไม่ได้นัดหมายกันและช่วงเย็นไปซื้อต้นไม้ที่สวนจตุจักร อย่าไปสนใจมาก ถามเรื่องอื่นดีกว่า ขณะนี้ คมช. ไม่มีแล้ว คนเขาจะไปคุยกัน อย่าไปสนใจมาก
ส่วนที่มีข่าวว่ารัฐบาลตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบงบลับของ คมช.นั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คมช.ไม่มีแล้ว แต่ถ้าจะตรวจสอบก็ตรวจได้ ท่านมีสิทธิสั่งได้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ คมช.ไม่ได้มีตัวตน ไม่ได้คิดอะไร ดังนั้น หากตรวจสอบก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องถามแต่ละคนที่เป็นอดีต คมช.ว่าพร้อมหรือไม่ คนตรวจสอบสามารถ ทำได้อยู่แล้ว ตนพร้อมให้ตรวจสอบทุกอย่าง ไม่เฉพาะแค่เรื่องเงิน
ส่วนจะเป็นการเช็คบิลย้อนหลัง คมช. หรือไม่นั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น การจะทำอะไรให้ถูกกฎหมาย เป็นเรื่องธรรมดา ข้อสำคัญ คือ คนของเราทำตัวให้ดีใครจะตรวจอย่างไรก็ไม่มีปัญหา
พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. กล่าวว่า การโยกย้ายในส่วนของ กองทัพเรือ ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะตนเป็นคนทำเอง ซึ่งการโยกย้ายกลางปีส่วนใหญ่ เป็นการโยกย้าย เพื่อปรับให้พร้อมที่จะรับกับกำลังพลที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ต.ค. นี้ และเตรียมสร้างนายทหารรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการโยกย้ายช่วงเดือนเมษายน
พล.ร.อ.สถิรพันธ์ กล่าวปฎิเสธว่าการโยกย้ายครั้งนี้ไม่ได้เป็นการคืนความ เป็นธรรมให้กับนายทหาร ตท.10 แต่ปีนี้ ตท.6 จะเกษียณกันหมด ตท.7 ก็เกือบหมด ตท. 8-9 ก็เริ่มทยอยเกษียณกันหมด ดังนั้น ตำแหน่งจึงต้องเป็นของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ตท.รุ่น 10,11 หรือ 12 ที่จะขึ้นมา และในช่วงนี้เป็นเวลาพอดีที่ ตท.10 เป็นุรุ่นหัวแถวที่ยังไม่เกษียณ ทำให้มองเห็น ตท.10 ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหลักหลายตำแหน่ง ไม่ว่ารุ่นไหนพอถึงเวลาที่เป็นหัวแถว เขาก็ต้องขึ้นอย่าไปมองที่รุ่น มันไม่ใช่ การปรับย้ายครั้งนี้ไม่มีความกดดันจากฝ่ายการเมือง ตนอยูู่ที่นี่ไม่มีใครมากดดัน สบายไม่มีอะไร
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ถูกย้ายให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมว่า ต้องแบ่ง ออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.พยายามกดดันให้ย้ายตนออกจากตำแหน่ง และ 2.กองทัพไม่ยอม แต่ก็ย้ายตนไปตำแหน่งที่ดีขึ้นในอัตราจอมพล ถือว่าเป็นมียศที่สูงสุด ในกองทัพ ตนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ถือเป็นตำแหน่งที่มีศักดิ์ศรี และชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูล ซึ่งต้องขอบคุณผู้บังคับบัญชา และนายสมัคร สุนทรเวช
“ผมได้รับทราบว่าท่านสมัครได้รับความกดดันจากทางการเมือง แต่ท่านก็ไม่ยอม และแต่งตั้งให้ผมอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น คิดว่าการโยกย้ายครั้งนี้จะไม่ทำให้กองทัพเกิดความแตกแยก เพราะไม่ค่อยมีตำแหน่งสำคัญ มีตำแหน่งที่เป็น ไฮไลท์ตำแหน่งเดียวคือ ตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และไม่คิดว่าจะเกิดความแตกแยก และมีการแก้ไขกัน เพราะทหารทุกคนเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราต้องรับใช้ประเทศชาติมากกว่าไปรับใช้การเมือง ไม่เช่นนั้นไม่ถือว่าเป็นทหารของชาติ”
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจที่มีผู้บังคับบัญชาบางหน่วยงาน ไปปรับย้ายลูกน้อง โดยอ้างเหตุผลที่ไม่ชอบธรรม เห็นว่าทำไมข้าราชการในพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.บุรีรัมย์ ถึงได้ถูกโยกย้าย ประชาชนรู้เรื่อง ประชาชนไม่โง่ นักการเมืองที่ฉ้อฉลมักจะอ้างเหตุผลข้างๆ คูๆ มาสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง มากที่สุด ตนไม่ค่อยห่วงหน่วยงานของกองทัพ และเขาคงทำอะไรตนไม่ได้ แต่อาจจะมาทำน้องตนได้ โดยอ้างเหตุผลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ น้องของตนและตนก็ทำงานเพื่อประเทศชาติ ยอมตายเพื่อประเทศชาติได้ ถ้าสิ่งนั้นเป็นผลประโยชน์ของประเทศ น้องตนก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองผ่านกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกห่วงความวุ่นวายของประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะการชุมนุม ของกลุ่มม็อบ พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า เราควรต้องศึกษาคนบางคนเมื่ออยู่ใน สถานที่หนึ่ง มักจะอ้างเหตุผลเข้าข้างตัวเอง แต่พอมาอยู่อีกสถานะหนึ่งก็กลับคำ เช่นตอนมีม็อบก็อ้างว่าเพื่อประชาธิปไตย แต่พอคนอื่นมาทำก็บอกว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งนักข่าวควรหยิบคำพูดของเขาในอดีตมาเปรียบเทียบกับคำพูดตอนนี้ว่า มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนัดชุมนุมวันที่ 28 มี.ค.หนี้ว่า บ้านเมืองเราขนาดไม่มีปัญหาภายใน เราก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะมีปัญหาตามแนวชายแดนที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องแรงงานต่างด้าว บ้านเมืองเราน่าเป็นห่วงพอสมควร เพราะมีคนมาสร้างปัญหาให้บ้านเราพอสมควร ยิ่งสร้างขึ้นมาและเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ยิ่งน่าห่วงอยู่มาก แต่หน่วยงานที่ดูแลคงเตรียมการแก้ปัญหา แต่ดีที่สุดคืออย่าสร้างปัญหาขึ้นมาเลย ไม่เห็นมีความจำเป็น เรื่องม็อบชนม็อบคิดว่าไม่ควรจะเกิดขึ้น และไม่น่ามี เพราะไม่น่าจะทำให้ประเทศชาติเจริญขึ้น คิดว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิด การเผชิญหน้า เพราะจะทำให้ภาพตกต่ำและถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ทำให้คนไม่มาท่องเที่ยว
พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. กล่าวว่า ไม่ควรออกมาเคลื่อนไหว ควรปล่อยให้ประเทศชาติสงบ จะได้มีความเจริญ ควรอะลุ้มอะหล่วยกันบ้าง และให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงานบ้างประเทศชาติจะได้ก้าวหน้า ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะซอยเท้าอยู่อย่างนี้ ส่วนจะต้องนำ พรบ.ความมั่นคง มาใช้หรือไม่นั้นต้องขอดู สถานการณ์อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าเชื่อหรือไม่ว่าเหตุการณ์จะไม่ย้อนกลับไปมีความวุ่นวายเหมือน ก่อนวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ตนเชื่อว่า ทุกฝ่ายรู้ดีว่าประเทศชาติต้องการอะไร ดังนั้นอย่าสร้างความวุ่นวายให้มากนัก ควรให้พี่น้องได้อยู่อย่างสบายใจและทำมาหากินอย่างสบายใจดีกว่า และขณะนี้การเมืองได้มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว แต่ยังคงมีคนที่คอยกระตุกขา แล้วเมื่อไรประเทศชาติจะไปรอดเสียที