xs
xsm
sm
md
lg

ทนายสมชาย ฤาจะตายฟรี !!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

“ขอเรียกร้องให้รัฐบาล และ ดีเอสไอ แสดงความจริงใจ สอบสวนคดีการสูญหายของทนายสมชาย นีละไพจิตร และขอให้กล้าหาญออกหมายเรียกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาสอบปากคำและให้การเป็นพยาน ในกรณีมีคนใกล้ชิดเข้าไปค้นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ที่มีรูปถ่ายหน้าตรงของทนายสมชายโดยไม่แจ้งเหตุผล” วรรคหนึ่งของถ้อยแถลงคำพูดเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่ “ประทับจิต นีละไพจิตร” ลูกสาวทนายสมชาย นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ที่ถูกอุ้มหายตัวไปเมื่อ 4 ปีก่อน ในระหว่างเปิดเวทีแถลงข้อเสนอของ 9 องค์กรสิทธิมนุษยชน เนื่องในวาระครบรอบ 4 ปี การอุ้มหาย ที่จัดขึ้นที่ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 12 มี.ค 51

ที่ผ่านมาความคืบหน้าของคดียังไม่เป็นที่พอใจของครอบครัวนีละไพจิตร ตัวนางอังคณา นีละไพจิตร ผู้เป็นภรรยา ได้เดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อสหประชาชาติ (UN) และยังคงเดินหน้ากระตุ้นเจ้าหน้าที่รัฐให้เร่งสืบหาหลักฐานและเร่งติดตามคลี่คลายคดีจนเป็นเหตุให้ถูกข่มขู่ ล่าสุด ได้ยื่นหนังสือขอให้ ดีเอสไอ ทบทวนนโยบายการคุ้มครองพยาน โดยระบุว่า ไม่มั่นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากมีการเปลี่ยนข้อบังคับจัดตั้งศูนย์คุ้มครองพยาน ที่มีผลตั้งแต่ 1 มี.ค.51

ตลอดเวลา 4 ปี ดีเอสไอ เปลี่ยนตัว อธิบดีหลายต่อหลายคน เริ่มตั้งแต่ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ และให้นายไกรสร บารมีอวยชัย รักษาการอธิบดีดีเอสไอ นายไกรสรเองก็ได้ “ประกาศไว้จะไม่ออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องจนกว่าจะมีหลักฐานแน่นหนารัดกุม เพื่อไม่ให้คดีทนายสมชายซ้ำรอยคดีปิกนิคที่ศาลยกฟ้อง" แต่คดีก็ยังไม่เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน จากนั้นได้แต่งตั้งนายสุนัย มโนมัยอุดม เป็นอธิบดีดีเอสไอ และได้ให้ความใส่ใจคดีนี้เป็นพิเศษ แต่ถูกเด้งไปเป็นเลขาป.ป.ท. ในสมัย “สมัคร สุนทรเวช” นอมินี “ทักษิณ ชินวัตร” ในยุคพลังประชาชนคืนชีพ โดยคนที่ลงมือเซ็นคำสั่งเด้งฟ้าผ่าครั้งนั้ คือ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม ให้เหตุผล ยืนยันว่า การโยกย้าย “สุนัย มโนมัยอุดม ไปเป็นเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.นั้น เป็นไปเพราะกรอบของกฎหมายบังคับให้ต้องมี ป.ป.ท.ใน 120 วัน ไม่เกี่ยวข้องกับมือที่มองไม่เห็น และ ยืนยันด้วยว่า ตนเองจะตั้งใจทำงานในกระทรวงด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม จากการบอกเล่าของ อังคณา นีละไพจิตร บอกว่า ขณะที่เข้าร้องขอความช่วยเหลือในการทบทวนนโยบายคุ้มครองพยาน “สุนัย มโนมัยอุดม” ได้พูดตัดพ้อกับตนเอง และปรับทุกข์ว่ามีคนโทรศัพท์ข่มขู่ ก่อนถูกย้าย

เมื่อเปลี่ยนตัวอธิบดีบ่อยครั้ง ระยะเวลาการทำงานของแต่ละคนที่จะสะสางคดีสำคัญก็มีน้อยนิด แต่เมื่อมีคนใหม่เข้ามาดูแลคดีก็น่าจะมีความต่อเนื่อง นี้ก็ผ่านมาแล้ว 4 ปี เหลือเวลาสืบค้นคดี เพียง 16 ปีเท่านั้น ฤาจะปล่อยให้หมดคดีความไปเปล่า หากเกินกว่านี้ทุกอย่างจะเป็นแค่เพียงตำนานการเล่าขานให้ลูกหลานฟัง ดังนั้น คดีทนายสมชายเป็นคดีที่ระดับนานาชาติ และ คนในประเทศไทยให้ความสนใจ ถือเป็นคดีตัวอย่างที่ท้าทายความสามารถที่นายตำรวจไทย และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้พิสูจน์ฝีมือ ในการค้นหาหลักฐาน ขยายผลสืบหาพยาน ตามจับผู้ต้องหา มาลงโทษรับกรรมไว ๆ หรือ จะให้ผู้ทำผิดลอยนวล เสวยสุขเถลิงอำนาจไปวัน ๆ

ก่อนหน้างานครบรอบ “รำลึก 4 ปี อุ้มหายทนายสมชาย กับความรับผิดชอบของรัฐบาลไทย” เพียง 1 วัน เมื่อ11 มี.ค. 51 ดีเอสไอ ได้รื้อคดีการหายตัวไปของนายอัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุ และคดีฆาตกรรมนักการทูตซาอุดีอาระเบีย ในคดีเพชรซาอุฯ มาปัดฝุ่น พร้อมดึงมืออาชีพมาช่วยเร่งสางคดีก่อนที่จะหมดอายุความ ไม่ว่าจะเป็น “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” อดีตรมว.มหาดไทย “กิตติพงษ์ กิตยารักษ์” รองปลัดฯยุติธรรม และบุคคลสำคัญอย่าง “พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์” อดีตอธิบดีดีเอสไอ คัมแบ็คมาช่วยงานพี่ชาย ดังนั้น นโยบายระดมกวาดล้างอาชญากรรม และ เร่งสางคดีค้างเก่า จะชัดเจนโปร่งใส เป็นมืออาชีพ ทำให้สากลยอมรับหรือไม่ ต้องติดตามดูกันต่อไป ส่วนคดีของทนายสมชายจะถูกจัดลำดับความสำคัญดั่งเช่นคดีอื่น ๆ หรือไม่ และแม้ว่าในวันที่ 12 มี.ค. 51 ครอบครัวนีละไพจิต และ กลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชนออกมาท้วงถามการสืบคดีจากรัฐ ซึ่งก็ได้รับความพอใจในระดับหนึ่ง โดย ดีเอสไอ บอกว่า คดีทนายสมชายคืบหน้าเล็กน้อย ล่าสุด พบหลักฐานซึ่งเป็นสถานที่ที่บ่งชี้เชื่อได้ว่าเป็นจุดที่คนร้ายนำศพนายสมชายไปเผาทำลาย แต่ยังบอกรายละเอียดเชิงลึกไม่ได้ แค่นี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่า คดีทนายสมชายยังไม่ถูกลืมเลือน จางหายไป

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความคืบหน้าขึ้นมาบ้าง และ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีหลักฐานชัดเจนว่า นายสมชาย ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 4-5 คน เข้าประชิดตัวอุ้มหายไปกับรถตู้ ในย่านถนนรามคำแหงตั้งแต่ 12 มี.ค. 47 จึงมีการสืบพยานและมีการจับกุม พ.ต.ต.เงิน ทองสุก, พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์, จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง, ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต และ พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน ตำรวจสังกัดกองปราบปรามทั้ง 5 นาย ในข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์ และข่มขืนใจผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมา แต่คดีก็ต้องชะงักเมื่อศาลหลักฐานไม่พอต้องยกฟ้อง

แม้จะมีผู้ถูกพาดพิง มีส่วนเอี่ยวกับคดีนี้อีกมากมาย และ ครอบครับนีละไพจิตรเองก็ได้ร้องให้เร่งหาหลักฐานพยานจับ ตำรวจกองปราบ 10 นาย ที่เกี่ยวข้อง และระดับสูงที่พัวพันคดี แต่เชื่อว่าในยุคที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีดีเอสไอซึ่งเป็นผู้รู้ลึก รู้จริงในคดีนี้มาตลอด จะไม่นิ่งเฉย ปล่อยให้องค์กรมืดเปรียบเป็นม่านเหล็กอีกต่อไป

ต้องรอลุ้น กันว่าคดีทนายสมชายจะเป็นมวยล้ม ต้มคนดู หรือ การต่อสู้ของครอบครัวนีละไพจิตรจะสูญเปล่า หรือ ตัวทนายสมชายจะตายฟรี !! จุดจบของคดีจะเป็นเช่นไรเป็นเรื่องที่น่าติดตาม



กำลังโหลดความคิดเห็น