xs
xsm
sm
md
lg

“อังคณา” ท้าดีเอสไอเรียกตัว “ทักษิณ” เป็นพยานอุ้มสมชาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

4 ปีอุ้มทนายสมชาย “อังคณา” ร่อนแถลงการณ์จากที่ประชุมยูเอ็นทวงถามความจริงใจรัฐบาลสมัคร ท้าดีเอสไอนำตัว “ทักษิณ” เป็นพยาน เหตุเคยให้สัมภาษณ์ตอนเป็นนายกฯ ว่าสมชายตายแล้ว ในขณะที่เรียกร้องให้ “ทวี”เผยปมใครอุ้มเพราะคำพิพากษาระบุชัดว่ารู้เห็น ติงการทำงานดีเอสไอต้องรัดกุม หวั่นหากเร่งรัดจะไม่สามารถเอาผิดจริง

วันนี้ (12 มี.ค.) เวลา 13.30 น. ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์กรสิทธิมนุษยชนร่วมกันจัดเวทีแถลงข้อเสนอต่อรัฐบาลเนื่องในวาระครบรอบ 4 ปี การอุ้มหายทนายสมชาย นีละไพจิตร โดย น.ส.ประทับจิตร นีละไพจิตร บุตรสาวของทนายสมชายได้อ่านแถลงการณ์ของนางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาทนายสมชาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรายงานสถานการณ์สิทธมนุษยชนในที่ประชุมองค์การสหประชาชาติที่นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

แถลงการณ์ฉบับดังกล่าวระบุว่า กรณีการหายตัวไปของทนายสมชายเป็นหนึ่งในคดีที่ทางคณะทำงานด้านผู้สูญหายของสหประชาชาติรับไว้พิจารณา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในกรณีมีการร้องว่าเจ้าหน้าที่ตำรวนระดับสูงซ้อมทรมานผู้ต้องหาที่เป็นลูกความของทนายสมชาย ซึ่งเชื่อว่าการร้องเรียนดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ทนายสมชายถูกทำให้หายตัวไป

ภรรยาของทนายสมชายยังมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลและดีเอสไอให้แสดงความความจริงใจในการสอบสวนคดีดังกล่าวอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมเพื่อหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้ แม้ว่าผู้น้นจะเป็ฯเจ้าหน้าที่ระดับสูงก็ตาม ในขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้ดีเอสไอออกหมายเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาสอบปากคำและให้การเป็นพยาน

”พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เคยใหสัมภาษณ์สื่อมวลชนทุกแขนงเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2549 เกี่ยวกับคุณสมชาย นีละไพจิตร ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า “ทราบว่าเสียชีวิตแล้ว เพราะพบร่องรอยหลักฐาน” ซึ่งเป็นการให้ข่าวในฐานะนายกรัฐมนตรีจึงมีความน่าเชื่อถือและจะต้องมีหลักฐานเพียงพอที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะกล่าวเช่นนั้น”

นอกจากนี้ ยังมีข้อเรียกร้องให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในฐานะรักษาการณ์อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะต้องทำความจริงให้ปรากำว่ามีส่วนรับรู้ถึงการอุ้มคุณสมชายหรือไม่อย่างไร เนื่องจากในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นระบุถึงพยานโจทก์ปากหนึ่งว่า “พล.ต.ต.กฤษฏา พันธ์คงชื่น ได้รับทราบข้อมูลจาก พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรัตน์ ว่า พ.ต.ท.ชาญชัย ลิขิตคัณธศร พบกับกลุ่มบุคคลที่รู้จักบริเวณหน้ากองบังคับการปราบปรามและได้สอบถามบุคคลเหล่านั้นได้ความว่าจะไปอุ้มทนายโจร จึงได้เล่าให้ พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง ฟัง”

แถลงการณ์ของนางอังคณาเรียกร้องให้ดีเอสไอทำคดีดังกล่าวอย่างรัดกุม มีพยานหลักฐานเพียงพอในการที่จะสามารถดำเนินกับผู้กระทำผิดได้จริง โดยไม่ต้องรีบร้อน เร่งรีบ เพราะหากขาดพยานหลักฐานที่แน่ชัดจะไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลลงนามให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้คมครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหายของสหประชาชาติเพื่อเป็นหลักประกันและคุ้มครองทุกคนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากการอุ้มหาย

นางอังคณา ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การคลี่คลายการสูญหายของคุณสมชายจะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นกับความจริงใจของรัฐบาลและดีเอสไอว่าจะทำคดีได้อย่างเป็นธรรม โปร่งใส และปราศจากการแทรกแซงมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรมในขณะนี้ และท่านเองก็เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของจำเลยทั้ง 5 คนในคดีนี้มาก่อน นอกจากนี้ ระหว่างดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอเองก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจำเลยในคดีนี้

ทั้งนี้ นางอังคณา ในฐานะภรรยาทนายสมชายได้เดินทางเข้าร่วมประชุมด้านสิทธิมนุษยชนที่กรุงเจนีวา และมีภารกิจในการชี้แจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของทนายสมชายต่อคณะทำงานด้านการบังคับบุคคลให้สูญหายแห่งสหประชาชาติ พร้อมปัญหาและอุปสรรคตลอดช่วงเวลา 4 ปีของการสืบสวนสอบสวน นอกจากนี้ยังชี้แจงความคืบหน้ากรณีคนหายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 12 กรณีที่ทางคณะทำงานรับเป็นคดีไว้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางคณะทำงานประสานงานมายังรัฐบาลไทยเพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีต่างๆ และเสนอแนะให้คณะทำงานด้านการต่อต้านการซ้อมทรมาน สหประชาชาติเดินทางมาเยือนประเทศไทย

ด้านนายสมชาย หอมลออ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) เรียกร้องให้มีการเดินหน้าปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและตำรวจ โดยแก้ไขกฎหมายอาญาให้ครอบคลุมถึงความผิดเกี่ยวกับการบังคับให้สูญหาย ซึ่งในระดับสากลถือว่าเป็นอาชญากรรมสากลที่มีความผิดร้ายแรง

”ไม่ใช่แค่ความผิดสำหรับผู้ที่กระทำเท่านั้น แต่ผู้บังคับบัญชา หรือผู้ที่รู้เห็นเป็นใจ หรือรับรู้แต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการก็ถือว่ามีความผิดเช่นกัน ในกรณีนี้ ถ้าข้อเท็จจริงในสำนวนคำพิพากษาของศาลเป็นจริง รักษาการอธิบดีดีเอสไอก็ต้องรับผิดชอบและต้องถูกตั้งข้อหาด้วย”

นายสมชาย ยังเรียกร้องให้ ป.ป.ช.เร่งไต่สวนและชี้มูลความผิดในการตรวจสอบ กรณี พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร. กับพวกในฐานะเป็นพนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาในคดี 5 ผู้ต้องหาปล้นปืน เพื่อให้รับสารภาพจริงหรือไม่ เพราะนับตั้งแต่มีการมอบหมายงานให้ ป.ป.ช.จนถึงบัดนี้เป็นเวลาประมาณ 1 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

”หากรัฐบาลใหม่ของนายสมัคร สุนทรเวช ไม่ได้เป็นนอมีนีของอดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจริง ก็สมควรจะต้องแสดงสปิริตทางการเมืองและความบริสุทธิ์ใจ ในการสะสางคดีการอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร และคดีการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ผ่านมาในรัฐบาลก่อนให้คลี่คลายในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ข้อครหาเรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องตนเอง ก็จะกลายเป็นความจริง”
กำลังโหลดความคิดเห็น