xs
xsm
sm
md
lg

Thai-PBS อวย‘ยุทธ ตู้เย็น’เต็มที่ ให้โอกาสเปิดใจเดี่ยวเกือบชั่วโมง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการออนไลน์ – โทรทัศน์สาธารณะปล่อยเวลาให้ ยงยุทธ ติยะไพรัช จ้อชั่วโมงเต็มๆ ฉายเดี่ยวแสดงทัศนะกรณีใบแดงกกต. เจ้าตัวยังยืนยันคำเดิมมีการแต่งพยานหลักฐาน-ป้ายสี-ล่อซื้อ อัดนายพลในกองทัพแทรกแซง กกต. ระบุทักษิณยุ่งการเมืองในฐานะประชาชนคนหนึ่งไม่เห็นแปลก เผยดีใจด้วยหากคนมีความสุขกับฉายา‘ยุทธ ตู้เย็น’

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "ยงยุทธ ติยะไพรัช" เปิดใจกับรายการตอบโจทย์ทางสถานี Thai-PBS

วันนี้ (3 มี.ค.) รายการ “ตอบโจทย์” ทางสถานีโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอสได้เชิญนายยงยุทธ ติยะไพรัช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วนพรรคพลังประชาชนและประธานรัฐสภามาแสดงความเห็นถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่วนใหญ่ 3 ต่อ 2 ให้ส่งความเห็นไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ กรณีทำผิดกฎหมายเลือกตั้งกรณีซื้อเสียง และสอบถามเกี่ยวกับชีวิตและอนาคตทางการเมือง โดยใช้ชื่อตอนของรายการว่า ‘เปิดใจ ... ยงยุทธ’

เริ่มต้นรายการพิธีกรนายภัทร จึงการกุลได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับคดีทุจริตซื้อเสียงเลือกตั้งในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 โดยนายยงยุทธยังคงกล่าวปฏิเสธการกระทำผิด โดยระบุว่าถ้าตนจะซื้อเสียงจริงไม่ต้องมาถึงกรุงเทพก็ซื้อเสียงได้

“ผมเกิดอยู่เชียงราย ที่อำเภอแม่จัน ผมไม่จำเป็นต้องเชิญคนเหล่านั้นมาที่กรุงเทพ ถ้าผมจะซื้อเสียง” นายยงยุทธกล่าว พร้อมระบุด้วยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการแต่งพยานหลักฐานทั้งสิ้น ระบุ กกต.-ตำรวจสันติบาล สอบสวนอย่างไม่โปร่งใส เหมือนกระบวนการล่อซื้อเพื่อให้ครบองค์ประกอบเท่านั้น พร้อมกล่าวด้วยว่าอนุกรรมการชุดที่สองที่ตั้งมาแทนชุดของสันติบาลนั้นไม่ได้สอบสวนตนเพิ่มเติมจากชุดของสันติบาลเลย นายยงยุทธยังกล่าวด้วยว่าแท้จริงแล้วตนเองเป็นคนดีแต่ถูกจับข้อมูลให้คนอื่นเห็นว่าเป็นคนชั่ว

“ที่ผมเจ็บปวดหัวใจที่สุดคือ กกต.ท่านหนึ่ง โดยเฉพาะประธานที่สอบ นี่คือข้อเท็จจริง ที่ไปแถลงข่าว ผมขอดูซีดี 4 วันติดต่อกัน วันสุดท้ายพอทางสันติบาลคุณชัยยะ (พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล) เอาซีดีไปให้ช่วงบ่าย บอกว่าแจ้งผมไปแล้วผมไม่มา เหมือนกับว่าผมถ่วงเวลาเพราะผมมีความผิดแล้วไม่อยากดู ทุ่มหนึ่ง กกต.ปิดแล้วผมต้องเดินทางไปที่โน่นไปแสดงความจำนงว่าผมดูจากข่าวโทรทัศน์นะ จากทีวีว่าผมยังไม่ได้รับแจ้งพอรับทราบข่าวทางทีวีว่าประธานอนุกรรมการสอบบอกว่าแจ้งผมแล้วผมไม่มา ผมเสียหาย ” ประธานรัฐสภากล่าว “ในซีดีนั้นนะครับมีนายทหารท่านหนึ่งด่าผมสาดเสียเทเสีย หาว่าผมเป็นคนชั่ว เป็นคนไม่ดี ... แล้วยังมีการด่าอดีตผู้นำและอ้างสถาบันเบื้องสูงด้วย ซึ่งถ้าเอามาฉายแล้วจะมีความแตกแยกทางสังคม”

อัดสองพลเอกแทรกแซง กกต.

เมื่อพิธีกรถามถึงกรณีที่หลังการทราบผลใบแดง นายยงยุทธได้กล่าวพาดพิงถึงนายทหารยศ พลเอกสองนายว่าเข้าไปแทรกแซง กกต. นั้นเป็นอย่างไร นายยงยุทธได้ตอบว่า มีคนหนึ่งไปบอกให้ กกต.ลาออก ส่วนอีกคนหนึ่งไปเล่าให้ กกต.บางท่านฟังว่าตนเองเป็นคนชั่ว คนไม่ดี ฆ่าคนเยอะ ทั้งนี้ตนคิดว่า กกต.นั้นรู้อยู่แก่ใจ

สำหรับ กรณี พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติฟ้องร้องต่อ กกต. กรณีนายยงยุทธกล่าวหมิ่นประมาทนั้น นายยงยุทธปฏิเสธว่าตนไม่ได้ระบุชื่อใคร พร้อมอ้างว่า หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นั้นตนถูกกระทำจากฝ่ายทหารมาก

“สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เป็นความบาดหมางในใจของคนทั่วไปที่รักความยุติธรรม ผมก็จะไม่เป็นตัวเชื้อหรือเป็นชนวนที่จะทำให้เกิดปัญหาเช่นนั้น กรณีในส่วนของ พล.อ.สมเจตน์เอง วันนี้จะบอกว่าไม่เป็นปฏิปักษ์กับผมนี้ไม่ได้เลย เพราะว่าวันนี้ท่านฟ้องกกต.นะครับ ท่านไม่ได้เป็นผู้สมัคร แต่ฟ้องกกต.ผม ซึ่งผมต้องไปชี้แจงในวันที่ 6 นี้เช่นกัน” ทั้งนี้นายยงยุทธปฏิเสธว่าในการปราศรัยที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว ตนไม่ได้หมิ่นประมาทใคร เพราะตนไม่ได้ระบุชื่อ เพียงแต่ระบุตัวย่อเพราะตนเองรู้ข้อกฎหมายดี

ขู่ ทหารคมช.จะคุ้ยงบลับ 200ล.

ต่อมาเมื่อพิธีกรถามว่า วันนี้เมื่อพรรคพลังประชาชนของนายยงยุทธได้เป็นรัฐบาลแล้วจะมีการล้างแค้นหรือคิดบัญชีกับทหารที่เคยเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือไม่ นายยงยุทธตอบว่าไม่คิดแต่กล่าวว่า

“แต่ว่าสิ่งที่คนในวงการทหารยังสงสัยอยู่คือ งบราชการลับที่ออกมาไม่ต่ำกว่าสองร้อยล้านบาทที่รวมกันมาทั้งหมดนี่เอาไปทำอะไร ถึงแม้จะเป็นงบลับที่ไม่รู้แต่ต้องถาม เพราะว่าภัยคุกคามในส่วนอื่นไม่มี อันนี้ผมเห็นว่าน่าตรวจสอบ”

บิดเบือน ชี้‘ทักษิณ’ควรมีสิทธิออกความเห็น

ต่อข้อถามที่ว่าคิดอย่างไรกับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาและประกาศว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก ในกรณีนี้นายยงยุทธตอบอย่างหน้าตายว่าคนทุกคนหนีการเมืองไม่พ้นอยู่แล้ว และ พ.ต.ท.ทักษิณก็แค่ออกความเห็นไม่ได้ทำอย่างอื่น

“คนไทยทุกคน มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ แม้กระทั่งในครอบครัวหนีคำว่าการเมืองไม่พ้น การเมืองในครอบครัว การเมืองในชาติ แต่ว่าการเมืองจะเข้ามามีบทบาทในการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้นท่านบอกท่านไม่เอา แต่ว่าการเมืองในฐานะที่เป็นพลเมืองคนไทย ในการที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ถ้าหากสิทธินั้นกลับคืนมา หรือเป็นการออกความเห็นเรื่องกับปัญหาเศรษฐกิจ ถ้าหากมีการคิดว่ายังมีการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ผมก็คิดว่าอันนั้นก็คือการตัดแขนตัดขาบุคลากรของประเทศด้วยซ้ำไป”

ปฏิเสธไม่เกี่ยวย้าย ขรก.เชียงราย

กรณีที่มีการย้ายข้าราชการตำรวจจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดเชียงราย รวมถึงมีข่าวลือว่าจะมีการย้ายข้าราชการส่วนอื่นๆ ในจังหวัดเชียงราย เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ไม่ใช่พรรคพวกของนายยงยุทธด้วยนั้น นายยงยุทธได้กล่าวตอบว่า การย้ายตำรวจนั้นเป็นหน้าที่ของผู้บังคับการสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องไปถามเหตุผลกับ ผบ.ตร.เอง ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่าในช่วงแรกนายยงยุทธได้หลุดปากกล่าวพาดพิงถึงนายตำรวจระดับผู้การฯ จังหวัดรวมไปถึงตำรวจระดับสูงในจังหวัดเชียงรายอื่นๆ ด้วย แต่เมื่อคิดได้ก็กล่าวเลี่ยงไปเสีย

“เรื่องที่ผมทราบมา โดยเฉพาะผู้การฯ เชียงราย เราก็รู้ ทราบกันดีว่า …” นายยงยุทธกล่าวตอบในตอนต้น แต่อึ้งไปสักพักก่อนกล่าวเลี่ยงไปถึงกรณีที่ตำรวจชั้นประทวนในจังหวัดนั้นเป็นผู้ถูกชักจูงและถูกกลั่นแกล้งโดยตลอดเมื่อการเมืองเปลี่ยน

เมื่อพิธีกรถามถึงว่า การย้าย พ.ต.อ.เอกพงศ์ อมรมุนีพงศ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่จัน จ.เชียงรายนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่ พ.ต.อ.เอกพงศ์ สร้างความยากลำบากให้นายยงยุทธระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายยงยุทธตอบว่า คงไม่ใช่เฉพาะ พ.ต.อ. คนดังกล่าวเพียงคนเดียว แต่เป็นเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงตามทั้งหมด ซึ่งก็เป็นไปตามเอกสารลับของ คมช.

เผยไม่เจ็บใจฉายา ‘ยุทธ ตู้เย็น’

เมื่อพิธีกรยกคำถามของผู้ชมทางบ้าน ถามถึงกรณีฉายา ‘ยุทธ ตู้เย็น’ ที่ได้มาจากกรณีปฏิบัติการสนองนโยบาย สงครามกับยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามนำโดย พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ นำหน่วยคอมมานโดบุกล้อมบ้านประชาชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2547 นายยงยุทธตอบโดยพยายามอธิบายว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกรณีดังกล่าวเพียงแต่ตอนนั้นตนไปตรวจสอบและไปเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายในฐานะเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

“ก็ไม่เป็นไร ถ้ามีความสุขก็ (อึ้งไปสักพัก) ... ผม ผมพูดถึงตั้งแต่รับตำแหน่งประธานสภาฯ ในขณะนั้น ก็มีการตั้งคำถามนี้ตลอดเวลาเหมือนกับต้องการตอกย้ำ เพื่อให้ผมเจ็บใจ ผมไม่ได้เจ็บใจ เพราะในช่วงนี้ศาลก็พักพิจารณาคดีในสิ่งเหล่านี้ไป … คดีนี้ พล.ต.ท.ก็เป็นผู้ต้องหาเช่นเดียวกับผม แล้วผู้ใหญ่หลายคน นายพลหลายคนก็ตกเป็นผู้ต้องหา” ประธานรัฐสภากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น