xs
xsm
sm
md
lg

มะเร็ง : กรณียอดรัก สลักใจ...

เผยแพร่:   โดย: เฉลิมพล พลมุข

ยอดรัก สลักใจ หรือ นายนิพนธ์ ไพรวัลย์ นักร้องลูกทุ่งที่มีชื่อเสียงมานานกว่าสี่สิบปี ได้รับรางวัลด้านการร้องเพลงมากมาย รางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ในพระบรมราชูปถัมภ์ และศิลปินแห่งชาติ เริ่มจากอาชีพนักร้องเชียร์รำวงตั้งแต่วัย 12 ปี ตลอดระยะเวลาดังกล่าว นักร้องคนนี้ไม่เคยทำให้แฟนเพลงผิดหวังเลยทั้งในด้านผลงาน ความจริงใจ แม้กระทั่งเรื่องเสียหายทั้งส่วนตัวและครอบครัวก็มิเคยปรากฏในสังคม...

ผู้เขียนเข้าใจว่า คนที่มีอายุมากกว่าสี่สิบปีคงจะคุ้นเคยกับเพลงลูกทุ่งของยอดรัก สลักใจ เป็นอย่างดี หลาย ๆ เพลงให้ความหมายของชีวิตรอบด้าน ความรัก การอยู่ร่วมกัน การเข้าใจชีวิตที่แท้จริง และก็คงมีอีกหลายคนที่ติดตามผลงาน การร้องเพลงของนักร้องดังกล่าวอยู่เป็นระยะ ๆ ยุคปัจจุบันเป็นที่น่าดีใจที่เด็ก ๆ รุ่นใหม่หลายคนมาสนใจเพลงลูกทุ่ง สังเกตได้จากเวทีการประกวดนักร้องเพลงลูกทุ่งทั้งงานประจำปีในจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงการประกวดผ่านรายการโทรทัศน์

หลายคนคงจะวิตกกังวลรวมถึงการส่งกำลังใจไปให้นักร้องลูกทุ่ง ยอดรัก สลักใจเมื่อรู้ว่าเป็นโรคมะเร็งตับ ในวัย 52 ปี ข่าวที่สร้างความฮือฮาก็คือ หลังจากรู้ว่าเป็นโรคมะเร็งตับแล้ว ประกาศขายบ้านเพื่อนำเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาล และเป็นห่วงในความเป็นอยู่ของครอบครัวยอดรัก สลักใจ...

นายแพทย์มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องโรคมะเร็งว่า ขณะนี้เมืองไทยมีผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งตายเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ ในแต่ละปีมีคนตายด้วยโรคนี้กว่า 70,000 ราย และคาดว่าอีก 23 ปีข้างหน้า พ.ศ. 2574 จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 11 ล้านคน...

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี องค์การอนามัยโลก หรือ ฮู (WHO : World Health Organization) ได้กำหนดให้เป็นวันมะเร็งโลก (World Cancer Day) เพื่อให้มีการตื่นตัวและระมัดระวังป้องกันปัญหาเกี่ยวกับโรคมะเร็งทั้งระยะสั้นระยะยาว สำหรับปีที่ผ่านมามีคนตายด้วยโรคมะเร็งมากกว่า 8 ล้านคน โดยมีมะเร็ง 5 ชนิดที่พบมากที่สุด อันดับแรกคือ มะเร็งปอด เสียชีวิตปีละ 1.3 ล้านคน รองลงมาคือมะเร็งกระเพาะอาหาร 1 ล้านคน มะเร็งตับ 662,000 คน มะเร็งลำไส้ใหญ่ 655,000 คน และมะเร็งเต้านม 502,000 คน...

สำหรับเมืองไทย ปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งมากกว่า 66,000 ราย โดยผู้ชายเป็นมะเร็งปอดมากที่สุด 5,535 คน และมะเร็งตับ ส่วนผู้หญิงพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกถึง 1,484 คน รองลงมาคือมะเร็งปอดและมะเร็งเต้านม สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งมีจากหลายสาเหตุด้วยกัน อาทิ อาหารที่รับประทาน ขาดการออกกำลังกาย ความอ้วน สิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งได้รับมลภาวะจากการประกอบอาชีพ และระบบสิ่งแวดล้อมของบ้านเมืองเราทุกวันนี้...

ผู้เขียนเห็นว่า แม้แต่ตัวเราเองและคนที่เรารัก ไม่ว่า ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงหรือใคร ๆ ก็ตามคงไม่ปรารถนาที่จะให้โรคมะเร็งเกิดขึ้นกับตน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับความเป็นจริงของชีวิตว่า ความจริงของชีวิตก็มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ส่วนใครจะเจ็บป่วยด้วยโรคอะไรนั้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับและหาทางเยียวยาแก้ไขรักษากันต่อไปตามกำลังของผู้ป่วยและกำลังทรัพย์เท่าที่มี...

หมอเจค็อบ วาทักกันเชรี ผู้เชี่ยวชาญธรรมชาติบำบัด แห่งศูนย์นวชีวัน ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย ได้ให้ความเห็นว่า “โรคทุกชนิดนั้นร่างกายและจิตใจของคนเราสามารถรักษาตัวมันเองได้ ถ้าร่างกายอยู่ในสภาพปกติ โรคร้ายแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจำนวนมาก เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันเลือดสูง หัวใจตีบตัน ภูมิแพ้ ฯลฯ ซึ่งเกิดจากการดำเนินชีวิตที่ผิดธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่อยู่เมืองใหญ่ กินอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อน กินยาฉีดยาที่ทำจากสารเคมี สารเหล่านี้จะไปตกค้างในร่างกาย การใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรคต่าง ๆ ได้”

ทำไมคนไทยยุคนี้จึงป่วยเป็นมะเร็งกันมาก ชีวิตของผู้เขียนในขณะนี้ไม่ได้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง แต่ก็รู้สึกได้ว่า ผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งนั้นต้องการการรักษาที่ดีที่สุด รวมทั้งกำลังใจจากคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องและสัมพันธภาพของระบบชุมชนที่ต้องเอาใจใส่เป็นกรณีพิเศษ

สิ่งที่ผู้เขียนอยากเห็นก็คือการมีชุมชนบำบัดโรคมะเร็งเกิดขึ้นในเมืองไทย บทบาทของศาสนาควรเข้ามามีส่วนร่วม น่าจะเป็นวิถีทางออกอย่างหนึ่งให้ผู้ป่วยและญาติพี่น้องได้เข้าใจกระบวนการของมะเร็งและการใช้ชีวิตกับมะเร็งอย่างถูกต้องจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายอย่างสงบของผู้ป่วยโรคมะเร็ง ...

สำหรับยอดรัก สลักใจ หลังจากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับแล้ว แพทย์ได้แนะนำเรื่องการดูแลสุขภาพเช่น ห้ามกินเนื้อสัตว์ ให้รับประทานปลา ผักและผลไม้อย่าเครียดวิตกกังวล ทำใจให้สบาย ยอดรัก สลักใจ ปฏิเสธที่แพทย์จะให้การรักษาชนิดคีโมและฉายแสง เกรงกลัวว่าผมจะร่วงหัวล้านไม่หล่อ พร้อมกับบอกว่าถ้าหากจะตายด้วยโรคมะเร็งขอให้ตายชนิดที่ว่า หล่อตาย...

ผู้เขียนคิดว่าโรคมะเร็ง เป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงทั้งตัวผู้ป่วยเองตลอดถึงญาติพี่น้อง หลายคนต้องล้มละลายหมดทั้งทรัพย์สินเงินทอง มรดกที่ต้องจ่ายไปกับค่ารักษาพยาบาล สำหรับยอดรัก สลักใจ ถึงกับประกาศขายบ้านและที่ดินเพื่อนำเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาล หากจะรักษาหรือต้องฉีดยา ราคายาฉีดเข็มละไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนบาทเพราะต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ...

อะไรเป็นสาเหตุปัจจัยที่ทำให้คนไทยทุกวันนี้ ป่วยด้วยโรคมะเร็งมากขึ้นและในอนาคตโรคมะเร็งจะมีหนทางในการดูแลรักษาให้หายขาดได้หรือไม่...

1. สิ่งแวดล้อม : เมืองไทยทุกวันนี้เต็มไปด้วยมลภาวะต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเราทั้งที่อยู่อาศัยภายในบ้านและนอกบ้าน หากเป็นในเมืองหลวงตามถนนหนทางเต็มไปด้วยฝุ่นละออง ควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ทั้งกลางวันและกลางคืนเต็มไปด้วยแสง สี เสียง พื้นดินเสื่อมสภาพไม่สามารถปลูกพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ต้องใส่ปุ๋ย ฉีดยาฆ่าแมลง น้ำในแม่น้ำลำคลองไม่สามารถมาดื่มกินได้ อากาศในเมืองหลวงไม่ใช่อากาศบริสุทธิ์...

เป็นที่ทราบกันดีว่าเมืองไทยบ้านเรา มีโรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน ถูกละเลยการตรวจสภาพจากภาครัฐเป็นจำนวนมาก กฎหมายมีช่องโหว่สำหรับนักธุรกิจบางคน มีการทำลายสภาพแวดล้อม อาทิ การตัดไม้ทำลายป่า ปล่อยน้ำทิ้งลงแม่น้ำลำคลอง การเลี้ยงไก่ เป็ดห่านชนิดโรงงานปิด การระบาดของไข้หวัดนก พืชผักต่าง ๆ ฉีดยาฆ่าแมลง รวมทั้งระบบวิธีการถนอมอาหารด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่...

2. สิ่งบริโภคใช้สอย : ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับนอนไป ชีวิตคนไทยเกือบทุกคนใช้ชีวิตที่หลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ ได้ยากมากขึ้น อาทิ การรับประทานอาหารที่บรรจุด้วยกล่องโฟม พลาสติก อาหารที่เต็มไปด้วยสารเจือปน สารเคมีบางชนิดที่ถนอมอาหารไม่ให้บูดเน่า น้ำชา กาแฟ น้ำตาลทราย น้ำอัดลม...

เด็กเล็ก ๆ ไปโรงเรียนรับประทานอาหารกรุบกรอบ ขนมใส่สีฉูดฉาดเพื่อล่อตาล่อใจ เด็กยุคใหม่ฟันผุมากขึ้น น้ำหนักเกินตัว ฮอร์โมนเพศเปลี่ยนแปลงไป เด็กหญิงชายมีความเป็นหนุ่มสาวเกินวัย เด็กวัยรุ่นนิยมอาหารสำเร็จรูป อาหารขยะ เครื่องสำอางต่าง ๆ ที่โปะฉาบร่างกาย การบำรุงผิวพรรณ รวมทั้งการปรับแต่งร่างกายด้วยเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ เช่น ลดความอ้วน เสริมจมูก ทำคิ้ว ทำตา หน้าท้อง คนวัยทำงานมีความเครียดสะสม ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย รับประทานอาหารไม่ค่อยถูกหลักโภชนาการ...

3. อารมณ์และจิตใจ : ผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งส่วนหนึ่ง หากย้อนหลังกลับไปพบว่าเขาเหล่านั้นเป็นคนเจ้าอารมณ์ โมโห ฉุนเฉียว เอาแต่ใจตนเอง เก็บกดไม่รู้จักปล่อยวางในบางเรื่องของชีวิต อารมณ์และจิตใจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายหลั่งสารเคมีบางประเภทที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของตน

หากสังเกตตนเองเวลาโมโหหรือโกรธ อาการที่พบก็คือ หัวใจเต้นแรง มือเท้าสั่น ขาดสมาธิในการเรียน ในการทำงาน โรคต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ง่ายเช่น ความดัน โรคหัวใจ แม้กระทั่งภูมิแพ้บางชนิด มีผู้รู้หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ที่เข้าใจชีวิตตนเองและผู้อื่นตามความเป็นจริง มองโลกในแง่บวก มีหลักธรรมะภายในจิตใจ สนใจศาสนาทั้งวิธีการปฏิบัติและนำหลักธรรมไปปรับใช้ เขาเหล่านั้น ใบหน้าอ่อนเยาว์ ไม่ค่อยมีโรคภัยไข้เจ็บ จิตใจเต็มไปด้วยความเอื้ออาทร ปรารถนาดีทั้งต่อตนเองและผู้อื่น...

บ้านเมืองเราขณะนี้ต่างจากอดีตเกือบสิ้นเชิง ทุกคนต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตเพื่อตนเองและครอบครัว ปัญหาการอยู่รอดของประเทศชาติ ปัญหาต่าง ๆ รุมเร้าเข้ามาทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า “การกระทบกระเทือนจิตใจ จึงกระทบกระเทือนต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย และถ้าเชื้อนั้นเป็นไวรัสที่ทำให้เป็นมะเร็ง ก็จะทำให้เป็นมะเร็งได้ง่าย ดังนั้น คนที่จิตใจถูกกระทบกระเทือนจะเป็นมะเร็งมากกว่าคนปกติ”

สมัยก่อนปู่ย่าตายาย การใช้ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบแข่งขันกับเวลา มีเวลาพูดคุยถึงสาระต่าง ๆ ของชีวิต ผัก ปลาหาได้ง่ายใกล้ ๆ บ้านไม่มีสารเคมีเจือปน น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์ เด็ก คนทำงาน ผู้สูงอายุมีเวลาเข้าทำปฏิบัติกิจของศาสนาอย่างต่อเนื่องมีข้อสังเกตว่า คนแก่ตามชนบท ตามบ้านนอกหลาย ๆ คนอายุยืน ร่างกายแข็งแรง สติปัญญาดีเนื่องจากว่า รับประทานอาหารประเภทผัก ๆ ปลา ๆ อยู่ในที่เงียบสงบ อากาศบริสุทธิ์ มีสภาพแวดล้อมที่ดี โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ แทบจะไม่มี...

4. การดูแลรักษาโรคมะเร็ง : ในยุคปัจจุบัน นอกจากการแพทย์สมัยใหม่ในการดูแลรักษาเช่น ฉีดยา กินยา ฉายแสง ให้สารเคมีบำบัดแล้ว ระบบดังกล่าวคงจะไม่เพียงวิธีการเดียวในการรักษาโรคมะเร็งให้หายขาดและดีขึ้นได้...

ยอดรัก สลักใจ บอกว่า ขณะนี้รับประทานอาหารที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ผักและปลา ดื่มนมรวมทั้งผลไม้ที่มีผลดีต่อสุขภาพ รับประทานยาสมุนไพรพื้นบ้านบางชนิด รู้สึกว่าดีขึ้น ผู้เขียนเห็นว่าเมืองไทยเราทุกวันนี้มีวิธีการดูแลผู้ป่วยอย่างหลากหลาย อาทิ การนวดแผนโบราณ การฝังเข็ม ฝึกโยคะ อบสมุนไพร สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ตัวของผู้ป่วยเองที่จะต้องทำใจให้รับสภาพถึงโรคที่เกิดกับตนให้ได้ รวมทั้งญาติพี่น้องเพื่อนฝูงต้องให้กำลังใจอย่างดีที่สุด...

มีผู้ป่วยมะเร็งหลาย ๆ คน เมื่อแพทย์ตัดสินหรือวินิจฉัยว่าอาจจะอยู่ได้ไม่นาน ผู้ป่วยหลายรายปรับวิถีชีวิตของตนเองกลับอยู่ได้มากกว่า 10 ปีก็มีหลายคน อะไรคือวิธีการรักษามะเร็งในยุคนี้ที่ได้ผลถูกต้อง...

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) ได้ให้ข้อคิดไว้ว่า “การรักษาใจนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แพทย์ก็รักษาไป เราก็ปล่อยให้แพทย์ทำหน้าที่รักษากาย แต่ใจนั้นเป็นของเราเอง เราจะต้องรักษาใจของตนเอง เพราะฉะนั้นก็แบ่งหน้าที่กัน ตอนนี้ก็เท่ากับปลงใจบอกว่า เอาละร่างกายของเรามันป่วยไปแล้วก็เป็นเรื่องของหมอ เป็นเรื่องของแพทย์รักษาไป เราได้แต่ร่วมมือไม่ต้องเร่าร้อนกังวล เราจะรักษาแต่ใจของเรา ถึงแม้ร่างกายของเราจะป่วย แต่ใจของเราจะไม่ป่วยไปด้วย”

ผู้เขียนขอส่งกำลังใจช่วยในการป่วยด้วยโรคมะเร็งของยอดรัก สลักใจรวมทั้งผู้ป่วยคนอื่น ๆ ด้วย การเจ็บป่วยเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต ไม่มีใครรอดพ้นจากการเจ็บป่วยไปได้ ตลอดถึงการตายก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน เวลานี้และอดีตที่ผ่านมา และอนาคตต่อไปข้างหน้าเราได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นไว้บ้างหรือไม่...
กำลังโหลดความคิดเห็น