ซี.พี. ฟันธงครึ่งปีหลังเม็ดเงินการลงทุนมากขึ้น เหตุรัฐบาลขายนโยบายน่าเชื่อถือ แม้จะมัดมือเอกชนให้ปรับสินค้าลง วอนให้ความสำคัญกับทางผู้ผลิต โดยเฉพาะเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรมด้วย ด้านผู้ผลิตสินค้ายันลดได้ไม่เกิน 3 เดือนต้องขึ้นราคาตามวัตถุดิบ ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งทำสถิติใหม่อีกครั้งทะลุ 109 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล
ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานคณะทำงานสื่อสารองค์กร เปิดเผยว่า หลังจากที่ประเทศไทยมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อย บวกกับนโยบายเมกกะโปรเจกต์ต่างๆที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อเชื่อว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจ พร้อมศึกษา และเฝ้าสังเกตการณ์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่จะเริ่มการลงทุนใหม่ๆตลอด 6 เดือนหลังนี้
สำหรับนโยบายการปรับราคาสินค้า ที่ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือกับภาคเอกชนให้ลดราคาสินค้าลงนั้น มองว่าเป็นเจตนาที่ดีที่ต้องการให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมในความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่อยากให้มองในส่วนของวัตถุดิบ ที่ผู้ผลิตโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ต้องแบกรับอยู่ ให้ได้รับความเป็นธรรมด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งมองว่าทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เข้ามามีส่วนช่วยเหลือกลุ่มผู้ผลิตอีกทางหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ใหม่ๆ เพื่อใช้ในการผลิต เป็นต้น
“การปรับราคาสินค้าของกลุ่มซี.พี.นั้น ต้องขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละชนิดและต้นทุนการผลิตด้วย โดยขณะนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าจะมีการปรับราคาสินค้าหรือไม่ ส่วนความคิดเห็นส่วนตัว มองว่ากลไกของตลาด ถือเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด ที่ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกลไกดังกล่าวนี้ ได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด”
ผู้ผลิตชี้ปล่อยตามกลไกตลาด
แหล่งข่าวจากผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม กล่าวถึงการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงของกรมการค้าภายในว่า มาแทรกแซงตลาดที่ปลายทางทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำกว่าความเป็นจริงทั้ง ๆ ที่ ปกติกลุ่มเกษตรกรก็เป็นกลุ่มที่ถูกกดราคามาจากกลุ่มพ่อค้าคนกลางมาโดยตลอด ที่ถูกแล้วรัฐบาลควรจะประกันราคาขั้นต่ำและส่งเสริมให้ราคาของสินค้าเกษตรอยู่ในระดับความเป็นจริงของตลาด เพื่อเกษตรกรจะได้รับเม็ดเงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
“กรมการค้าภายในควรสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริโภคแทนการเข้าแทรกแซง เพราะรายได้ของเกษตรกรนั้น ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของตลาด เมื่อสินค้ามีราคาดีเพราะอุปสงค์มีมาก กรมการค้าภายในก็ควรให้เกษตรกรได้รับประโยชน์บ้าง”แหล่งข่าวคนเดียวกัน กล่าว
เอกชนเฉือนกำไรลดราคา 3 เดือน
นายไพศาล จงบัญญัติเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี –เมจิ จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯได้ให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐช่วยปรับราคาสินค้าลดลงเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคเป็นระยะเวลา 3 เดือน ในจำนวนสินค้า 3 รายการ คือโยเกิร์ต เมจิ บิวตี้ ไบรตต์ จากราคา 12 บาทลดเหลือ 10 บาท, นมเปรี้ยว คัลเจอร์ โยเกิร์ต จากราคา 7 บาทลดเหลือ 6 บาท และกาแฟพร้อมดื่มจาก 20 บาท ลดลงเหลือ 18 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ คาดว่าจะทำให้บริษัทฯมีผลกำไรลดลงไปประมาณ 9 ล้านบาท แต่หากต้องมีการลดราคาสินค้านานกว่านี้อีก คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้นทุนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นภาครัฐควรเข้ามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ผลิตน้ำนม เพราะปัจจุบันต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบมีการปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำนมดิบที่มีการปรับราคาขึ้นมาจากกิโลกรัมละ 12.50 บาท เพิ่มเป็น 14.50 บาท และจากการที่ต้นทุนอาหารสัตว์มีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีแผนที่จะยื่นขอปรับราคาน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นเป็น 16.50 บาท ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากภาครัฐต้องการช่วยเหลือผู้บริโภค จึงยังไม่อนุมัติการขอปรับราคาน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นครั้งนี้
บริษัทฯมีแผนที่จะปรับราคานมพาสเจอร์ไรซ์เพิ่มขึ้นอีก 8-10% ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่หลังจากยื่นเรื่องดังกล่าวไปกรมการค้าภายในได้ตีกลับเรื่องดังกล่าวมายังบริษัทฯจึงทำให้ไม่สามารถปรับราคาสินค้าขึ้นได้ ในขณะเดียวกันบริษัทฯก็ต้องตรึงราคาสินค้าไว้ เพราะการแข่งขันในตลาดค่อนข้างรุนแรง ทั้งนี้บริษัทฯได้มีการปรับราคานมพาสเจอร์ไรซ์มาแล้วครั้งหนึ่ง ในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
"ซันซิล" ขอไม่ขึ้นราคาแต่ลดปริมาณ
นางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้รีเฟรชแชมพูและครีมนวดซันซิลใหม่ทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้ปรับสูตรและบรรจุภัณฑ์ใหม่ พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ปรับลดปริมาณลงแต่จำหน่ายราคาเท่าเดิม อาทิ ขนาดเดิม 90 มล. ราคา 20 บาท เป็นเหลือขนาด 80 มล. ราคา 20 บาท ก่อนหน้านี้บริษัทวางแผนตั้งราคาสินค้าใกล้เคียงกับซันซิล ฟรุตตามิน ซึ่งมีราคาสูงกว่าซันซิลปกติ แต่เลือกที่จะไม่ขึ้นราคาและนำโมเดลลดปริมาณจำหน่ายเท่าเดิมมาใช้แทน อย่างไรก็ตามปกติการจำหน่ายแชมพูและครีมนวดประเทศไทย ถือว่าเป็นราคาขายโดยเฉลี่ยที่ต่ำอยู่แล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
"นมตราหมีฯ" จ่อคิวขึ้นราคา 5-10 %
นายสมศักดิ์ ชายะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านอาหารและนมตราหมี คาร์เนชั่น ไมโล เปิดเผยว่า บริษัทได้ชะลอการปรับราคาสินค้าขึ้นมา 3 เดือนแล้ว และกำลังจะยื่นต่อกรมการค้าภายในเพื่อขอปรับราคาสินค้าในกลุ่มนมเพิ่มขึ้น 5-10% เนื่องจากต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะนมผงปรับเพิ่มขึ้นเท่าตัว แม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 10% แล้วก็ตาม แต่ราคาที่ปรับก็ยังไม่ครอบคลุมถึงต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลง 10%
ปชป. ดึงญัตติสินค้าแพงจี้ “มิ่ง” ชี้แจงกลางสภา
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมมีมติเสนอเลื่อนญัตติแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงขึ้นมาพิจารณาในวันพุธนี้ ( 12 มี.ค.)เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ แม้ญัตติเรื่องอื่น ทั้ง การท่องเที่ยวหรือปัญหารอยเลื่อนเปลือกโลกจะสำคัญ แต่ควรหยิบยกปัญหาสินค้าราคาแพงขึ้นมาพิจารณาก่อน เพราะไม่ได้กระทบเฉพาะกับคนในเมืองใหญ่เท่านั้น แต่กระทบไปถึงประชาชนในชนบทที่อยู่ห่างไกลที่อาจจะได้รับผลกระทบมากกว่า แม้กระทรวงพาณิชย์จะมีมาตรการควบคุมราคมสินค้า
แต่ในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถทำได้ควบคุมได้ทั่วถึง จึงทำให้ราคาสินค้าในชนบทมีราคาสูงกว่าในเมือง และเกินกว่าราคาที่ควบคุม ซึ่งเชื่อว่าพรรคการเมืองอื่นจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แม้รมว.พาณิชย์จะมีการออกมาตรการควบคุมราคา60 รายการ แต่เห็นว่าเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้าส่วนหนึ่ง แต่เป็นการได้เฉพาะกลุ่มที่เข้ามาร่วมกับโครงการเท่านั้น และเห็นว่า ยังมีบางรายการที่ไม่จำเป็น และมีอีกหลายรายการที่สมควรจะต้องประกาศควบคุม ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่รัฐมนตรีจะได้มาชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ
น้ำมันพุ่ง Q3 สินค้าพุ่งกระฉูด
แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ระดับราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะนี้เอกชนมีความวิตกถึงปัญหาต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นอีกจากทั้งวัตถุดิบและค่าขนส่ง ขณะที่ราคาสินค้าที่มีต้นทุนสูงขึ้นก่อนหน้านี้กลับต้องถูกตรึงราคาสินค้าไว้จากนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ชั่วคราว 3- 6 เดือน
ดังนั้น อาจทำให้ปัญหาราคาสินค้าถูกอั้นไปปรับมากขึ้นในช่วงต้นไตรมาส 3 ได้ซึ่งรัฐบาลควรจะพิจารณานโยบายการสั่งลดราคาหรือตรึงราคาอย่างรอบคอบเฉพาะสินค้าที่มีการผูกขาดกิจการหรือเป็นรายใหญ่ที่มีศักยภาพลดต้นทุนได้เท่านั้น
ตรึงยาวระวังเอสเอ็มอีเดี้ยง
นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสายงานเศรษฐกิจ ส.อ.ท.กล่าวยอมรับว่า จากระดับราคาน้ำมันตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจะมีผลกระทบให้ราคาปรับขึ้นได้อีกดังนั้นมาตรการลดราคาสินค้าหรือตรึงราคาสินค้าเอกชนเห็นด้วยที่จะดูแลประชาชนแต่ควรจะเป็นระยะสั้นเพียง 2-3 เดือนเท่านั้นเพราะหากเป็น 6 เดือนอาจจะกระทบกับผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมหรือเอสเอ็มอีที่ไม่มีกำลังต่อรองซึ่งทำให้ต้องขาดทุนในที่สุดหากอยู่ไม่ได้ก็จะกระทบกันเป็นลูกโซ่
หนุนดูแลราคาน้ำมันระยะสั้น
สำหรับมาตรการที่รัฐควรดูแลคือ ราคาน้ำมันในระยะสั้นที่ผิดปกตินี้เนื่องจากปกติดีเซลจะลดลงเมื่อหมดฤดูหนาวแต่เวลานี้ดีเซลกลับสูงขึ้นมากเพราะอากาศผิดปกติไปดังนั้นการที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) จะมีการประชุมวันนี้(12มี.ค.)เพื่อดูแลราคาน้ำมันรวม 90 สตางค์ต่อลิตรก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็ไม่ควรจะ
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมันกล่าวว่า แม้กพช.จะเห็นชอบแนวทางอุ้มราคาดีเซลทั้งหมดรวม 90 สตางค์ต่อลิตรในวันนี้คงจะช่วยชะลอการปรับขึ้นดีเซลไปแค่ 1-2 วันเท่านั้นเว้นแต่ปตท.จะตรึงยาวไปเป็นสัปดาห์หน้าแทนเพราะค่าการตลาดดีเซลติดลบ70 สตางค์ต่อลิตรแล้วและยังมีแนวโน้มราคาสิงคโปร์อาจปรับขึ้นอีกในการปิดตลาดวันที่ 11 มี.ค.นี้
น้ำมันโลกทำนิวไฮอีกทะลุ$ 109
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดไนเม็กซ์ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ (10) ช่วงหนึ่งมีราคาทำสถิติที่ 108.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลงมาปิดตลาดที่ 107.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.75 ดอลลาร์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันศุกร์(7)
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดที่ลอนดอน เมื่อวันจันทร์ ในช่วงหนึ่งก็มีราคาทำสถิติที่ 104.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะลงมาปิดตลาดที่ 104.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.78 ดอลลาร์ จากราคาปิดที่ลอนดอน เมื่อวันศุกร์เช่นกัน
ต่อมาในการซื้อขายที่ตลาดในสิงคโปร์ เมื่อวานนี้(11) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาเพิ่มขึ้น 12 เซ็นต์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ มาอยู่ที่ 108.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์มีราคาเพิ่มขึ้น 4 เซ็นต์ มาอยู่ที่ 104.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หลังจากนั้น ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน เมื่อวานนี้ สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 109.20 ดอลลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลดลงมาซื้อขายกันที่ 108.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ก็มีราคาทำนิวไฮเช่นกันที่ 105.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากนั้นราคาลดลงมาซื้อขายกันที่ 105.06 ดอลลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 90 เซ็นต์ จากราคาปิดที่ตลาดลอนดอน เมื่อวันจันทร์
ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันทะยานทำสถิติสูงสุดอีกครั้งก็คือ เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าต่ำลงเรื่อยๆอันเป็นผลจากแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังก้าวสู่ภาวะถดถอย และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ขณะที่นักลงทุนก็คาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำสุดทำสถิติเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดย 1 ยูโร แลกได้ 1.5464 ดอลลาร์ สำหรับการซื้อขายเมื่อวานนี้ 1 ยูโร แลกได้ 1.5362 ดอลลาร์
นอกจากนี้ บรรดานักเก็งกำไรก็หันมาทุ่มเงินซื้อสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อเป็นหลักประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ท่ามกลางแนวโน้มที่ว่าการตัดลดดอกเบี้ยของเฟดจะยิ่งทำให้เงินเฟ้อพุ่งแรงขึ้น
ทางด้านไออีเอ หน่วยงานด้านพลังงาน ในสังกัดองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (โออีซีดี) อันเป็นองค์การศึกษาวิจัยของพวกประเทศพัฒนาแล้ว กล่าวว่าเฉพาะแค่แรงเก็งกำไรไม่สามารถทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงในระดับปัจจุบันได้ มีปัจจัยอื่นหนุนราคาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าฮวบ และปริมาณน้ำมันในคลังของประเทศต่างๆอยู่ในระดับจำกัด
ลอว์เรนซ์ อีเกิลส์ หัวหน้านักวิเคราะห์ของไออีเอ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “ตลาดดูเหมือนจะเรียกร้องให้องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) เพิ่มปริมาณการผลิต แต่โอเปกกลับยังคงกำลังผลิตไว้ที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำ อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะไม่เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตน้ำมันเผื่อเหลือเผื่อขาดอีกด้วย”
อีเกิลส์คาดว่าดีมานด์น้ำมันในชาติอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลกจะลดลงเนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติเหล่านี้ชะลอตัวลง ในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงลิ่ว อย่างไรก็ดี ดีมานด์น้ำมันในประเทศนอกโออีซีดีน่าจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ดร.อาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานคณะทำงานสื่อสารองค์กร เปิดเผยว่า หลังจากที่ประเทศไทยมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นที่เรียบร้อย บวกกับนโยบายเมกกะโปรเจกต์ต่างๆที่รัฐบาลจะดำเนินการต่อเชื่อว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจ พร้อมศึกษา และเฝ้าสังเกตการณ์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่จะเริ่มการลงทุนใหม่ๆตลอด 6 เดือนหลังนี้
สำหรับนโยบายการปรับราคาสินค้า ที่ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือกับภาคเอกชนให้ลดราคาสินค้าลงนั้น มองว่าเป็นเจตนาที่ดีที่ต้องการให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมในความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่อยากให้มองในส่วนของวัตถุดิบ ที่ผู้ผลิตโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ต้องแบกรับอยู่ ให้ได้รับความเป็นธรรมด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งมองว่าทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เข้ามามีส่วนช่วยเหลือกลุ่มผู้ผลิตอีกทางหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ใหม่ๆ เพื่อใช้ในการผลิต เป็นต้น
“การปรับราคาสินค้าของกลุ่มซี.พี.นั้น ต้องขึ้นอยู่กับสินค้าแต่ละชนิดและต้นทุนการผลิตด้วย โดยขณะนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าจะมีการปรับราคาสินค้าหรือไม่ ส่วนความคิดเห็นส่วนตัว มองว่ากลไกของตลาด ถือเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด ที่ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกลไกดังกล่าวนี้ ได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด”
ผู้ผลิตชี้ปล่อยตามกลไกตลาด
แหล่งข่าวจากผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม กล่าวถึงการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงของกรมการค้าภายในว่า มาแทรกแซงตลาดที่ปลายทางทำให้ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำกว่าความเป็นจริงทั้ง ๆ ที่ ปกติกลุ่มเกษตรกรก็เป็นกลุ่มที่ถูกกดราคามาจากกลุ่มพ่อค้าคนกลางมาโดยตลอด ที่ถูกแล้วรัฐบาลควรจะประกันราคาขั้นต่ำและส่งเสริมให้ราคาของสินค้าเกษตรอยู่ในระดับความเป็นจริงของตลาด เพื่อเกษตรกรจะได้รับเม็ดเงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
“กรมการค้าภายในควรสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริโภคแทนการเข้าแทรกแซง เพราะรายได้ของเกษตรกรนั้น ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทานของตลาด เมื่อสินค้ามีราคาดีเพราะอุปสงค์มีมาก กรมการค้าภายในก็ควรให้เกษตรกรได้รับประโยชน์บ้าง”แหล่งข่าวคนเดียวกัน กล่าว
เอกชนเฉือนกำไรลดราคา 3 เดือน
นายไพศาล จงบัญญัติเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี –เมจิ จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯได้ให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐช่วยปรับราคาสินค้าลดลงเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคเป็นระยะเวลา 3 เดือน ในจำนวนสินค้า 3 รายการ คือโยเกิร์ต เมจิ บิวตี้ ไบรตต์ จากราคา 12 บาทลดเหลือ 10 บาท, นมเปรี้ยว คัลเจอร์ โยเกิร์ต จากราคา 7 บาทลดเหลือ 6 บาท และกาแฟพร้อมดื่มจาก 20 บาท ลดลงเหลือ 18 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ คาดว่าจะทำให้บริษัทฯมีผลกำไรลดลงไปประมาณ 9 ล้านบาท แต่หากต้องมีการลดราคาสินค้านานกว่านี้อีก คงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้นทุนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นภาครัฐควรเข้ามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ผลิตน้ำนม เพราะปัจจุบันต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบมีการปรับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำนมดิบที่มีการปรับราคาขึ้นมาจากกิโลกรัมละ 12.50 บาท เพิ่มเป็น 14.50 บาท และจากการที่ต้นทุนอาหารสัตว์มีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีแผนที่จะยื่นขอปรับราคาน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นเป็น 16.50 บาท ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากภาครัฐต้องการช่วยเหลือผู้บริโภค จึงยังไม่อนุมัติการขอปรับราคาน้ำนมดิบเพิ่มขึ้นครั้งนี้
บริษัทฯมีแผนที่จะปรับราคานมพาสเจอร์ไรซ์เพิ่มขึ้นอีก 8-10% ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่หลังจากยื่นเรื่องดังกล่าวไปกรมการค้าภายในได้ตีกลับเรื่องดังกล่าวมายังบริษัทฯจึงทำให้ไม่สามารถปรับราคาสินค้าขึ้นได้ ในขณะเดียวกันบริษัทฯก็ต้องตรึงราคาสินค้าไว้ เพราะการแข่งขันในตลาดค่อนข้างรุนแรง ทั้งนี้บริษัทฯได้มีการปรับราคานมพาสเจอร์ไรซ์มาแล้วครั้งหนึ่ง ในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
"ซันซิล" ขอไม่ขึ้นราคาแต่ลดปริมาณ
นางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้รีเฟรชแชมพูและครีมนวดซันซิลใหม่ทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้ปรับสูตรและบรรจุภัณฑ์ใหม่ พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ปรับลดปริมาณลงแต่จำหน่ายราคาเท่าเดิม อาทิ ขนาดเดิม 90 มล. ราคา 20 บาท เป็นเหลือขนาด 80 มล. ราคา 20 บาท ก่อนหน้านี้บริษัทวางแผนตั้งราคาสินค้าใกล้เคียงกับซันซิล ฟรุตตามิน ซึ่งมีราคาสูงกว่าซันซิลปกติ แต่เลือกที่จะไม่ขึ้นราคาและนำโมเดลลดปริมาณจำหน่ายเท่าเดิมมาใช้แทน อย่างไรก็ตามปกติการจำหน่ายแชมพูและครีมนวดประเทศไทย ถือว่าเป็นราคาขายโดยเฉลี่ยที่ต่ำอยู่แล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
"นมตราหมีฯ" จ่อคิวขึ้นราคา 5-10 %
นายสมศักดิ์ ชายะพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอฟแอนด์เอ็น แดรี่ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านอาหารและนมตราหมี คาร์เนชั่น ไมโล เปิดเผยว่า บริษัทได้ชะลอการปรับราคาสินค้าขึ้นมา 3 เดือนแล้ว และกำลังจะยื่นต่อกรมการค้าภายในเพื่อขอปรับราคาสินค้าในกลุ่มนมเพิ่มขึ้น 5-10% เนื่องจากต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะนมผงปรับเพิ่มขึ้นเท่าตัว แม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 10% แล้วก็ตาม แต่ราคาที่ปรับก็ยังไม่ครอบคลุมถึงต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลง 10%
ปชป. ดึงญัตติสินค้าแพงจี้ “มิ่ง” ชี้แจงกลางสภา
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมมีมติเสนอเลื่อนญัตติแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงขึ้นมาพิจารณาในวันพุธนี้ ( 12 มี.ค.)เนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ แม้ญัตติเรื่องอื่น ทั้ง การท่องเที่ยวหรือปัญหารอยเลื่อนเปลือกโลกจะสำคัญ แต่ควรหยิบยกปัญหาสินค้าราคาแพงขึ้นมาพิจารณาก่อน เพราะไม่ได้กระทบเฉพาะกับคนในเมืองใหญ่เท่านั้น แต่กระทบไปถึงประชาชนในชนบทที่อยู่ห่างไกลที่อาจจะได้รับผลกระทบมากกว่า แม้กระทรวงพาณิชย์จะมีมาตรการควบคุมราคมสินค้า
แต่ในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถทำได้ควบคุมได้ทั่วถึง จึงทำให้ราคาสินค้าในชนบทมีราคาสูงกว่าในเมือง และเกินกว่าราคาที่ควบคุม ซึ่งเชื่อว่าพรรคการเมืองอื่นจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แม้รมว.พาณิชย์จะมีการออกมาตรการควบคุมราคา60 รายการ แต่เห็นว่าเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้าส่วนหนึ่ง แต่เป็นการได้เฉพาะกลุ่มที่เข้ามาร่วมกับโครงการเท่านั้น และเห็นว่า ยังมีบางรายการที่ไม่จำเป็น และมีอีกหลายรายการที่สมควรจะต้องประกาศควบคุม ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่รัฐมนตรีจะได้มาชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ
น้ำมันพุ่ง Q3 สินค้าพุ่งกระฉูด
แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ระดับราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะนี้เอกชนมีความวิตกถึงปัญหาต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นอีกจากทั้งวัตถุดิบและค่าขนส่ง ขณะที่ราคาสินค้าที่มีต้นทุนสูงขึ้นก่อนหน้านี้กลับต้องถูกตรึงราคาสินค้าไว้จากนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ชั่วคราว 3- 6 เดือน
ดังนั้น อาจทำให้ปัญหาราคาสินค้าถูกอั้นไปปรับมากขึ้นในช่วงต้นไตรมาส 3 ได้ซึ่งรัฐบาลควรจะพิจารณานโยบายการสั่งลดราคาหรือตรึงราคาอย่างรอบคอบเฉพาะสินค้าที่มีการผูกขาดกิจการหรือเป็นรายใหญ่ที่มีศักยภาพลดต้นทุนได้เท่านั้น
ตรึงยาวระวังเอสเอ็มอีเดี้ยง
นายธนิต โสรัตน์ รองเลขาธิการสายงานเศรษฐกิจ ส.อ.ท.กล่าวยอมรับว่า จากระดับราคาน้ำมันตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจะมีผลกระทบให้ราคาปรับขึ้นได้อีกดังนั้นมาตรการลดราคาสินค้าหรือตรึงราคาสินค้าเอกชนเห็นด้วยที่จะดูแลประชาชนแต่ควรจะเป็นระยะสั้นเพียง 2-3 เดือนเท่านั้นเพราะหากเป็น 6 เดือนอาจจะกระทบกับผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมหรือเอสเอ็มอีที่ไม่มีกำลังต่อรองซึ่งทำให้ต้องขาดทุนในที่สุดหากอยู่ไม่ได้ก็จะกระทบกันเป็นลูกโซ่
หนุนดูแลราคาน้ำมันระยะสั้น
สำหรับมาตรการที่รัฐควรดูแลคือ ราคาน้ำมันในระยะสั้นที่ผิดปกตินี้เนื่องจากปกติดีเซลจะลดลงเมื่อหมดฤดูหนาวแต่เวลานี้ดีเซลกลับสูงขึ้นมากเพราะอากาศผิดปกติไปดังนั้นการที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) จะมีการประชุมวันนี้(12มี.ค.)เพื่อดูแลราคาน้ำมันรวม 90 สตางค์ต่อลิตรก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็ไม่ควรจะ
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมันกล่าวว่า แม้กพช.จะเห็นชอบแนวทางอุ้มราคาดีเซลทั้งหมดรวม 90 สตางค์ต่อลิตรในวันนี้คงจะช่วยชะลอการปรับขึ้นดีเซลไปแค่ 1-2 วันเท่านั้นเว้นแต่ปตท.จะตรึงยาวไปเป็นสัปดาห์หน้าแทนเพราะค่าการตลาดดีเซลติดลบ70 สตางค์ต่อลิตรแล้วและยังมีแนวโน้มราคาสิงคโปร์อาจปรับขึ้นอีกในการปิดตลาดวันที่ 11 มี.ค.นี้
น้ำมันโลกทำนิวไฮอีกทะลุ$ 109
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดไนเม็กซ์ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ (10) ช่วงหนึ่งมีราคาทำสถิติที่ 108.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลงมาปิดตลาดที่ 107.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.75 ดอลลาร์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันศุกร์(7)
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนเมษายน ในตลาดที่ลอนดอน เมื่อวันจันทร์ ในช่วงหนึ่งก็มีราคาทำสถิติที่ 104.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะลงมาปิดตลาดที่ 104.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.78 ดอลลาร์ จากราคาปิดที่ลอนดอน เมื่อวันศุกร์เช่นกัน
ต่อมาในการซื้อขายที่ตลาดในสิงคโปร์ เมื่อวานนี้(11) สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาเพิ่มขึ้น 12 เซ็นต์ จากราคาปิดที่นิวยอร์ก เมื่อวันจันทร์ มาอยู่ที่ 108.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์มีราคาเพิ่มขึ้น 4 เซ็นต์ มาอยู่ที่ 104.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หลังจากนั้น ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน เมื่อวานนี้ สัญญาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดมีราคาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 109.20 ดอลลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนลดลงมาซื้อขายกันที่ 108.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ก็มีราคาทำนิวไฮเช่นกันที่ 105.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากนั้นราคาลดลงมาซื้อขายกันที่ 105.06 ดอลลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 90 เซ็นต์ จากราคาปิดที่ตลาดลอนดอน เมื่อวันจันทร์
ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันทะยานทำสถิติสูงสุดอีกครั้งก็คือ เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าต่ำลงเรื่อยๆอันเป็นผลจากแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังก้าวสู่ภาวะถดถอย และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ ขณะที่นักลงทุนก็คาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอีก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำสุดทำสถิติเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดย 1 ยูโร แลกได้ 1.5464 ดอลลาร์ สำหรับการซื้อขายเมื่อวานนี้ 1 ยูโร แลกได้ 1.5362 ดอลลาร์
นอกจากนี้ บรรดานักเก็งกำไรก็หันมาทุ่มเงินซื้อสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อเป็นหลักประกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ท่ามกลางแนวโน้มที่ว่าการตัดลดดอกเบี้ยของเฟดจะยิ่งทำให้เงินเฟ้อพุ่งแรงขึ้น
ทางด้านไออีเอ หน่วยงานด้านพลังงาน ในสังกัดองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (โออีซีดี) อันเป็นองค์การศึกษาวิจัยของพวกประเทศพัฒนาแล้ว กล่าวว่าเฉพาะแค่แรงเก็งกำไรไม่สามารถทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงในระดับปัจจุบันได้ มีปัจจัยอื่นหนุนราคาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าฮวบ และปริมาณน้ำมันในคลังของประเทศต่างๆอยู่ในระดับจำกัด
ลอว์เรนซ์ อีเกิลส์ หัวหน้านักวิเคราะห์ของไออีเอ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “ตลาดดูเหมือนจะเรียกร้องให้องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) เพิ่มปริมาณการผลิต แต่โอเปกกลับยังคงกำลังผลิตไว้ที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นระดับต่ำ อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะไม่เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตน้ำมันเผื่อเหลือเผื่อขาดอีกด้วย”
อีเกิลส์คาดว่าดีมานด์น้ำมันในชาติอุตสาหกรรมรายใหญ่ของโลกจะลดลงเนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติเหล่านี้ชะลอตัวลง ในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงลิ่ว อย่างไรก็ดี ดีมานด์น้ำมันในประเทศนอกโออีซีดีน่าจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ