ผู้จัดการรายวัน-พาณิชย์ดิ้นแก้หมูแพงชง “มิ่งขวัญ” ลดภาษีกากถั่วเหลืองเหลือ 0% เป็นเวลา 1 ปี หวังลดต้นทุนการผลิต ผู้เลี้ยงหมู ไก่ กุ้ง ขานรับ เหตุลดต้นทุนลงจริง ด้านปชป.จวกมาตรการลดราคา 60 สินค้า แค่สร้างภาพ จี้ให้แก้ปัญหาระยะยาวขณะที่ส.อุตฯก่อสร้างไทย ร้องรัฐแก้ปัญหาราคาเหล็กพุ่งกระฉูด เสนอเปิดช่องนำเข้าเสรี ส่วนกพช.อุ้มดีเซล 90 สตางค์ต่อลิตรแต่เชลล์นำร่องขึ้นดีเซล-เบนซิน 50สต.ลูกจ้างร้องป้าอุขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 9 บาท
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลวัตถุดิบอาหารสัตว์ร่วมกับกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร ไก่ไข่ ไก่เนื้อ และกุ้ง วานนี้ (12 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้มีการปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองจาก 4% เหลือ 0% เป็นระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุด 31 ธ.ค.2551 เพื่อแก้ปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาแพง และช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกร โดยจะมีการเสนอให้คณะกรรมการนโยบายอาหาร ที่มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน พิจารณาในวันนี้ (13 มี.ค.)
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ผลจากการปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง จะทำให้ผู้เลี้ยงสัตว์ ทั้งผู้เลี้ยงรายใหญ่และเกษตรกร มีต้นทุนถูกลง จากการซื้ออาหารสัตว์ในราคาที่ถูกลง ผู้ผลิตอาหารสัตว์ จะมีต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ถูกลง โรงงานสกัดน้ำมันถั่วเหลือง จะขายกากจากเมล็ดนำเข้าได้ตามปกติ และขายกากจากเมล็ดในประเทศได้ไม่ต่ำกว่าราคาที่กำหนด ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลือง จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังขายเมล็ดที่ผลิตได้ไม่ต่ำกว่าราคาที่กำหนด ส่วนผู้บริโภคจะได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากซื้อเนื้อสัตว์ได้ในราคาที่ถูกลง แต่ทั้งนี้ ภาครัฐ จะเสียรายได้จากการเก็บภาษีปีละกว่า 800 ล้านบาท
ส่วนต้นทุนอาหารสัตว์ จะลดลงเฉลี่ย 2-5 บาท/ถุง จากการนำกากถั่วเหลืองนำเข้าภาษี 0% มาใช้ โดยอาหารหมูขุน (30 กก./ถุง) ราคาจะลดลงจาก 392.61 บาท/ถุง เป็น 390.39 บาท/ถุง อาหารไก่เนื้อ (30 กก./ถุง) จาก 429.83 บาท/ถุง เหลือ 425.84 บาท/ถุง และอาหารกุ้ง (25 กก./ถุง) จาก 704.43 บาท/ถุง เหลือ 699.43 บาท/ถุง
นางพรศรี เหล่ารุจิสวัสดิ์ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย กล่าวว่า สมาคมฯ เห็นด้วยกับการปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง เพราะจะช่วยทำให้ต้นทุนการเลี้ยงไก่ของเกษตรกรถูกลง เพราะผลจากการลดภาษีจะทำให้ราคาอาหารสัตว์ที่จะนำมาเลี้ยงไก่ถูกลง โดยจะทำให้ต้นทุนการเลี้ยงไก่ลดลง 40 สตางค์/ตัว
นายกิตติวงค์ สมบุญธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ในส่วนของหมู ต้นทุนจะถูกลง 38 บาท/ตัว โดยแต่ละปีจะมีการผลิตหมูทั้งสิ้น 14 ล้านตัว การลดภาษีจะช่วยลดต้นทุนในอุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูประมาณ 532 ล้านบาท ซึ่งการลดภาษีไม่เพียงแต่ทำให้ต้นทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูถูกลง แต่ยังช่วยให้ราคาเนื้อหมูถูกลงด้วย
“อยากจะขอให้กระทรวงพาณิชย์มีการตรวจสอบและติดตามดูแลราคาอาหารสัตว์อย่างใกล้ชิดว่าเมื่อมีการปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองแล้ว ราคาอาหารสัตว์จะปรับลดลงตามต้นทุนหรือไม่ เพราะหากไม่มีการปรับลดลง ก็เท่ากับว่าการลดภาษีเป็นการช่วยเหลือผู้ผลิตอาหารสัตว์ ไม่ใช่ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ตามที่ตั้งใจไว้”
นายสมปอง ชาววังไทร นายกสมาคมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย กล่าวว่า การปรับลดภาษีกากถั่วเหลือง จะช่วยให้ต้นทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งลดลง 30 สตางค์/กก.
ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ได้เสนอปัญหาที่เกษตรกรกำลังประสบอยู่ให้อธิบดีกรมการค้าภายในรับทราบ โดยระบุว่า ผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่บางราย ได้ใช้วิธีมาตกลงกับเกษตรกร โดยขอให้ซื้ออาหารสัตว์ในราคาที่แพงขึ้น และจะรับซื้อกุ้งที่เลี้ยง แต่หากเกษตรกรไม่ซื้ออาหารสัตว์ ก็จะไม่ซื้อกุ้ง ซึ่งถือเป็นการใช้อำนาจจากการเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่บีบเกษตรกร ทำให้ไม่มีทางเลือกในการซื้ออาหารสัตว์จากผู้ผลิตรายอื่น ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ซี.พี. เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่
จี้พาณิชย์ไม่เข้าใจกลไกตลาด
แหล่งข่าวจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกร กล่าวถึงการแก้ปัญหาของหาของกรมการค้าภายในว่า มาแทรกแซงตลาดที่ปลายทางทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำกว่าความเป็นจริงทั้ง ๆ ที่ ปกติกลุ่มเกษตรกรก็เป็นกลุ่มที่ถูกกดราคามาจากกลุ่มพ่อค้าคนกลางมาโดยตลอด ที่ถูกแล้วรัฐบาลควรจะประกันราคาขั้นต่ำและส่งเสริมให้ราคาของสินค้าเกษตรอยู่ในระดับความเป็นจริงของตลาด เพื่อเกษตรกรจะได้รับเม็ดเงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
สำหรับราคาเนื้อหมูนั้น ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงต้องออกมาแทรกแซงกลไกตลาด เพราะผู้บริโภคมีทางเลือก สามารถเปลี่ยนไปบริโภคเนื้อไก่หรือปลาแทนได้ ส่วนที่หมูมีราคาแพงก็เพราะเกิดโรคระบาด ทำให้เนื้อหมูในตลาดลดลง ประกอบกับมีเทศกาลปีใหม่และตรุษจีนทำให้อุปสงค์สูงกว่าปกติ ประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์เช่น ถั่วเหลืองที่ใช้ในการเลี้ยงหมูปรับขึ้นกว่าเท่าตัว แถมราคาน้ำมันเป็นเพียงปัจจัยรอง ในขณะนี้อุปสงค์ได้ลดลง ปริมาณเนื้อหมูในตลาดมีเพิ่มขึ้น ราคาเนื้อหมูก็เริ่มปรับตัวลงแล้ว
“กรมการค้าภายในควรสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริโภคแทนการเข้าแทรกแซง เพราะรายได้ของเกษตรกรนั้น ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของตลาด เมื่อสินค้ามีราคาดีเพราะอุปสงค์มีมาก กรมการค้าภายในก็ควรให้เกษตรกรได้รับประโยชน์บ้าง”
“รมช.พาณิชย์เงา” จวกแค่สร้างภาพ
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมช.พาณิชย์ เงา กล่าวว่าจากการลงพื้นที่ตรวจสอบความเป็นจริงในห้างใหญ่ ร้านโชว์ห่วย หลังจากรมว.พาณิชย์ได้ขอความร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้าเพื่อปรับลดราคาสินค้าจำนวน 60 รายการพบว่า 60รายการถือว่าน้อยมากเพราะในตลาดมีเป็นพันๆรายการ ทำให้ผู้ประกอบการเลือกเฉพาะรายการที่ไม่มีความนิยม นำสินค้าที่ขายไม่ดี หรือมีโปรโมชั่นลดราคาอยู่แล้ว เข้ามาประกาศลดในบัญชี เช่น ยาสระผม แพนทีน มีรายการลดราคาจาก 29 บาท เหลือ 20 บาท ยาสระผมรีจอยส์ มีการลดเหลือ 20 บาท ถือเป็นการหลอกลวงประชาชน และพบว่า รายการสินค้าที่ประกาศลดสินค้าบางชนิด ไม่มีความชัดเจน ในเรื่องความจุ ชนิด และได้มีราคาแพงกว่าราคาเดิม เช่น นมดูเม็กซ์ ไฮคิว ราคา 670 บาท เมื่อเข้ารายการ กลับมีราคา 680 บาทมีราคาแพงขึ้น
"ในวันนี้ (13มี.ค.)จะเดินทางไปยื่นข้อเสนอกับ รมว.พาณิชย์ เพราะเห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการรองรับ การปรับลดราคาสินค้าให้เท่าเทียมมิฉะนั้น จะเป็นเพียงการสร้างภาพซึ่งรัฐบาลต้องมีความจริงใจ ไม่ซ่อนเร้น ไม่ใช่จะตามใจผู้ประกอบการสินค้าที่ต้องการนำสินค้าโปรโมชั่นมาลด ราคาทางพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอญัตติด่วนเรื่องราคาสินค้าแพงแล้ว และพร้อมอภิปรายนำเสนอต่อรัฐบาล"
ส.อุตฯ ก่อสร้างเรียกร้องรัฐยกเลิกค่าเค
นายพลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า วานนี้ (12 มี.ค.) กรรมการบริหารสมาคมฯได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้นายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ภาครัฐช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ประสบปัญหาในขณะนี้ เนื่องจากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา การปรับราคาของวัสดุก่อสร้างและค่าขนส่ง อาทิ น้ำมัน เหล็กเส้น สายไฟฟ้า และอื่นๆ เกือบทุกประเภท ได้สร้างผลกระทบโดยตรงอย่างรุนแรงแก่ผู้ประกอบการก่อสร้างเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีสัญญาก่อนหน้า ที่จะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าชดเชยค่าก่อสร้างจากสูตรการปรับราคาของทางการ (ค่าเค) ไม่สะท้อนความเป็นจริง ทำให้ผู้ประกอบการก่อสร้าง ประสบภาวะขาดทุนเป็นอย่างมาก โครงการก่อสร้างจำนวนมากชะลอตัวลง และก่อสร้างแล้วเสร็จช้ากว่ากำหนดสัญญา และผู้ประกอบการก่อสร้างจำนวนมากไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ จึงมีการร้องเรียนมาที่สมาคมฯ เพื่อให้พิจารณาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาได้แก่
1.การยืนยันให้มีแก้ไขวิธีการคำนวณสัญญาแบบปรับราคาชดเชยค่าก่อสร้าง (ค่าเค) งานราชการทุกสัญญา โดยงดการหัก 4% เมื่อต้องเพิ่มค่างานหรือบวกเพิ่ม 4% เมื่อต้องเรียกค่างานคืน จนกว่าทางราชการจะปรับปรุงสูตรการปรับราคาชดเชยค่าก่อสร้างแล้วเสร็จ สมาคมฯได้เสนอให้รัฐ ยกเลิกการคิดสูตรค่าเคไประยะหนึ่งก่อน แต่ให้จ่ายตามความจริง จนกว่าทางกรมบัญชีกลางจะมีสูตรค่าเคใหม่ ซึ่งทางกรมฯระบุว่า การคำนวณสูตรน่าจะใช้เวลา 9 เดือนนับตั้งแต่เดือนม.ค.
2.ให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาเหล็กเส้นให้อยู่ในระดับราคาควบคุมที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และปรับราคากลางของเหล็กให้เป็นไปตามราคาควบคุม เพราะปัจจุบันราคาเหล็กที่ซื้อขายในท้องตลาดสูงกว่าราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศตันละ 2,000-3,000 บาท ให้มีการเปิดเสรีนำเข้าเหล็กเส้นจากต่างประเทศได้ และมีการตรวจมาตรฐานมอก.เหล็กนั้นๆ ให้สามารถขายได้ในประเทศ เพื่อลดปัญหาขาดแคลนเหล็กเส้น
3.พิจารณาขยายระยะเวลาของสัญญาโครงการก่อสร้างที่ได้เสนอราคา และ/หรือลงนามในสัญญาก่อสร้างแล้ว หรือยังดำเนินการก่อสร้างอยู่ออกไปอีก 6 เดือน เพื่อเป็นการลดและยืดปริมาณความต้องการเหล็กเส้นให้น้อยลงและยาวขึ้น เพื่อเป็นการตรึงราคาของวัสดุก่อสร้างให้นานขึ้น ซึ่งรัฐบาลในชุดที่ผ่านมา ได้ยืดอายุสัญญาให้แก่บริษัทรับเหมาก่อสร้างในส่วนของงานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เป็นต้น
4.พิจารณาระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 (e-Auction) เป็นกรณีเร่งด่วนในประเด็น ขอให้ละเว้นการยึดหลักประกันซองประกวดราคา กรณีผู้เสนอราคาไม่สามารถมาทันกำหนดเวลาการเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ อันเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ขอให้ผู้มีสิทธิเสนอราคาได้เกินกว่าราคากลางที่กำหนด
5.พิจารณาเร่งรัดพระราชบัญญัติการประกอบอาชีพก่อสร้าง พ.ศ....ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำเสนอคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร์พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร์พิจารณาต่อไป และ 5. สมาคมอุตฯก่อสร้างไทย ในฐานะตัวแทนภาคเอกชน ควรได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณากฎ ระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ร่วมกับภาครัฐ เพื่อความเป็นธรรมและโปร่งใส
"กพช."ไฟเขียวอุ้มดีเซล 90 สต.
นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เปิดเผยหลังการประชุมกพช.วานนี้(12มี.ค.) ว่า ที่ประชุม กพช.มีมติเห็นชอบตามแนวทางที่กระทรวงพลังงานเสนอเพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลด้วยการเว้นการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานส่วนของดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรที่จะกันไว้สร้างรถไฟฟ้า เว้นการเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บปัจจุบันอยู่ 10 สตางค์ต่อลิตรและการนำเงินส่วนที่เก็บจากน้ำมันอื่นๆ มาบริหารจัดการอีก 30 สตางค์ต่อลิตรรวมเป็นการช่วยเหลือ 90 สตางค์ต่อลิตรซึ่งมาตรการดังกล่าวจะดำเนินการทั้งสิ้น 6 เดือนหรือภายในก.ค.นี้
สำหรับมาตรการที่เกี่ยวข้องกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะช่วยดูแลราคาดีเซล 40 สตางค์ต่อลิตรนั้นสามารถใช้อำนาจของรมว.พลังงานได้ทันทีในการประกาศโดยจะมีผลในวันนี้(13มี.ค.) ส่วนมาตรการที่เกี่ยวกับกองทุนอนุรักษ์พลังงานจะต้องลงนามในราชกิจจานุเบกษาจะมีผลในวันที่ 14 มี.ค. อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะไม่ใช้นโยบายที่จะนำรายได้กองทุนฯให้เกิดเป็นภาระหนี้โดยเด็ดขาดโดยจะใช้เงินเท่าที่บริหารได้ในกองทุนฯทั้ง 2 แห่ง
นอกจากนี้ที่ประชุมยังอนุมัติให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสนับสนุนวงเงินกู้ให้กับปตท.น 2,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.5 ระยะเวลา 5 ปี เพื่อนำไปส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกฝ่ายหันมาใช้เอ็นจีวีมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายปั๊มเขตเมืองชั้นใน เนื่องจากข้อกำหนดเดิม กทม.ให้สร้างปั๊มริมถนนที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 16 เมตร ขณะที่ที่ประชุมอนุมัติให้สามารถสร้างปั๊มเอ็นจีวีริมถนนที่มีความกว้าง 10-12 เมตร และเตรียมหารือกับกระทรวงการคลังขยายเวลาการลดภาษีสำหรับการนำเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์ติดตั้งเอ็นจี
เชลล์ขึ้นดีเซล-เบนซิน 50 สต.
นายไซมอน เฮิรส์ ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า แม้กพช.จะลดเงินจัดเงินเข้ากองทุนน้ำมันและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของดีเซล 90 ส.ต./ลิตร แต่ไม่ช่วยทำให้ค่าการตลาดของดีเซลดีขึ้น เชลล์จึงต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกผลิตภัณฑ์อีก 50 ส.ต./ลิตร มีผลวันที่ 13 มี.ค.51 ตั้งแต่ 05.00 น. ส่งผลให้ราคาน้ำมันในเขตกรุงเทพและปริมณฑลของปั๊มเชลล์เป็นดังนี้ คือ เบนซิน 95 ที่ 34.09 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ที่30.09 บาท/ลิตร เบนซิน 91 ที่ 32.99 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ที่ 29.29 บาท/ลิตร ดีเซล 30.94 บาท/ลิตร ไบโอดีเซลบี5 ที่ 29.94 บาท/ลิตร
“ถ้าจะให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ควรต้องปรับขึ้นอีก 2.35 บาท/ลิตร คำนวณจากที่ขายขาดทุน 85 ส.ต./ลิตร บวกกับค่าการตลาดที่ควรได้ 1.50-1.80 บาท/ลิตร ปัจจุบันขาดทุนจากดีเซล 6 ล้านบาท/วัน”
อย่างไรก็ตาม บางจากได้ปรับราคาขึ้นตามเชลล์ ในขณะที่ปตท.ปรับขึ้นเฉพาะเบนซินพร้อมทั้งตรึงราคาดีเซล
น้ำมันโลกทำนิวไฮเฉียด$ 110
ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เฉียดระดับ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าต่ำสุดทำสถิติอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนหาแหล่งหลบภัยในช่วงที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะตัดลดอัตราดอกเบี้ย
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดไนเม็กซ์ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร(11) ช่วงหนึ่งมีราคาพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 109.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลดลงมาปิดตลาดที่ 108.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 85 เซ็นต์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์(10)
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดลอนดอน เมื่อวันอังคาร ช่วงหนึ่งมีราคาพุ่งทำนิวไฮที่ 105.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลดลงมาปิดตลาดที่ 105.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ต่อมา ในการซื้อขายที่ตลาดในสิงคโปร์เมื่อวานนี้(12) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาลดลง 28 เซ็นต์ จากราคาปิดที่นิวยอร์กเมื่อวันอังคาร มาซื้อขายกันที่ 108.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์มีราคาลดลง 26 เซ็นต์ จากราคาปิดที่ลอนดอนเมื่อวันอังคาร มาซื้อขายกันที่ 104.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาสัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดพุ่งทำสถิติใหม่ 5 วันทำการติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนทุ่มเงินเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อแสวงหาหลักประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเรื่อยๆ
เงินดอลลาร์อ่อนค่าทำสถิติต่ำสุดอีกครั้งเมื่อเทียบกับเงินยูโร เมื่อวันอังคาร โดย 1 ยูโร แลกได้ 1.5495 ดอลลาร์
จอห์น ฮอลล์ แอสโซซิเอตส์ บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน กล่าวว่า “ณ ตอนนี้ ความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอลงทำให้นักลงทุนแสวงหาแหล่งหลบภัยในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเรื่อยๆท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะประกาศลดดอกเบี้ยอีก”
ลูกจ้างร้อง "ป้าอุ" ขอขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 9 บ.
นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า องค์การแรงงานแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยสภาองค์การลูกจ้าง 7 แห่งนำโดย นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทยพร้อมคณะ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงตนขอให้กระทรวงแรงงานพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 9 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศ โดยไม่เลือกปฏิบัติ เนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคได้ปรับราคาขึ้นไปมาก ลูกจ้างที่มีรายได้น้อยไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ ลูกจ้างส่วนใหญ่ต้องทำงานล่วงเวลาเพิ่มขึ้น
"จะเร่งหารือและส่งหนังสือถึงคณะกรรมการค่าจ้างเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป โดยผ่านกระบวนการของอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นผู้เสนอเข้ามา ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการค่าจ้างกลางจะมีการประชุมในเร็ว ๆ นี้"
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลวัตถุดิบอาหารสัตว์ร่วมกับกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร ไก่ไข่ ไก่เนื้อ และกุ้ง วานนี้ (12 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้มีการปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองจาก 4% เหลือ 0% เป็นระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุด 31 ธ.ค.2551 เพื่อแก้ปัญหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาแพง และช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกร โดยจะมีการเสนอให้คณะกรรมการนโยบายอาหาร ที่มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน พิจารณาในวันนี้ (13 มี.ค.)
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ผลจากการปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง จะทำให้ผู้เลี้ยงสัตว์ ทั้งผู้เลี้ยงรายใหญ่และเกษตรกร มีต้นทุนถูกลง จากการซื้ออาหารสัตว์ในราคาที่ถูกลง ผู้ผลิตอาหารสัตว์ จะมีต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ถูกลง โรงงานสกัดน้ำมันถั่วเหลือง จะขายกากจากเมล็ดนำเข้าได้ตามปกติ และขายกากจากเมล็ดในประเทศได้ไม่ต่ำกว่าราคาที่กำหนด ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลือง จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังขายเมล็ดที่ผลิตได้ไม่ต่ำกว่าราคาที่กำหนด ส่วนผู้บริโภคจะได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากซื้อเนื้อสัตว์ได้ในราคาที่ถูกลง แต่ทั้งนี้ ภาครัฐ จะเสียรายได้จากการเก็บภาษีปีละกว่า 800 ล้านบาท
ส่วนต้นทุนอาหารสัตว์ จะลดลงเฉลี่ย 2-5 บาท/ถุง จากการนำกากถั่วเหลืองนำเข้าภาษี 0% มาใช้ โดยอาหารหมูขุน (30 กก./ถุง) ราคาจะลดลงจาก 392.61 บาท/ถุง เป็น 390.39 บาท/ถุง อาหารไก่เนื้อ (30 กก./ถุง) จาก 429.83 บาท/ถุง เหลือ 425.84 บาท/ถุง และอาหารกุ้ง (25 กก./ถุง) จาก 704.43 บาท/ถุง เหลือ 699.43 บาท/ถุง
นางพรศรี เหล่ารุจิสวัสดิ์ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย กล่าวว่า สมาคมฯ เห็นด้วยกับการปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง เพราะจะช่วยทำให้ต้นทุนการเลี้ยงไก่ของเกษตรกรถูกลง เพราะผลจากการลดภาษีจะทำให้ราคาอาหารสัตว์ที่จะนำมาเลี้ยงไก่ถูกลง โดยจะทำให้ต้นทุนการเลี้ยงไก่ลดลง 40 สตางค์/ตัว
นายกิตติวงค์ สมบุญธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ในส่วนของหมู ต้นทุนจะถูกลง 38 บาท/ตัว โดยแต่ละปีจะมีการผลิตหมูทั้งสิ้น 14 ล้านตัว การลดภาษีจะช่วยลดต้นทุนในอุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูประมาณ 532 ล้านบาท ซึ่งการลดภาษีไม่เพียงแต่ทำให้ต้นทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูถูกลง แต่ยังช่วยให้ราคาเนื้อหมูถูกลงด้วย
“อยากจะขอให้กระทรวงพาณิชย์มีการตรวจสอบและติดตามดูแลราคาอาหารสัตว์อย่างใกล้ชิดว่าเมื่อมีการปรับลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองแล้ว ราคาอาหารสัตว์จะปรับลดลงตามต้นทุนหรือไม่ เพราะหากไม่มีการปรับลดลง ก็เท่ากับว่าการลดภาษีเป็นการช่วยเหลือผู้ผลิตอาหารสัตว์ ไม่ใช่ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ตามที่ตั้งใจไว้”
นายสมปอง ชาววังไทร นายกสมาคมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไทย กล่าวว่า การปรับลดภาษีกากถั่วเหลือง จะช่วยให้ต้นทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งลดลง 30 สตางค์/กก.
ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีตัวแทนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ได้เสนอปัญหาที่เกษตรกรกำลังประสบอยู่ให้อธิบดีกรมการค้าภายในรับทราบ โดยระบุว่า ผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่บางราย ได้ใช้วิธีมาตกลงกับเกษตรกร โดยขอให้ซื้ออาหารสัตว์ในราคาที่แพงขึ้น และจะรับซื้อกุ้งที่เลี้ยง แต่หากเกษตรกรไม่ซื้ออาหารสัตว์ ก็จะไม่ซื้อกุ้ง ซึ่งถือเป็นการใช้อำนาจจากการเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่บีบเกษตรกร ทำให้ไม่มีทางเลือกในการซื้ออาหารสัตว์จากผู้ผลิตรายอื่น ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ซี.พี. เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่
จี้พาณิชย์ไม่เข้าใจกลไกตลาด
แหล่งข่าวจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกร กล่าวถึงการแก้ปัญหาของหาของกรมการค้าภายในว่า มาแทรกแซงตลาดที่ปลายทางทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำกว่าความเป็นจริงทั้ง ๆ ที่ ปกติกลุ่มเกษตรกรก็เป็นกลุ่มที่ถูกกดราคามาจากกลุ่มพ่อค้าคนกลางมาโดยตลอด ที่ถูกแล้วรัฐบาลควรจะประกันราคาขั้นต่ำและส่งเสริมให้ราคาของสินค้าเกษตรอยู่ในระดับความเป็นจริงของตลาด เพื่อเกษตรกรจะได้รับเม็ดเงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
สำหรับราคาเนื้อหมูนั้น ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงต้องออกมาแทรกแซงกลไกตลาด เพราะผู้บริโภคมีทางเลือก สามารถเปลี่ยนไปบริโภคเนื้อไก่หรือปลาแทนได้ ส่วนที่หมูมีราคาแพงก็เพราะเกิดโรคระบาด ทำให้เนื้อหมูในตลาดลดลง ประกอบกับมีเทศกาลปีใหม่และตรุษจีนทำให้อุปสงค์สูงกว่าปกติ ประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์เช่น ถั่วเหลืองที่ใช้ในการเลี้ยงหมูปรับขึ้นกว่าเท่าตัว แถมราคาน้ำมันเป็นเพียงปัจจัยรอง ในขณะนี้อุปสงค์ได้ลดลง ปริมาณเนื้อหมูในตลาดมีเพิ่มขึ้น ราคาเนื้อหมูก็เริ่มปรับตัวลงแล้ว
“กรมการค้าภายในควรสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริโภคแทนการเข้าแทรกแซง เพราะรายได้ของเกษตรกรนั้น ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของตลาด เมื่อสินค้ามีราคาดีเพราะอุปสงค์มีมาก กรมการค้าภายในก็ควรให้เกษตรกรได้รับประโยชน์บ้าง”
“รมช.พาณิชย์เงา” จวกแค่สร้างภาพ
นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมช.พาณิชย์ เงา กล่าวว่าจากการลงพื้นที่ตรวจสอบความเป็นจริงในห้างใหญ่ ร้านโชว์ห่วย หลังจากรมว.พาณิชย์ได้ขอความร่วมมือกับผู้ผลิตสินค้าเพื่อปรับลดราคาสินค้าจำนวน 60 รายการพบว่า 60รายการถือว่าน้อยมากเพราะในตลาดมีเป็นพันๆรายการ ทำให้ผู้ประกอบการเลือกเฉพาะรายการที่ไม่มีความนิยม นำสินค้าที่ขายไม่ดี หรือมีโปรโมชั่นลดราคาอยู่แล้ว เข้ามาประกาศลดในบัญชี เช่น ยาสระผม แพนทีน มีรายการลดราคาจาก 29 บาท เหลือ 20 บาท ยาสระผมรีจอยส์ มีการลดเหลือ 20 บาท ถือเป็นการหลอกลวงประชาชน และพบว่า รายการสินค้าที่ประกาศลดสินค้าบางชนิด ไม่มีความชัดเจน ในเรื่องความจุ ชนิด และได้มีราคาแพงกว่าราคาเดิม เช่น นมดูเม็กซ์ ไฮคิว ราคา 670 บาท เมื่อเข้ารายการ กลับมีราคา 680 บาทมีราคาแพงขึ้น
"ในวันนี้ (13มี.ค.)จะเดินทางไปยื่นข้อเสนอกับ รมว.พาณิชย์ เพราะเห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการรองรับ การปรับลดราคาสินค้าให้เท่าเทียมมิฉะนั้น จะเป็นเพียงการสร้างภาพซึ่งรัฐบาลต้องมีความจริงใจ ไม่ซ่อนเร้น ไม่ใช่จะตามใจผู้ประกอบการสินค้าที่ต้องการนำสินค้าโปรโมชั่นมาลด ราคาทางพรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอญัตติด่วนเรื่องราคาสินค้าแพงแล้ว และพร้อมอภิปรายนำเสนอต่อรัฐบาล"
ส.อุตฯ ก่อสร้างเรียกร้องรัฐยกเลิกค่าเค
นายพลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า วานนี้ (12 มี.ค.) กรรมการบริหารสมาคมฯได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้นายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ภาครัฐช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ประสบปัญหาในขณะนี้ เนื่องจากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา การปรับราคาของวัสดุก่อสร้างและค่าขนส่ง อาทิ น้ำมัน เหล็กเส้น สายไฟฟ้า และอื่นๆ เกือบทุกประเภท ได้สร้างผลกระทบโดยตรงอย่างรุนแรงแก่ผู้ประกอบการก่อสร้างเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้ประกอบการก่อสร้างที่มีสัญญาก่อนหน้า ที่จะต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าชดเชยค่าก่อสร้างจากสูตรการปรับราคาของทางการ (ค่าเค) ไม่สะท้อนความเป็นจริง ทำให้ผู้ประกอบการก่อสร้าง ประสบภาวะขาดทุนเป็นอย่างมาก โครงการก่อสร้างจำนวนมากชะลอตัวลง และก่อสร้างแล้วเสร็จช้ากว่ากำหนดสัญญา และผู้ประกอบการก่อสร้างจำนวนมากไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ จึงมีการร้องเรียนมาที่สมาคมฯ เพื่อให้พิจารณาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาได้แก่
1.การยืนยันให้มีแก้ไขวิธีการคำนวณสัญญาแบบปรับราคาชดเชยค่าก่อสร้าง (ค่าเค) งานราชการทุกสัญญา โดยงดการหัก 4% เมื่อต้องเพิ่มค่างานหรือบวกเพิ่ม 4% เมื่อต้องเรียกค่างานคืน จนกว่าทางราชการจะปรับปรุงสูตรการปรับราคาชดเชยค่าก่อสร้างแล้วเสร็จ สมาคมฯได้เสนอให้รัฐ ยกเลิกการคิดสูตรค่าเคไประยะหนึ่งก่อน แต่ให้จ่ายตามความจริง จนกว่าทางกรมบัญชีกลางจะมีสูตรค่าเคใหม่ ซึ่งทางกรมฯระบุว่า การคำนวณสูตรน่าจะใช้เวลา 9 เดือนนับตั้งแต่เดือนม.ค.
2.ให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาเหล็กเส้นให้อยู่ในระดับราคาควบคุมที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และปรับราคากลางของเหล็กให้เป็นไปตามราคาควบคุม เพราะปัจจุบันราคาเหล็กที่ซื้อขายในท้องตลาดสูงกว่าราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศตันละ 2,000-3,000 บาท ให้มีการเปิดเสรีนำเข้าเหล็กเส้นจากต่างประเทศได้ และมีการตรวจมาตรฐานมอก.เหล็กนั้นๆ ให้สามารถขายได้ในประเทศ เพื่อลดปัญหาขาดแคลนเหล็กเส้น
3.พิจารณาขยายระยะเวลาของสัญญาโครงการก่อสร้างที่ได้เสนอราคา และ/หรือลงนามในสัญญาก่อสร้างแล้ว หรือยังดำเนินการก่อสร้างอยู่ออกไปอีก 6 เดือน เพื่อเป็นการลดและยืดปริมาณความต้องการเหล็กเส้นให้น้อยลงและยาวขึ้น เพื่อเป็นการตรึงราคาของวัสดุก่อสร้างให้นานขึ้น ซึ่งรัฐบาลในชุดที่ผ่านมา ได้ยืดอายุสัญญาให้แก่บริษัทรับเหมาก่อสร้างในส่วนของงานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เป็นต้น
4.พิจารณาระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 (e-Auction) เป็นกรณีเร่งด่วนในประเด็น ขอให้ละเว้นการยึดหลักประกันซองประกวดราคา กรณีผู้เสนอราคาไม่สามารถมาทันกำหนดเวลาการเสนอราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ อันเนื่องจากเหตุสุดวิสัย ขอให้ผู้มีสิทธิเสนอราคาได้เกินกว่าราคากลางที่กำหนด
5.พิจารณาเร่งรัดพระราชบัญญัติการประกอบอาชีพก่อสร้าง พ.ศ....ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อนำเสนอคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร์พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร์พิจารณาต่อไป และ 5. สมาคมอุตฯก่อสร้างไทย ในฐานะตัวแทนภาคเอกชน ควรได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพิจารณากฎ ระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ร่วมกับภาครัฐ เพื่อความเป็นธรรมและโปร่งใส
"กพช."ไฟเขียวอุ้มดีเซล 90 สต.
นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เปิดเผยหลังการประชุมกพช.วานนี้(12มี.ค.) ว่า ที่ประชุม กพช.มีมติเห็นชอบตามแนวทางที่กระทรวงพลังงานเสนอเพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลด้วยการเว้นการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานส่วนของดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรที่จะกันไว้สร้างรถไฟฟ้า เว้นการเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บปัจจุบันอยู่ 10 สตางค์ต่อลิตรและการนำเงินส่วนที่เก็บจากน้ำมันอื่นๆ มาบริหารจัดการอีก 30 สตางค์ต่อลิตรรวมเป็นการช่วยเหลือ 90 สตางค์ต่อลิตรซึ่งมาตรการดังกล่าวจะดำเนินการทั้งสิ้น 6 เดือนหรือภายในก.ค.นี้
สำหรับมาตรการที่เกี่ยวข้องกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะช่วยดูแลราคาดีเซล 40 สตางค์ต่อลิตรนั้นสามารถใช้อำนาจของรมว.พลังงานได้ทันทีในการประกาศโดยจะมีผลในวันนี้(13มี.ค.) ส่วนมาตรการที่เกี่ยวกับกองทุนอนุรักษ์พลังงานจะต้องลงนามในราชกิจจานุเบกษาจะมีผลในวันที่ 14 มี.ค. อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะไม่ใช้นโยบายที่จะนำรายได้กองทุนฯให้เกิดเป็นภาระหนี้โดยเด็ดขาดโดยจะใช้เงินเท่าที่บริหารได้ในกองทุนฯทั้ง 2 แห่ง
นอกจากนี้ที่ประชุมยังอนุมัติให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสนับสนุนวงเงินกู้ให้กับปตท.น 2,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.5 ระยะเวลา 5 ปี เพื่อนำไปส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกฝ่ายหันมาใช้เอ็นจีวีมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายปั๊มเขตเมืองชั้นใน เนื่องจากข้อกำหนดเดิม กทม.ให้สร้างปั๊มริมถนนที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 16 เมตร ขณะที่ที่ประชุมอนุมัติให้สามารถสร้างปั๊มเอ็นจีวีริมถนนที่มีความกว้าง 10-12 เมตร และเตรียมหารือกับกระทรวงการคลังขยายเวลาการลดภาษีสำหรับการนำเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์ติดตั้งเอ็นจี
เชลล์ขึ้นดีเซล-เบนซิน 50 สต.
นายไซมอน เฮิรส์ ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดค้าปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า แม้กพช.จะลดเงินจัดเงินเข้ากองทุนน้ำมันและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของดีเซล 90 ส.ต./ลิตร แต่ไม่ช่วยทำให้ค่าการตลาดของดีเซลดีขึ้น เชลล์จึงต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกผลิตภัณฑ์อีก 50 ส.ต./ลิตร มีผลวันที่ 13 มี.ค.51 ตั้งแต่ 05.00 น. ส่งผลให้ราคาน้ำมันในเขตกรุงเทพและปริมณฑลของปั๊มเชลล์เป็นดังนี้ คือ เบนซิน 95 ที่ 34.09 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ที่30.09 บาท/ลิตร เบนซิน 91 ที่ 32.99 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ที่ 29.29 บาท/ลิตร ดีเซล 30.94 บาท/ลิตร ไบโอดีเซลบี5 ที่ 29.94 บาท/ลิตร
“ถ้าจะให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ควรต้องปรับขึ้นอีก 2.35 บาท/ลิตร คำนวณจากที่ขายขาดทุน 85 ส.ต./ลิตร บวกกับค่าการตลาดที่ควรได้ 1.50-1.80 บาท/ลิตร ปัจจุบันขาดทุนจากดีเซล 6 ล้านบาท/วัน”
อย่างไรก็ตาม บางจากได้ปรับราคาขึ้นตามเชลล์ ในขณะที่ปตท.ปรับขึ้นเฉพาะเบนซินพร้อมทั้งตรึงราคาดีเซล
น้ำมันโลกทำนิวไฮเฉียด$ 110
ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เฉียดระดับ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าต่ำสุดทำสถิติอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนหาแหล่งหลบภัยในช่วงที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะตัดลดอัตราดอกเบี้ย
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดไนเม็กซ์ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร(11) ช่วงหนึ่งมีราคาพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 109.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลดลงมาปิดตลาดที่ 108.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 85 เซ็นต์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์(10)
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดลอนดอน เมื่อวันอังคาร ช่วงหนึ่งมีราคาพุ่งทำนิวไฮที่ 105.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลดลงมาปิดตลาดที่ 105.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ต่อมา ในการซื้อขายที่ตลาดในสิงคโปร์เมื่อวานนี้(12) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาลดลง 28 เซ็นต์ จากราคาปิดที่นิวยอร์กเมื่อวันอังคาร มาซื้อขายกันที่ 108.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์มีราคาลดลง 26 เซ็นต์ จากราคาปิดที่ลอนดอนเมื่อวันอังคาร มาซื้อขายกันที่ 104.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาสัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดพุ่งทำสถิติใหม่ 5 วันทำการติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนทุ่มเงินเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อแสวงหาหลักประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเรื่อยๆ
เงินดอลลาร์อ่อนค่าทำสถิติต่ำสุดอีกครั้งเมื่อเทียบกับเงินยูโร เมื่อวันอังคาร โดย 1 ยูโร แลกได้ 1.5495 ดอลลาร์
จอห์น ฮอลล์ แอสโซซิเอตส์ บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน กล่าวว่า “ณ ตอนนี้ ความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอลงทำให้นักลงทุนแสวงหาแหล่งหลบภัยในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเรื่อยๆท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะประกาศลดดอกเบี้ยอีก”
ลูกจ้างร้อง "ป้าอุ" ขอขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 9 บ.
นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า องค์การแรงงานแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยสภาองค์การลูกจ้าง 7 แห่งนำโดย นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทยพร้อมคณะ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงตนขอให้กระทรวงแรงงานพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 9 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศ โดยไม่เลือกปฏิบัติ เนื่องจากสินค้าอุปโภคบริโภคได้ปรับราคาขึ้นไปมาก ลูกจ้างที่มีรายได้น้อยไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ ลูกจ้างส่วนใหญ่ต้องทำงานล่วงเวลาเพิ่มขึ้น
"จะเร่งหารือและส่งหนังสือถึงคณะกรรมการค่าจ้างเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป โดยผ่านกระบวนการของอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นผู้เสนอเข้ามา ซึ่งคาดว่าคณะกรรมการค่าจ้างกลางจะมีการประชุมในเร็ว ๆ นี้"