xs
xsm
sm
md
lg

เย้ย“รมต.ไข่แม้ว”สอบตกแต่ได้ดีเพราะใคร จวก“โฆษก นปก.”ใช้ทำเนียบด่าพันธมิตรฯ - ท้าเผยแหล่งท่อน้ำเลี้ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 11 มีนาคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกได้กล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า วันนี้น่าจะได้เรียนรู้แล้วว่า ไม่สามารถใช้ชีวิตในประเทศไทยที่ได้ตามปกติอย่างคนทั่วๆ ไป ดังนั้นจึงเลือกที่จะเดินทางไปประเทศที่ตัวเองคิดว่าอยู่แล้วปลอดภัยและสบายใจ อย่างเช่น ญี่ปุ่น หรืออังกฤษ

ส่วนกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่าอดีตแกนนำ นปก.ได้ดีเพราะความสามารถ ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ทำไมไม่เคยเห็นอดีตแกนนำ นปก.ได้ดิบได้ดีอย่างทุกวันนี้ แม้แต่ตัวนายนพดลเอง ลงเลือกตั้งแล้วชนะกี่ครั้ง แล้วที่ได้เป็นรัฐมนตรีครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะการออกมาแก้ต่างให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณในทุกเรื่อง นายนภดลจะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่

กรณีที่นายนภดลอ้างว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการยึดอำนาจ แต่มาตามวิถีประชาธิปไตย ขณะเดียวกันพันธมิตรก็เป็นสมาชิกพรรคการเมืองขอให้มาเล่นกันในระบบรัฐสภานั้น ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า นายนภดลห้ามพันธมิตรฯ เคลื่อนไหว แต่ขณะเดียวกัน นปก.กลับยังเคลื่อนไหวอยู่ และนายนพดล กำลังเข้าใจผิดว่า ประชาธิปไตย หมายถึงระบบที่ทุกคนมีสิทธิมีเสียงผ่านรัฐสภาเพียงเท่านั้น

กลุ่มพันธมิตรฯ แม้ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอย่างชัดเจน แต่ก็ถูกรับรองโดยสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญให้ก่อตั้งเป็นองค์กร นี่เป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิ์แสดงความคิดความเห็น การชุมนุมการเคลื่อนไหวโดยสงบอหิงสาและปราศจากอาวุธนั้นทำได้ ดังนั้นการที่ นายนพดล ชอบกล่าวพาดพิงพันธมิตรฯ ก็เพราะไม่เคยหยุดพูดเรื่องเหตุการณ์ในประเทศ ชอบพูดแต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของมวลชน ถ้าอย่างนั้นรัฐธรรมนูญก็เขียนให้ตั้งกลุ่ม นปก.ได้เพียงกลุ่มเดียวในประเทศไทยไปเลย

“วันนี้ยังไม่เห็น รมว.ต่างประเทศ แสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารงานแม่แต่น้อย เห็นแต่กระบวนการที่น่าสงสัยว่า เป็นการล้างแค้นทั้งนั้น ทำไมพันธมิตรฯ จะพูดถึงรัฐบาลและรัฐมนตรีไม่ได้ ทีนายจักรภพ เพ็ญแข เป็นถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังใช้เวทีของรัฐสภาด่าพันธมิตรฯ ที่อยู่นอกสภาได้ รวมทั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ยังมาใช้เวทีการแถลงข่าวมติคณะรัฐมนตรีมาต่อว่าพันธมิตรฯ อีก”

ส่วนการที่นายณัฐวุฒิ บอกว่าให้แกนนำพันธมิตรไปทำความเข้าใจกันเรื่องเงิน 400 ล้านบาท ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล บอกว่าได้นำมาใช้ในการเคลื่อนไหวขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า นายณัฐวุฒิ ไม่ควรนำประสบการณ์ส่วนตัวมาวัดคนอื่น กลุ่มพันธมิตรฯ ก่อตัวขึ้น ซึ่งค่ายผู้จัดการ โดยนายสนธิ ได้ตัดสินใจเข้าร่วมต่อสู้เพื่อยืนหยัดในความถูกต้อง ทำให้สปอนเซอร์รายใหญ่ต้องถอนตัว จนองค์กรเดือดร้อน ขณะที่การถ่ายทอดสดการชุมนุมของเอเอสทีวีต้องมีค่าใช้จ่าย โดยที่ไม่มีสปอนเซอร์เข้ามา ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเดือนละประมาณ 20 ล้านบาท สู้กันมาเป็นปีจะไม่ถึง 400 ล้านได้อย่างไร นายสนธิต้องขายทรัพย์สินส่วนตัวไม่รู้เท่าไหร่

สำหรับเงินที่ได้จากสปอนเซอร์ อย่างทีพีไอนั้น ก็ไม่ใช่ได้มาฟรีๆ ทุกอย่างต้องมีเงื่อนไข การเปิดช่องสุวรรณภูมิต้องมีสัญญา คนต้องรู้จักปูนทีพีไอผ่านเอสเอสทีวี ทุกอย่างทำตามระบบ

ส่วนเงินบริจาคจากผู้ร่วมชุมนุมนั้น 5 แกนนำไม่ได้แตกแม้แต่บาทเดียว เรามีคณะกรรมการที่รับบริจาคและทำการตรวจนับแล้วประกาศยอดรวมที่ได้รับ และยอดรายจ่ายทุกคืน เป็นขั้นเป็นตอน ขณะที่การชุมนุมของ นปก.กล้าเปิดเผยหรือไม่ว่าได้ค่าใช้จ่ายมาอย่างไร แล้วการที่แกนนำได้ลงหุ้นกันก่อตั้งพีทีวีคนละ 10 ล้าน 20 ล้านนั้น ได้เงินมาจากไหน นปก.น่าจะประกาศด้วย เพราะฉะนั้นการที่นายณัฐวุฒิให้พันธมิตรมาเคลียร์กันเรื่องเงินนั้น มันคนละมาตรฐานกันกับ นปก.

จวก 2 ดร.ธรรมศาสตร์ ไม่อ่าน รธน.

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที รศ.วรพล พรหมิกบุตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา และ รศ.ดร.พิชิต ลิขิตจิตสมบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยกลุ่มคนอ้างเป็นตัวแทนนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและสันติวิธี เข้าพบตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ไม่แน่ใจอาจารย์ทั้งสองท่านได้อ่านกฎหมายดีแล้วหรือไม่

ทั้งนี้กฎหมายได้ให้สิทธิเสรีภาพประชาชนในการแสดงความคิดเห็น หากจะมาคิดว่า การติติงการทำงานรัฐบาลไม่สามารถทำได้ แล้วการละเมิดสิทธิประชาชนนอกรัฐสภา การประท้วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของกลุ่ม นปก. ขณะนั้นอาจารย์ทั้งสองท่านทำไมไม่ออกมาทำอะไรบ้าง จนนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีกับอาจารย์ทั้งสองท่านถึงกับโพสต์แสดงความคิดเห็นตำหนิอาจารย์ทั้งสองท่านผ่านเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวด้วยว่า แถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ทุกครั้ง พันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นตัวกำหนด สถานการณ์ของเหตุและปัจจัยที่เกิดขึ้นของรัฐบาลเป็นตัวกำหนด ทั้งการโยกย้ายข้าราชการ การขัดขวางมาตรการซีแอล รัฐมนตรีมัวแต่รักษาผลประโยชน์ จนประชาชนต้องออกมาต่อต้านเข้าชื่อถอดถอนรัฐมนตรีกันเป็นจำนวนมาก แต่นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข กลับไม่สนใจยังจะเดินหน้า ขณะเดียววันนี้ยังแสดงวุฒิภาวะ ทัศนะคติที่แปลก โดยเฉพาะคำพูดที่บอกว่า”มือปืนเรียกหัวหน้า”จะไปที่ไหนก็มาเคลียร์ว่าอย่ายิงพวกเรา มันแปลกเป็นถึงรัฐมนตรีทำไมถึงกล้าพูดคำนี้ออกมา จึงไม่แปลกที่คนทั่วไปจะไม่มั่นใจกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อนาคตของกระทรวงจะเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

งง “สมชัย”สอดโยกย้าย ตร.

ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงการโยกย้าย พ.ต.อ.สังวรณ์ ภู่ไพจิตรกุล รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ซึ่งกำลังทำคดีของผู้มีอิทธิพลทางการเมืองในพื้นที่หลายคดี ไปช่วยราชการที่จังหวัดศรีสะเกษว่า ล่าสุด นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านการสืบสวนสอบสวน ออกมาให้ความเห็นว่า คงไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่เป็นเพราะมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีที่ไม่จับกุมผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ยามวิกาลและเอามาเป็นพยานในคดีซื้อเสียง จนทำให้ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชนถูกใบแดง

เรื่องนี้ พ.ต.อ.สังวรณ์ ได้ตอบโต้ว่า นายสมชัยน่าจะเข้าใจผิด เพราะเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระกัน เนื่องจาก สภ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ดไม่ได้ประสานมาว่านายเตียงที่เป็นพยานใบแดงนั้นเป็นผู้ต้องหาลักทรัพย์ในยามวิกาล และตนไม่รู้จักนายเตียงมาก่อน แต่เมื่อนายเตียงมาร้อง กกต.ว่า มีการซื้อเสียง ตนในฐานะเป็น กกต.จังหวัดด้วย จึงนำมาเป็นพยาน

ผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการโยกย้ายตำรวจ นายสมชัยเป็น กกต.แล้วมาช่วยอธิบายเหตุผลการโยกย้าย ไม่ทราบว่านายสมชัยเกี่ยวอะไรด้วย นายสมชัยเองยังบอกว่า เมื่อมีคำสั่งย้ายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติชัดเจนแล้วว่าเป็นเพราะบกพร่องต่อหน้าที่ กกต.เข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ แล้วนายสมชัยออกมาพูดทำไม

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า มีวาทกรรมที่ชอบพูดกันว่า การโยกย้ายข้าราชการที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะรัฐบาลก่อนที่มาจากการรัฐประหารก็มีการโยกย้ายกันมาก แต่จริงๆ แล้วการโยกย้ายอย่างผิดปกติเกิดขึ้นมาตั้งสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว

และการโยกย้ายครั้งนี้ก็เกิดขึ้นอย่างโจ๋งครึ่ม ดังกรณีการย้าย พ.ต.อ.สังวรณ์ที่เป็นคนทำคดีสำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์ เช่น ดคีการบุกรุกที่ดินรถไฟของตระกูลชิดชอบ คดีใบแดงของผู้สมัคร ส.ส.พลังประชาชน รวมไปถึงกรณีการย้ายตำรวจที่เชียงรายก็เกี่ยวข้องกับการให้ใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ กันหลายครั้ง จะให้เรียกว่าเป็นการโยกย้ายที่เป็นธรรมได้อย่างไร

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ก่อนที่จะพูดว่าเป็นเรื่องปกติของการโยกย้าย ทำไมไม่ดูเนื้อหาก่อนว่าคนที่ถูกย้ายกำลังทำคดีอะไรอยู่บ้าง ไม่ใช่พูดง่ายๆ แค่ว่าทุกยุคทุคสมัยก็มีการโยกย้าย แต่ควรจะมองว่าเป็นการข้าราชการที่ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต โดยไม่เป็นธรรมหรือไม่

สำหรับการย้าย พ.ต.อ.สังวรณ์นั้น มีการเสนอย้าย พ.ต.อ.สมบัติ คงพิบูลย์ รอง ผบก.ภ.สกลนครไปทำหน้าที่แทน อ้างว่าเพื่อเป็นการเหมาะสม แต่ก็มีคำถามว่าตำรวจคนนี้มีความใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ ใช่เรือไม่ สิ่งเหล่านี้ ทำให้มองเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมต้นน้ำจะมีมาตรฐานให้คนเชื่อมั่นในความยุติธรรม หรือไม่ถูกกลั่นแกล้ง ได้หรือไม่

“ทำไมสื่อไม่สนใจว่า การโยกย้าย พ.ต.อ.สังวรณ์เป็นธรรมหรือไม่ เขาเป็นตำรวจที่ตรวจสอบการรุกที่ดินรถไฟบุรีรัมย์แล้วบอกว่าผิด หลังจากนั้นก็ถูกย้าย เรื่องนี้คงต้องถาม พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาการ ผบ.ตร.ด้วยว่า พร้อมที่จะยืนหยัดนำคดีต่างๆ ทั้งที่บุรีรัมย์ และเชียงราย ให้เกิดความเป็นธรรมได้หรือไม่ จะอ้างว่าเป็นเรื่องของระดับล่างไม่ได้ เพราะการโยกย้ายเกิดขึ้นทั่วไปหมด พล.ต.อ.พัชรวาท จะทำให้เชื่อมั่นได้หรือไม่”

เตือน ขรก.รับคำสั่ง รมต.โยงคดีหวย

ต่อมา ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงกรณีที่ คตส.ยื่นฟ้องคดีหวยบนดินต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง โดยมีรัฐมนตรี 3 คนของรัฐบาลชุดนี้เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย คือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และ รมว.คลัง นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน และนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคม ซึ่งตามกฎหมาย ป.ป.ช.แล้ว เมื่อมีการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ผู้ถูกกล่าวหาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้ จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติ หรือศาลฎีกาฯ จะมีคำพิพากษา แล้วแต่กรณี

ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า โดยความเห็นส่วนตัว ถือว่า รัฐมนตรีทั้ง 3 คนปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่สนองรับคำสั่งของรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ระมัดระวังการทำผิดกฎหมายไว้ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น