วานนี้(12 มี.ค.)ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าถึงคดีการหายตัวไปของ นายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิมว่า พนักงานสอบสวนประชุมร่วมกันอยู่เสมอ ยืนยันว่า คดีมีความคืบหน้า ในสัปดาห์หน้าน่าจะมีข่าวดี แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกไม่ได้ เนื่องจากต้องนำเสนอข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ก่อน
สำหรับประเด็นสำคัญคือ จะต้องพิสูจน์ว่านายสมชาย เสียชีวิตแล้ว เพราะการหายหัวไปของนายสมชาย ครบ 4 ปี แล้วโดย ไม่เคยติดต่อญาติสนิท จึงน่าจะเป็นไปได้ว่าเสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตาม การหายตัวของนายสมชาย เกี่ยวข้องกับการที่นายสมชาย เตรียมดำเนินคดีกับนายตำรวจชุดที่สอบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดีเจไอ ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีดีเอสไอกำชับมาโดยตลอดว่าคดีทนายสมชาย เป็นคดีที่มีความสำคัญในระดับชาติ ซึ่งดีเอสไอจะมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานี รับผิดชอบเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนต่อไป
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ล่าสุดดีเอสไอได้หลักฐานใหม่บ่งชี้ถึงสถานที่ซึ่งนายสมชาย ถูกนำตัวไปฆ่าและเผาทำลายศพ ซึ่งแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่าไม่ใช่พื้นที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งดีเอสไอเคยประสานขอให้ทหารนำกำลังปูพรมตรวจค้นบริเวณบ่อขยะ และแม่น้ำแม่กลอง ใน จ.ราชบุรี
วันเดียวกันเวลา 13.50 น.ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)ได้จัดเวทีแถลงข้อเสนอต่อรัฐบาลในหัวข้อ"4 ปีอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร กับความรับผิดชอบของรัฐบาลไทย"เนื่องในวาระครบรอบ 4 ปี ที่ทนายสมชายถูกอุ้มหายตัวไป
โดยก่อนการแถลงข่าวเวทีดังกล่าวได้เปิดวีดีโอภาพในอดีตที่ทนายสมชาย เคยเสวนา เรื่องสิทธิมนุษยชนใน 3 จังหวัดภาคใต้กับชาวมุสลิม ที่ศูนย์สันติชน ม.ราม เมื่อ 27 ก.พ.47 และได้เปิดสกู๊ปการหายตัวไปของนายสมชาย จากนั้น นางสาวประทับจิต นีละไพจิตร บุตรสาวทนายสมชาย ได้อ่านถ้อยแถลงที่นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาทนายสมชาย ได้เขียนไว้และเป็นฉบับเดียวกันกับที่นางอังคณา ได้นำไปยื่นต่อองค์การสหประชาชาติ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้ยูเอ็นติดตาม ตรวจสอบ กรณีคนหายในภาคใต้ และให้ยูเอ็นกระตุ้นรัฐบาลไทยให้เร่งคลี่คลายคดีการอุ้มฆ่าสมชาย โดยนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ
ถ้อยแถลงดังกล่าวได้เรียกร้องต่อรัฐบาลและกรมสอบสวนคดีพิเศษ แสดงความจริงใจในการสอบสวนคดีอย่างโปร่งใสเป็นธรรม มีความยุติธรรมในขบวนการสอบสวน และกล้าลงโทษตำรวจระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และขอให้ดีเอสไอกล้าที่จะออกหมายเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาสอบปากคำและให้การเป็นพยานกรณีที่มีคนใกล้ชิดเข้าไปค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ที่มีรูปถ่ายหน้าตรงของทนายสมชายไปโดยไม่แจ้งเหตุผล และขอเรียกร้องให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีดีเอสไอ เร่งสะสางคดีให้ความจริงปรากฏ และให้ดีเอสไอทำงานอย่างรัดกุม หาหลักฐานให้เพียงพอ เพื่อลงโทษคนผิดที่แท้จริง โดยไม่ต้องเร่งรีบนำเรื่องฟ้องร้อง โดยปราศจากพยานหลักฐานที่ชัดเจน
ทางด้านนายสมชาย หอมลออ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน ได้กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะ ป.ป.ช.เร่งคลี่คลายคดีและจับกุมตำรวจกองปราบที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาลงโทษต่อไป
สำหรับประเด็นสำคัญคือ จะต้องพิสูจน์ว่านายสมชาย เสียชีวิตแล้ว เพราะการหายหัวไปของนายสมชาย ครบ 4 ปี แล้วโดย ไม่เคยติดต่อญาติสนิท จึงน่าจะเป็นไปได้ว่าเสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตาม การหายตัวของนายสมชาย เกี่ยวข้องกับการที่นายสมชาย เตรียมดำเนินคดีกับนายตำรวจชุดที่สอบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดีเจไอ ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ด้าน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ โฆษกดีเอสไอ กล่าวว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีดีเอสไอกำชับมาโดยตลอดว่าคดีทนายสมชาย เป็นคดีที่มีความสำคัญในระดับชาติ ซึ่งดีเอสไอจะมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธานี รับผิดชอบเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนต่อไป
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ล่าสุดดีเอสไอได้หลักฐานใหม่บ่งชี้ถึงสถานที่ซึ่งนายสมชาย ถูกนำตัวไปฆ่าและเผาทำลายศพ ซึ่งแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่าไม่ใช่พื้นที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งดีเอสไอเคยประสานขอให้ทหารนำกำลังปูพรมตรวจค้นบริเวณบ่อขยะ และแม่น้ำแม่กลอง ใน จ.ราชบุรี
วันเดียวกันเวลา 13.50 น.ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)ได้จัดเวทีแถลงข้อเสนอต่อรัฐบาลในหัวข้อ"4 ปีอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร กับความรับผิดชอบของรัฐบาลไทย"เนื่องในวาระครบรอบ 4 ปี ที่ทนายสมชายถูกอุ้มหายตัวไป
โดยก่อนการแถลงข่าวเวทีดังกล่าวได้เปิดวีดีโอภาพในอดีตที่ทนายสมชาย เคยเสวนา เรื่องสิทธิมนุษยชนใน 3 จังหวัดภาคใต้กับชาวมุสลิม ที่ศูนย์สันติชน ม.ราม เมื่อ 27 ก.พ.47 และได้เปิดสกู๊ปการหายตัวไปของนายสมชาย จากนั้น นางสาวประทับจิต นีละไพจิตร บุตรสาวทนายสมชาย ได้อ่านถ้อยแถลงที่นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาทนายสมชาย ได้เขียนไว้และเป็นฉบับเดียวกันกับที่นางอังคณา ได้นำไปยื่นต่อองค์การสหประชาชาติ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้ยูเอ็นติดตาม ตรวจสอบ กรณีคนหายในภาคใต้ และให้ยูเอ็นกระตุ้นรัฐบาลไทยให้เร่งคลี่คลายคดีการอุ้มฆ่าสมชาย โดยนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ
ถ้อยแถลงดังกล่าวได้เรียกร้องต่อรัฐบาลและกรมสอบสวนคดีพิเศษ แสดงความจริงใจในการสอบสวนคดีอย่างโปร่งใสเป็นธรรม มีความยุติธรรมในขบวนการสอบสวน และกล้าลงโทษตำรวจระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และขอให้ดีเอสไอกล้าที่จะออกหมายเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาสอบปากคำและให้การเป็นพยานกรณีที่มีคนใกล้ชิดเข้าไปค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ที่มีรูปถ่ายหน้าตรงของทนายสมชายไปโดยไม่แจ้งเหตุผล และขอเรียกร้องให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีดีเอสไอ เร่งสะสางคดีให้ความจริงปรากฏ และให้ดีเอสไอทำงานอย่างรัดกุม หาหลักฐานให้เพียงพอ เพื่อลงโทษคนผิดที่แท้จริง โดยไม่ต้องเร่งรีบนำเรื่องฟ้องร้อง โดยปราศจากพยานหลักฐานที่ชัดเจน
ทางด้านนายสมชาย หอมลออ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน ได้กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะ ป.ป.ช.เร่งคลี่คลายคดีและจับกุมตำรวจกองปราบที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาลงโทษต่อไป