ราคาน้ำมันในตลาดโลกทะยานทำสถิติใหม่เฉียด 106 ดอลลาร์ ตลาดอ้างเหตุโอเปกไม่เพิ่มการผลิต ปริมาณน้ำมันในคลังทั่วสหรัฐฯ ลดลงกว่า 3 ล้านบาร์เรล ด้านราคาทองคำในตลาดโลกก็ทำนิวไฮเฉียด 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักวิเคราะห์เริ่มมองว่าผู้ผลิตน้ำมันแถบอ่าวเปอร์เซียวางนโยบายน้ำมันที่พิจารณาตามเหตุผลมากกว่าพยายามทำให้ชาติตะวันตกพึงพอใจ รมว.พลังงานเสียงอ่อยอุ้มดีเซล โยน กพช.เห็นชอบ 12 มี.ค.
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ที่ตลาดไนเม็กซ์ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ(5) ช่วงหนึ่งมีราคาทะยานทำสถิติใหม่ที่ 104.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลงมาปิดตลาดที่ 104.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร(4)
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ที่ตลาดในลอนดอน เมื่อวันพุธ มีราคาเพิ่มขึ้น 4.12 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 101.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ต่อมา ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน เมื่อวานนี้(6) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 105.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์มีราคาทำนิวไฮที่ 102.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
บรรดานักวิเคราะห์อ้างว่าการที่ราคาน้ำมันพุ่งทำสถิติสูงสุดทะลุ 105 ดอลลาร์นั้นเป็นเพราะองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก)มีมติเมื่อวันพุธ คงปริมาณการผลิตไว้เท่าเดิมที่ 29.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
“ตลาดมีซัปพลายน้ำมันอยู่เพียงพอ โดยปริมาณน้ำมันในคลังเชิงพาณิชย์ในปัจจุบันอยู่เหนือระดับโดยเฉลี่ยในรอบ 5 ปี” โอเปกกล่าว
ทั้งนี้ โอเปกมองว่าแรงเก็งกำไรในช่วงที่นักลงทุนหาที่หลบภัยจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ทำให้ราคาน้ำมันทะยานทำสถิติใหม่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ในวันเดียวกันนั้น กระทรวงพลังงานสหรัฐฯแถลงตัวเลขปริมาณน้ำมันในคลังทั่วประเทศประจำสัปดาห์ ปรากฏว่าปริมาณน้ำมันดิบในคลังลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล ขัดกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า น้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี
ต่อมา เมื่อวานนี้ เงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงต่ำสุดทำสถิติใหม่เมื่อเทียบกับเงินยูโร โดย 1 ยูโร แลกได้ 1.5345 ดอลลาร์ ปัจจัยนี้จึงดันราคาน้ำมันให้พุ่งสูงเช่นกัน
ทางด้านชอร์ก รีพอร์ต ซึ่งให้ข้อมูลบทวิเคราะห์ตลาดพลังงาน กล่าวว่าราคาน้ำมันโลกพุ่งทำนิวไฮโดยเป็นผลสืบเนื่องอันไม่น่าชื่นชมจากสิ่งซึ่งเป็นปฏิกิริยาแบบโวยวายขาดเหตุผลสุดๆ ต่อมติการตัดสินใจของโอเปก
“คุณจะรู้สึกได้ว่า ถึงแม้โอเปกเพิ่มการผลิต นักลงทุนก็จะยังคงดันราคาให้สูงขึ้น” ชอร์ก รีพอร์ต กล่าว
อะบุลวาฮับ อะบูดาเฮช นักเศรษฐศาสตร์ชาวซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า “ชาติแถบอ่าวเปอร์เซียยึดเหตุผลความเป็นจริงในทางปฏิบัติมากขึ้น ในการกำหนดนโยบายด้านน้ำมันซึ่งไม่อิงอยู่กับเหตุผลทางการเมืองอีกต่อไป ผมไม่คิดว่าสิ่งนี้จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับประเทศอ่าวเปอร์เซีย”
ส่วนคาเมล อัลฮารามี นักวิเคราะห์น้ำมันชาวคูเวต กล่าวว่า “สหรัฐฯไม่ได้ตั้งใจอ่านข้อมูลตัวเลขของตลาดอย่างถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น ปริมาณน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐฯเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดใน 14 ปี และปริมาณน้ำมันดิบในคลังในช่วงที่ผ่านมาก็เพิ่มขึ้น 6 สัปดาห์ติดต่อกัน...การที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงไม่ได้เป็นเพราะซัปพลายตึงตัว แต่เป็นเพราะเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่ายวบ แรงเก็งกำไร และการที่ตลาดการเงินแทรกแซงตลาดน้ำมัน โอเปกแทบจะทำอะไรต่อเรื่องนี้ไม่ได้เลย”
อนึ่ง ราคาทองคำในตลาดลอนดอนบุลเลียนมาร์เก็ต มีราคาทำสถิติใหม่ที่ออนซ์ละ 991.68 ดอลลาร์
รมว.พลังงานจำนนตามตลาดโลก
พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า แม้ว่าราคาน้ำมันดิบตลาดสหรัฐจะสร้างสถิติสูงสุดมาอยู่ในระดับเกือบ 105 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล แต่มาตรการที่จะบรรเทาผลกระทบกับประชาชนก็คงจะต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่จะหารือกันในวันที่ 12 มี.ค.นี้ก่อนว่าท้ายสุดมาตรการระยะสั้นที่จะดูแลราคาดีเซลจะผ่านการเห็นชอบทั้ง 3 แนวทางหรือไม่คือ การชะลอการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน 50 สตางค์ต่อลิตรที่จะสร้างรถไฟฟ้า การลดหรือยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บอยู่ 10 สตางค์ต่อลิตร และการดึงเงินจากกองทุนน้ำมันฯจากที่เก็บจากน้ำมันอื่นอีก 30 สตางค์ต่อลิตรมาดูแล
“มาตรการระยะสั้นนี้จะใช้ถึงกรกฏาคม 2551 เพราะในที่สุดเชื่อว่าน้ำมันจะลดราคาลงและการเร่งสร้างปั๊มเอ็นจีวีของ ปตท.จะมีมากขึ้นจนทำให้ขยายการใช้ได้เพิ่มเพื่อลดการใช้น้ำมัน ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบได้ว่าจะดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรได้เพราะต้องดูว่ากพช.จะเห็นชอบแนวทางใดแต่หากเห็นชอบทุกแนวทางก็ยากที่จะระบุได้ว่าจะดูแลได้ระดับไหนด้วยจึงขึ้นอยู่กับว่าฐานะของเงินกองทุนฯ ที่จะช่วยเหลือนั้นมีมากน้อยเพียงใดเป็นสำคัญ และราคาตลาดโลกจะสูงไประดับใดด้วยแต่สิ่งหนึ่งที่เน้นคือการที่เราจะไม่ก่อหนี้เพิ่มหรือไปทำให้กองทุนฯ ติดลบแน่นอน และขอย้ำว่าเราได้ไม่แทรกแซงราคาแต่เป็นการบริหารจัดการอัตราการเก็บเข้าและจ่ายออกของกองทุนเพื่อลดผลกระทบราคาดีเซล ”รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับสิ่งที่จะให้ความสำคัญคือมาตรการประหยัดพลังงานที่จะต้องเร่งรณรงค์ประชาชนตระหนักเพราะจะเป็นวิธีเดียวที่จะลดผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่รัฐจะไม่ใช้วิธีการบังคับ
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันนี้(7 มี.ค.) จะหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วางแผนดูแลปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ให้เพียงพอ ไม่ขาดแคลนเหมือนกับในปลายปี 2550 โดยกระทรวงพลังงานจะเสนอขอสต็อกซีพีโอ สำหรับการทำไบโอดีเซล ซึ่งจะให้บริษัทน้ำมัน เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เก็บสต็อก แต่จะเป็นช่วงไหน อย่างไร ทั้ง 3 กระทรวงจะวางแผนร่วมกัน เพื่อให้เกิดความสมดุลทั้งการผลิต การใช้เพื่อบริโภค การใช้เพื่อทำไบโอดีเซล ส่วนจะเหลือปริมาณซีพีโอเพื่อส่งออก หรือต้องควบคุมการส่งออกหรือไม่นั้น เป็นอำนาจของกระทรวงพาณิชย์
"เลี้ยบ" ทำนายราคาน้ำมันยังสูงขึ้น
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแตะระดับ 104 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในตลาดนิวยอร์กว่า ประชาชนคงต้องยอมรับความจริงว่าสถานการณ์น้ำมันสูงเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นนั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีก และโอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับลดต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล คงเป็นไปได้ยาก ทุกคนก็ต้องปรับตัว เนื่องจากกลุ่มโอเปกมีมติไม่เพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงผลกระทบจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง กองทุนต่างๆ จึงหันเข้าไปเก็งกำไรสินค้าน้ำมัน
อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดเหล่านี้ไว้แล้ว และเตรียมแนวทางรองรับไว้ทั้งระยะสั้น และปานกลาง โดยเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน กระทรวงพลังงาน จะเข้ามาอุดหนุนราคาน้ำมันโดยการดึงเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานอุดหนุนไม่ให้ราคาน้ำมันสูงเกินไป
ส่วนมาตรการในระยะปานกลางของรัฐบาล จะเน้นการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนทั้งจากการท่องเที่ยว การพัฒนาสินค้าโอท็อปและการสร้างอาชีพต่างๆ จะทำให้ประชาชนมีรายได้ใช้จ่ายรองรับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ่นจากราคารน้ำมัน ซึ่งน่าจะเห็นผลชัดเจนในช่วง 6 เดือนหลัง จากนี้ดังนั้นในช่วง 6 เดือน รัฐบาลจำเป็นที่ต้องเข้ามาอุดหนุนน่าจะเห็นเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้
ต่อข้อซักถามว่า จำเป็นที่ต้องปรับขึ้นอัตราเงินเดือนของข้าราชการเพื่อรองรับค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วยหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ เรื่องดังลก่าวให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นผู้ศึกษา
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ที่ตลาดไนเม็กซ์ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันพุธ(5) ช่วงหนึ่งมีราคาทะยานทำสถิติใหม่ที่ 104.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลงมาปิดตลาดที่ 104.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร(4)
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ที่ตลาดในลอนดอน เมื่อวันพุธ มีราคาเพิ่มขึ้น 4.12 ดอลลาร์ มาปิดตลาดที่ 101.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ต่อมา ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน เมื่อวานนี้(6) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 105.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์มีราคาทำนิวไฮที่ 102.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
บรรดานักวิเคราะห์อ้างว่าการที่ราคาน้ำมันพุ่งทำสถิติสูงสุดทะลุ 105 ดอลลาร์นั้นเป็นเพราะองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก)มีมติเมื่อวันพุธ คงปริมาณการผลิตไว้เท่าเดิมที่ 29.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน
“ตลาดมีซัปพลายน้ำมันอยู่เพียงพอ โดยปริมาณน้ำมันในคลังเชิงพาณิชย์ในปัจจุบันอยู่เหนือระดับโดยเฉลี่ยในรอบ 5 ปี” โอเปกกล่าว
ทั้งนี้ โอเปกมองว่าแรงเก็งกำไรในช่วงที่นักลงทุนหาที่หลบภัยจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ทำให้ราคาน้ำมันทะยานทำสถิติใหม่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ในวันเดียวกันนั้น กระทรวงพลังงานสหรัฐฯแถลงตัวเลขปริมาณน้ำมันในคลังทั่วประเทศประจำสัปดาห์ ปรากฏว่าปริมาณน้ำมันดิบในคลังลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล ขัดกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่า น้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี
ต่อมา เมื่อวานนี้ เงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงต่ำสุดทำสถิติใหม่เมื่อเทียบกับเงินยูโร โดย 1 ยูโร แลกได้ 1.5345 ดอลลาร์ ปัจจัยนี้จึงดันราคาน้ำมันให้พุ่งสูงเช่นกัน
ทางด้านชอร์ก รีพอร์ต ซึ่งให้ข้อมูลบทวิเคราะห์ตลาดพลังงาน กล่าวว่าราคาน้ำมันโลกพุ่งทำนิวไฮโดยเป็นผลสืบเนื่องอันไม่น่าชื่นชมจากสิ่งซึ่งเป็นปฏิกิริยาแบบโวยวายขาดเหตุผลสุดๆ ต่อมติการตัดสินใจของโอเปก
“คุณจะรู้สึกได้ว่า ถึงแม้โอเปกเพิ่มการผลิต นักลงทุนก็จะยังคงดันราคาให้สูงขึ้น” ชอร์ก รีพอร์ต กล่าว
อะบุลวาฮับ อะบูดาเฮช นักเศรษฐศาสตร์ชาวซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า “ชาติแถบอ่าวเปอร์เซียยึดเหตุผลความเป็นจริงในทางปฏิบัติมากขึ้น ในการกำหนดนโยบายด้านน้ำมันซึ่งไม่อิงอยู่กับเหตุผลทางการเมืองอีกต่อไป ผมไม่คิดว่าสิ่งนี้จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับประเทศอ่าวเปอร์เซีย”
ส่วนคาเมล อัลฮารามี นักวิเคราะห์น้ำมันชาวคูเวต กล่าวว่า “สหรัฐฯไม่ได้ตั้งใจอ่านข้อมูลตัวเลขของตลาดอย่างถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น ปริมาณน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐฯเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดใน 14 ปี และปริมาณน้ำมันดิบในคลังในช่วงที่ผ่านมาก็เพิ่มขึ้น 6 สัปดาห์ติดต่อกัน...การที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงไม่ได้เป็นเพราะซัปพลายตึงตัว แต่เป็นเพราะเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่ายวบ แรงเก็งกำไร และการที่ตลาดการเงินแทรกแซงตลาดน้ำมัน โอเปกแทบจะทำอะไรต่อเรื่องนี้ไม่ได้เลย”
อนึ่ง ราคาทองคำในตลาดลอนดอนบุลเลียนมาร์เก็ต มีราคาทำสถิติใหม่ที่ออนซ์ละ 991.68 ดอลลาร์
รมว.พลังงานจำนนตามตลาดโลก
พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า แม้ว่าราคาน้ำมันดิบตลาดสหรัฐจะสร้างสถิติสูงสุดมาอยู่ในระดับเกือบ 105 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล แต่มาตรการที่จะบรรเทาผลกระทบกับประชาชนก็คงจะต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่จะหารือกันในวันที่ 12 มี.ค.นี้ก่อนว่าท้ายสุดมาตรการระยะสั้นที่จะดูแลราคาดีเซลจะผ่านการเห็นชอบทั้ง 3 แนวทางหรือไม่คือ การชะลอการส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อการส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน 50 สตางค์ต่อลิตรที่จะสร้างรถไฟฟ้า การลดหรือยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เก็บอยู่ 10 สตางค์ต่อลิตร และการดึงเงินจากกองทุนน้ำมันฯจากที่เก็บจากน้ำมันอื่นอีก 30 สตางค์ต่อลิตรมาดูแล
“มาตรการระยะสั้นนี้จะใช้ถึงกรกฏาคม 2551 เพราะในที่สุดเชื่อว่าน้ำมันจะลดราคาลงและการเร่งสร้างปั๊มเอ็นจีวีของ ปตท.จะมีมากขึ้นจนทำให้ขยายการใช้ได้เพิ่มเพื่อลดการใช้น้ำมัน ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบได้ว่าจะดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรได้เพราะต้องดูว่ากพช.จะเห็นชอบแนวทางใดแต่หากเห็นชอบทุกแนวทางก็ยากที่จะระบุได้ว่าจะดูแลได้ระดับไหนด้วยจึงขึ้นอยู่กับว่าฐานะของเงินกองทุนฯ ที่จะช่วยเหลือนั้นมีมากน้อยเพียงใดเป็นสำคัญ และราคาตลาดโลกจะสูงไประดับใดด้วยแต่สิ่งหนึ่งที่เน้นคือการที่เราจะไม่ก่อหนี้เพิ่มหรือไปทำให้กองทุนฯ ติดลบแน่นอน และขอย้ำว่าเราได้ไม่แทรกแซงราคาแต่เป็นการบริหารจัดการอัตราการเก็บเข้าและจ่ายออกของกองทุนเพื่อลดผลกระทบราคาดีเซล ”รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับสิ่งที่จะให้ความสำคัญคือมาตรการประหยัดพลังงานที่จะต้องเร่งรณรงค์ประชาชนตระหนักเพราะจะเป็นวิธีเดียวที่จะลดผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่รัฐจะไม่ใช้วิธีการบังคับ
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันนี้(7 มี.ค.) จะหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วางแผนดูแลปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ให้เพียงพอ ไม่ขาดแคลนเหมือนกับในปลายปี 2550 โดยกระทรวงพลังงานจะเสนอขอสต็อกซีพีโอ สำหรับการทำไบโอดีเซล ซึ่งจะให้บริษัทน้ำมัน เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เก็บสต็อก แต่จะเป็นช่วงไหน อย่างไร ทั้ง 3 กระทรวงจะวางแผนร่วมกัน เพื่อให้เกิดความสมดุลทั้งการผลิต การใช้เพื่อบริโภค การใช้เพื่อทำไบโอดีเซล ส่วนจะเหลือปริมาณซีพีโอเพื่อส่งออก หรือต้องควบคุมการส่งออกหรือไม่นั้น เป็นอำนาจของกระทรวงพาณิชย์
"เลี้ยบ" ทำนายราคาน้ำมันยังสูงขึ้น
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแตะระดับ 104 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในตลาดนิวยอร์กว่า ประชาชนคงต้องยอมรับความจริงว่าสถานการณ์น้ำมันสูงเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นนั้นมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีก และโอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับลดต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล คงเป็นไปได้ยาก ทุกคนก็ต้องปรับตัว เนื่องจากกลุ่มโอเปกมีมติไม่เพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงผลกระทบจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง กองทุนต่างๆ จึงหันเข้าไปเก็งกำไรสินค้าน้ำมัน
อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดเหล่านี้ไว้แล้ว และเตรียมแนวทางรองรับไว้ทั้งระยะสั้น และปานกลาง โดยเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน กระทรวงพลังงาน จะเข้ามาอุดหนุนราคาน้ำมันโดยการดึงเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานอุดหนุนไม่ให้ราคาน้ำมันสูงเกินไป
ส่วนมาตรการในระยะปานกลางของรัฐบาล จะเน้นการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนทั้งจากการท่องเที่ยว การพัฒนาสินค้าโอท็อปและการสร้างอาชีพต่างๆ จะทำให้ประชาชนมีรายได้ใช้จ่ายรองรับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ่นจากราคารน้ำมัน ซึ่งน่าจะเห็นผลชัดเจนในช่วง 6 เดือนหลัง จากนี้ดังนั้นในช่วง 6 เดือน รัฐบาลจำเป็นที่ต้องเข้ามาอุดหนุนน่าจะเห็นเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้
ต่อข้อซักถามว่า จำเป็นที่ต้องปรับขึ้นอัตราเงินเดือนของข้าราชการเพื่อรองรับค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วยหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ เรื่องดังลก่าวให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นผู้ศึกษา