xs
xsm
sm
md
lg

สังคมไทยกลียุคแล้วหรือ?!?

เผยแพร่:   โดย: แสงแดด

เราต้องยอมรับว่า “สังคมไทย” ปัจจุบันนี้ กำลังเดินหน้าเข้าสู่สถานการณ์ที่เราต้องเรียกว่า “วิกฤต” ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ แต่กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกขานว่า “กลียุค” ก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ “แสงแดด” ขอเติมว่า “กลียุคคืนชีพ!” ก็ไม่น่าจะผิดนัก

“ความสับสนโกลาหล!” ที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้แทบทุกด้าน จนไม่รู้ว่าจะสาธยาย “ละเลียดละเลง” เรื่องใดดี เพราะแต่ละเรื่องก็น่าสนใจที่อยากวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสิ้น

การเมืองก็ต้องเรียกว่า “ร้อน-ฮอต!” ทุกกรณี ทั้งในส่วนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่เสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่วินิจฉัยเบื้องต้น ไม่ว่าในกรณีของรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร และหวยบนดิน จนมีการเรียกร้อง “สปิริต-มาตรฐาน” ทางการเมือง ด้วยการ “ยุติบทบาท” ของนักการเมืองที่ดำรงตำแหน่งอยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะคณะรัฐมนตรี ที่บางคน “ติดร่างแห-ติดบ่วง” ของการวินิจฉัย และ/หรือ ชี้มูลว่า “มีความผิด”

แต่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้ประกาศจุดยืนชัดเจนด้วยการ “ยุติบทบาท” กับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. เรียบร้อยไปแล้ว พร้อมไม่รับเงินด้วย

นั่นเฉพาะในกรณีของ คตส.ที่มีการชี้มูลความผิดไปแล้ว และกำลังเดินหน้าสู่การดำเนินคดีด้วยการเริ่มต้นที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และก็จะนำพาไปสู่กระบวนการยุติธรรม

ในกรณีของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในส่วนของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยเบื้องต้นแล้วเกี่ยวกับ “คดียุบพรรค” ทั้ง “พรรคชาติไทย-พรรคมัชฌิมาธิปไตย” ซึ่งเกิด “ความลับรั่ว” ว่า “ไม่โดนยุบ” ทั้งนี้ เท็จจริงอย่างไร ก็ไม่มีใครรู้ นอกจากคณะกรรมการ กกต.กันเอง แต่ปรากฏว่าต่างวิพากษ์วิจารณ์กันบานทะโล่ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ “แสงแดด” ดูท่าทางและหน้าตาของคุณบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย และคุณอนงค์วรรณ เทพสุทิน แล้ว รู้สึกว่า “สดชื่น!” และ “ไร้กังวล!”

ในขณะเดียวกัน ศาลฎีกากำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา “ใบแดง” ที่ถูก กกต.วินิจฉัยว่า “กระทำการผิดกฎหมายเลือกตั้ง” ซึ่งจะออกหัวก้อยอีกไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์นี้

ปัญหาที่อาจเลยเถิดไปมากกว่านี้ คือ “การยุบพรรคพลังประชาชน” ที่ต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติม เนื่องด้วยคุณยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ซึ่งอาจเข้าข่าย “ยุบพรรค” ได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นในกรณีของการเมืองทั้งหมดนั้น ก็ต้องบอกได้เลยว่า “ปวดหัว!” เพราะถ้ามองไปข้างหน้า ก็ต้องตะโกนดังๆ ว่า “อึมครึม!” และเครียด เนื่องด้วยไม่มีใครคาดการณ์ได้ทั้งสิ้นว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ด้านเศรษฐกิจนั้น เช่นเดียวกันที่ “ป่วน” ที่สุด ไม่ว่าจะเป็น “ราคาสินค้า” และ “ราคาน้ำมัน” ที่ทุกองคาพยพของ “วงจรเศรษฐกิจ-ธุรกิจ” ต่างเพียรพยายาม “ตรึง-กดราคา” เอาไว้ให้ได้มากที่สุดและนานที่สุด!

ราคาน้ำมันดิบในขณะที่ปั่นต้นฉบับอยู่นี้ แตะอยู่ที่ระดับ 110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทะยานไปอยู่ที่ 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลภายในไม่ช้า

ประเด็นสำคัญของราคาน้ำมันที่แพงหูฉี่ขณะนี้ จะทำให้เกิด “ราคาต้นทุน” ที่แพงเป็นเงาตามตัว เนื่องด้วยราคาค่าขนส่งและการผลิตต่างๆ ที่ต้องเพิ่มขึ้นโดยปริยาย ทั้งๆ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พลโท หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ จะหมุนรอบด้าน ทั้งตรึงราคา ทั้งถัวเฉลี่ยเก็บเข้ากองทุน แต่ในที่สุด โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลก็ต้องทะลุไปถึง 31-32 บาทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะน้ำมันทุกหยดเราต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น อย่างต่ำก็ปีละ 800,000 ล้านบาทต่อปี แต่ขอฟันธงได้เลยว่า อีกไม่นานเกินรอ เราคงได้เห็น 1 ล้านล้านบาทอย่างแน่นอน ในการจ่ายค่าน้ำมันให้กับกลุ่มผู้ผลิต

ด้านกระทรวงพาณิชย์ก็หัวปั่นเช่นเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ นั้น อาจต้อง “ล้มทั้งยืน!” อีกครั้งกับทั้งตรึงและลดราคาสินค้า แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้นานขนาดไหน อย่างเก่งก็ไม่น่าจะเกิน 3-4 เดือนเท่านั้น ในที่สุดผู้ประกอบการและผู้ผลิตต้องขอขึ้นราคาอย่างแน่นอน

กลุ่มที่ “ตายแบนแต๊ดแต๋!” แน่นอนคือ “ประชาชน-ผู้บริโภค” ที่ต้องแบกภาระไปโดยหาตัวช่วยไม่ได้ ทั้งๆ ที่ ทุกวันนี้ก็ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว พูดง่ายๆ คือ “ประชาชนแบกน้ำหนัก-แบกภาระ” หมดทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็น “ปัญหาการเมือง-ปัญหาเศรษฐกิจ” ท้ายสุดก็เราประชาชนนั่นแหละต้องรับเคราะห์ไปโดยไม่มีทางรอดพ้น!

ถามว่าทุกวันนี้คนไทยเครียดกันหรือไม่ ต้องตอบเลยว่า “เครียด” ถามต่อว่า คนไทยทุกวันนี้ “แบ่งขั้ว-แบ่งค่าย” กันหรือไม่ ก็ต้องตอบว่า “แน่นอน” และคำถามสุดท้ายว่า “ใคร” เป็นผู้ที่ก่อให้เกิดปัญหาทั้งหมดเหล่านี้ ก็ต้องขอตอบตรงๆ และไม่เกรงใจว่า “นักการเมือง” เกือบทั้งหมด ที่ “ละโมบโลภมาก” กับ “อำนาจ-ผลประโยชน์”

และที่สำคัญคนไทยปัจจุบันนี้เป็นอย่างนี้เพราะ “ตื่นตัว” และไม่สำคัญเท่ากับว่า “รู้ทัน!” มากยิ่งขึ้นกับ “ข่าวคราว” ที่เกิดขึ้นทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ข้อมูลข่าวสาร “ล้น!” พูดง่ายๆ คือ “ยิ่งรู้มาก ก็ยิ่งเข้าใจได้มากขึ้น!” เพราะฉะนั้น ปรากฏการณ์เช่นนี้เป็น “ปรากฏการณ์ธรรมชาติ” ที่เราต้องเพ่งพินิจพิจารณาอย่างถ่องแท้ และมองโลกในแง่ดี เพียงแต่ว่าเมื่อประชาชน “รอบรู้-รู้ทัน” แล้ว จะต้อง “เคารพสิทธิ์” ซึ่งกันและกัน มิใช่ประณามกันไปมาจนเกิดการปะทะกัน!

การแสดงออกซึ่งความคิดเห็น ด้วยการอภิปราย สัมมนา ประชุม ชุมนุม จนเลยไปถึงการเดินขบวนประท้วงนั้น เป็น “ระบบประชาธิปไตย” ที่ตราบใดไม่ได้สร้างความเดือดร้อน และ/หรือ รังแก เบียดเบียนผู้อื่น

“การตีแผ่-เผยแพร่” ให้สังคมได้รับรู้ถึง “พฤติการณ์-พฤติกรรม” ที่ “ไม่ถูกทำนองคลองธรรม-ไม่ชอบมาพากล” นั้นเป็นหน้าที่ของ “พลเมืองดี” ที่ทุกฝ่ายต้องมี “ความเป็นผู้ดี!” ในการแสดงความคิดเห็น และร่วมรับฟังอย่างปราศจากอคติ และอธิบายชี้แจงอย่างคนที่มีอารยธรรมสูง

เพียงแต่ปัญหาของสังคมไทยที่ยังมีผู้คนส่วนมาก “เห็นแก่ตัว” ตลอดจน “มักง่าย!” และ “ไม่ชอบให้ใครตีแผ่” เพราะไปทำอะไรที่ไม่ดีไม่งามไว้ พอมีการขุดคุ้ยก็แสดงออกด้วย “อารยธรรมต่ำ!”

ความจริงที่เราต้องยอมรับว่า สังคมไทยทุกวันนี้ “วิปริต-วิปลาส” อย่างมาก และก็วนเวียนอยู่กับปัญหาเดิมๆ ไม่มีอะไรดีคืบหน้าเลย อย่างกรณี “การปาหิน” หรือ “ปาวัตถุ” เข้าใส่รถยนต์ รถบรรทุก รถปิกอัพ รถโดยสาร จนล่าสุด “เด็กอายุ 12 ปี” ต้องเสียชีวิตที่จังหวัดเพชรบุรี ที่เกิดจาก “คนบ้า-คนไร้สติ” ปาก้อนหินใส่หน้ารถจน “เด็กหญิงมอส” เสียชีวิตทันที จากกะโหลกศีรษะแตก

อีกหนึ่งกรณี กลุ่มเยาวชนแอบขโมย “หัวหมุด-หัวนอต” จากเสาไฟฟ้าแรงสูง จนเสาไฟฟ้าโค่นล้มกลางทุ่งนา เสียหายนับสิบล้านบาท เพียงเพื่อต้องการเอาเงินไปเที่ยว ด้วยการเอาหัวนอตไปขายได้เพียง 1,450 บาท

คำถามสำคัญที่ต้องถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับคนไทย” ที่นับวันปริมาณเพิ่มขึ้นจากกลุ่มคนที่ไม่รู้จัก “ผิด ชอบ ชั่ว ดี” เรียกว่าแยกแยะไม่ออกว่า “อะไรผิด-อะไรถูก” หรือ “ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ” คิดแต่สนุกรื่นเริง โดย “ความเสียหาย-ความเดือดร้อน” จนถึงขั้น “ความฉิบหาย” เกิดขึ้นแก่ผู้คนโดยทั่วไป และที่เลวร้ายมากที่สุดคือ กลุ่มบุคคลที่กระทำนั้น “ไม่รู้สึกรู้สาเดือดเนื้อร้อนใจ!” ใดๆ ทั้งสิ้น

ว่าไปแล้ว ผู้คนโดยทั่วไปทุกระดับชั้น ไม่ว่ายากดีมีจน ชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง ชนชั้นล่าง ที่นับวันจะดำเนินชีวิตอย่างไร้ทิศทางไร้สำนึก โดยคำนึงถึง “ประโยชน์ส่วนตัว” และ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ความเดือดร้อนของคนอื่นไม่ใช่ของข้า เมื่อใดที่ข้าและพรรคพวกได้ประโยชน์ คว้าไว้ก่อน!

มิน่า ชาติบ้านเมืองถึงได้ “วิกฤต” และอาจเข้าขั้น “กลียุค” ในไม่ช้านี้ก็ได้ โธ๋ถัง! ” สงสารประเทศไทย!”
กำลังโหลดความคิดเห็น