เราตั้งใจว่าจะแนะนำรัฐบาลใหม่โดยธรรม และจะให้กำลังใจรัฐบาลใหม่ของนายสมัคร สุนทรเวช แก้ไขเหตุวิกฤตชาติ แต่แล้วก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่คาดหมายไว้ รัฐบาลใหม่ฉายแววแห่งความป่าเถื่อน ทั้งนี้ก็เป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตา “เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนั้นจึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนั้นก็เกิดขึ้น” เพราะระบอบมิจฉาทิฐิ เป็นปัจจัยให้มีรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิ, เพราะรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิ ย่อมเป็นปัจจัยให้มีพรรคการเมืองมิจฉาทิฐิ, เพราะพรรคการเมืองมิจฉาทิฐิ ย่อมเป็นปัจจัยให้มีรัฐบาลมิจฉาทิฐิ, เพราะรัฐบาลมิจฉาทิฐิ... ย่อมเป็นปัจจัยให้ส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดพลอยเสียหาย ตกต่ำย่ำแย่ตามไปด้วย... น่าเห็นใจที่ประชาชนไทยต้องตกอยู่ใต้กรอบนี้มายาวนานกว่า 75 ปี ดุจตกอยู่ในหนองน้ำเน่า แต่ก็หามีผู้หลักผู้ใหญ่ใส่ใจคิดที่จะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติให้ตกไปไม่
จึงเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับการบริหารราชการแผ่นดินของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีผู้ไร้ศักดิ์ศรี นายกฯ คนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่นๆ ต่างก็ถูกหล่อหลอมมาจากระบอบเผด็จการมาตลอดทั้งชีวิต จึงไม่แปลกใจเลยที่เขาใช้อำนาจบาตรใหญ่ สันดานดิบ เหยียบย่ำทำลายล้างข้าราชการตงฉินอย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่างไม่เป็นธรรม โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง ที่จะต้องปลดเขาออกชนิดสุนัขไม่รับประทาน คนมีวุฒิภาวะเขาไม่ทำกัน ผู้บังคับบัญชาที่ดีมีคุณธรรมเขาไม่ทำอย่างนายสมัคร เราเชื่อว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนนี้ แน่นอนที่สุด เขาไม่มีศักดิ์ศรีจึงได้ยืนอยู่ข้างลูกชายนายบ่อนผู้มีอิทธิพลใหญ่คับฟ้าคับแผ่นดินคนหนึ่งและได้ทุ่มทุนให้กับพรรคฯ ที่ลูกชายสังกัด เมื่อได้เป็น ส.ส. ได้เป็นรัฐบาล การล้างแค้นด้วยแรงอาฆาตก็เกิดขึ้น แผนยืมดาบฆ่าคนจึงบรรลุผล ใช่หรือไม่
หลักและวิธีการในความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง กับข้าราชการ นักการเมืองเป็นผู้ใช้อำนาจตามนโยบายที่ได้ประกาศสัญญาไว้กับประชาชน ส่วนข้าราชการคือผู้ปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐอย่างรอบคอบโปร่งใสให้เป็นผลสำเร็จโดยชอบธรรม
ถามว่า รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นับถึงวันนี้ได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินได้กี่วัน ข้าราชการคือผู้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลใหม่นี้ได้กี่วัน มันมีอะไรบกพร่อง มันมีเหตุผลอะไรถึงได้ใช้วิชามารกลั่นแกล้งโยกย้าย ปลดกันในลักษณะนี้ ไม่มีเหตุผล นอกจาก (นายบ่อนใหญ่ผู้ทรงอิทธิพล) “ระบายแค้น” การกระทำของนายกฯ ผู้นี้จึงเป็นที่พอใจยินดีของพวกผีป่าซาตาน อิทธิพลมืด ปล้นชาติ กดขี่ข่มเหงประชาชนเท่านั้น ส่วนสาธุชนคนดีผู้อ่านทั้งหลายหาได้เห็นด้วยไม่
นายสมัคร สุนทรเวช ถ้าท่านมีวุฒิภาวะ เป็นคนดี เป็นนักบริหารที่ดีมีน้ำใจนักกีฬา ก็ควรที่จะได้เรียกข้าราชการนั้นๆ ที่ตนเห็นว่ามีปัญหา มารับนโยบาย หรือสอบถามการทำงาน ถ้ามีข้อบกพร่องก็แนะนำให้แก้ไข หรือไม่ก็สืบสวนจนแน่ชัดว่ามีความบกพร่องในหน้าที่ มีหลักฐานแจ่มชัดจริงๆ จึงได้ตัดสินใจโยกย้าย ให้ออก ปลดออก หรือลงโทษตามระเบียบของทางราชการ แต่อย่าไปหวังเลยว่านายสมัคร สุนทรเวช ผู้มีจุดยืนในการรักษาผลประโยชน์บุคคล มากกว่าผลประโยชน์ชาติ จะเข้าใจได้
การทำงานของนายกฯ คนใหม่คนนี้ฟังความข้างเดียว “ปลดออกก่อนแล้วสอบสวน” นี่มันลักษณะเผด็จการชัดๆ เป็นเผด็จการยิ่งกว่าเผด็จการ ประเทศไทยถูกพวกลัทธิเผด็จการ 2 รูปแบบครอบงำมายาวนาน จนกระทั่งทำให้ไอ้พวกผีเปรตเผด็จการ ไม่รู้ตัวหรอกว่ามันเป็นเผด็จการ ในทำนองเดียวกันพวกเผด็จการมันจะไม่รู้หรอกว่ามันกำลังคอร์รัปชัน โกงกินบ้านเมือง ปล้นประชาชน แม้จะถูกตัดสินให้ขังคุก พวกมันก็จะอ้างว่า “ตนถูกกลั่นแกล้ง” เสมอไป ดุจดัง “นกไม่รู้จักฟ้า ปลาไม่รู้จักน้ำ หนอนไม่รู้จักคูถที่ดูดกิน เผด็จการย่อมไม่รู้ว่าตนคือเผด็จการ” และพวกเผด็จการมักจะพูดว่า “กูมาจากการเลือกตั้ง กูมีความชอบธรรมและถูกต้องเสมอไป” แท้จริงคือซื้อเสียงมาทั้งนั้น เพราะความอ่อนแอ และความไม่รู้เท่าทันของชาวบ้าน
การบริหารราชการแผ่นดินโดยธรรม คือ “ตงฉินย่อมกำจัดกังฉินผู้โกงกินชาติ” “ปราบคนพาลอภิบาลคนดี” ส่วนการบริหารราชการแผ่นดินของนายสมัคร สุนทรเวช นำโดยพรรคพลังประชาชน เป็นธรรมดาที่ว่า “กังฉินย่อมต้องเชิดชูกังฉิน” “กังฉินต้องกำจัดตงฉินผู้ซื่อตรงต่อชาติและประชาชนให้พ้นทาง” การบริหาราชการแผ่นดินของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นการข่มขู่ข้าราชการตงฉินผู้ตั้งอยู่ในธรรม ให้สยบยอม รับช่วงใช้อยู่ใต้อำนาจบาตรใหญ่ ในอีกทางหนึ่ง
ผู้รู้จักเผด็จการ ย่อมรู้จักนายสมัคร สุนทรเวช เป็นอย่างดี และรัฐบาลนี้เห็นทีจะมีแต่พวกนักการเมืองและข้าราชการ ประจบสอพลอ ลิ้นยาวเลียแข้งเลียขารักษาประโยชน์บุคคล ท่านทั้งหลายคงเห็นประจักษ์ชัดว่า ผู้รักษาประโยชน์ของบุคคล และพวกพ้องเป็นใหญ่ ต่างก็ได้ดิบได้ดีเป็นใหญ่กันถ้วนหน้า ส่วนพวกที่เห็นแก่ประเทศชาติและราชบัลลังก์กลับถูกปลด ข้าราชการดีๆ ซื่อสัตย์ ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาก็จะหมดกำลังใจ ไหลตามน้ำ ทำเป็นมองไม่เห็น เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ และเป็นสัญญาณบอกเตือนให้เรารู้ว่าในอนาคตข้างหน้าของรัฐบาลชุดนี้จะมีการคอร์รัปชันกันใหญ่โตมโหฬารเช่นเดิม เพียงไม่กี่วันที่ได้เป็นนายกฯ นายสมัคร สุนทรเวช ก็ได้แสดงให้เห็น “สันดานเดิม” ไม่เคยเปลี่ยน
ว่าโดยธรรม เดิมโลกนี้ไม่มีทั้งพืชและสัตว์ มีแต่ธาตุเท่านั้นที่กำลังเป็นไปตามเหตุปัจจัยของกฎอิทัปปัจจยตา วิวัฒนาการจากสิ่งไม่มีชีวิต ไปสู่สิ่งมีชีวิต ใน 2 ลักษณะ คือ แบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างหนึ่ง แบบก้าวกระโดดอย่างหนึ่ง เป็นปัจจัยก่อให้เกิดพืช สัตว์ และสัตว์ได้วิวัฒนาการถึงขั้นสูงสุดทางกายภาพเป็นมนุษย์ ส่วนทางนามธรรมมนุษย์สามารถเข้าถึงสภาวะบริสุทธิ์สูงสุด (นิพพาน,นิโรธธาตุ) เรากล่าวโดยย่อว่า “สรรพชีวิตทั้งหลายคือการวิวัฒนาไปสู่นิโรธธาตุ, นิพพานธาตุ, อสังขตธาตุ อันเป็นธาตุบริสุทธิ์สูงสุด” เป็นธาตุแห่งความดีสูงสุด เป็นธรรมอันสูงสุด เป็นสภาวะความสุขสูงสุด เป็นอมตธาตุ หรือเป็นอมตธรรม อันเป็นลักษณะทั่วไป (ครอบคลุมเหตุปัจจัยอื่นทั้งหมด) เป็นสภาวะที่พ้นจากกฎไตรลักษณ์ จึงเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่ง ทั้งสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิตทั้งปวง
สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนรักความก้าวหน้า รักสุข เกลียดทุกข์ สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการอยู่ดี มีสุข ก้าวหน้า ก้าวหน้าไปสู่ความดีสมบูรณ์สูงสุด อันเป็นไปตามวิถีแห่งกฎธรรมชาตินั่นเอง
เราจะสังเกตได้ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายกำลังวิวัฒนาการ ก้าวหน้าไปสู่ความดียิ่งๆ ขึ้นไปตามกฎธรรมชาติหรือกฎแห่งกรรม สมดังพระพุทธเจ้าตรัสว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” กฎแห่งกรรมนี้ หรือนัยหนึ่งคือกฎอิทัปปัจจยตา เป็นกฎที่มีความเป็นธรรมที่สุด มีความยุติธรรมสูงสุด โดยไม่เลือกหน้าอินทร์ หน้าพรหม ไม่เลือกยาจก วณิพก หรือราชา ถ้าใครคิดดีทำดี ย่อมได้ดี ถ้าใครคิดชั่วทำชั่วย่อมได้ชั่ว
อีกนัยหนึ่งกรรมชั่วจะวิวัฒนาการไปในทางถอยหลัง ตกทุกข์ได้ยาก ส่วนกรรมดีจะวิวัฒนาการไปในทางก้าวหน้า สุขยิ่งๆ ขึ้นไป
ถ้าพวกเรามีความฉลาด ผู้ปกครองฉลาดรู้จริง ก็จะทำการสร้างการเมืองการปกครองไปในทิศทางเดียวกับการวิวัฒนาการตามวิถีแห่งกฎธรรมชาติ เป็นหนึ่งเดียวกับกฎธรรมชาติ
ในทางตรงกันข้าม การสร้างระบอบการเมืองและรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิ อันเป็นลักษณะทั่วไป ของชาติ คือครอบงำประชาชนไทยไว้ทั้งหมด รัฐธรรมมิจฉาทิฐิ ความชั่วอันใหญ่มหึมากลับกลายเป็นศูนย์กลางของประชาชน ดังนี้ แน่นอนที่สุด มันจึงเป็นปัจจัยให้คนชั่วเป็นใหญ่ในแผ่นดิน สรรพความชั่วทั้งหลายย่อมเจริญงอกงามในแผ่นดิน และยากที่จะต้านทานได้
ท่านผู้อ่านทั้งหลายท่านคงเห็นเป็นประจักษ์ เพราะรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิ รัฐบาลมิจฉาทิฐิ กลไกรัฐอันใหญ่ยิ่งเป็นมิจฉาทิฐิ ดังนี้แล้ว เราจะเห็นได้ว่าอำนาจ พลังแห่งคุณธรรมในแผ่นดิน คุณธรรมของสถาบันชาติ ประชาชน องค์กรต่างๆ สถาบันพระศาสนา และพลังแห่งพระมหากษัตริย์ 60 ปี ซึ่งมากกว่า 3,000 โครงการ ก็ไม่อาจจะต้านทานความเลวร้ายที่เกิดจากอำนาจทางการเมืองมิจฉาทิฐินี้ได้
ดังนั้น การที่เราจะก่นด่า ประท้วง แนะนำตักเตือนในปัญหาบุคคลเพียงด้านเดียว หาเพียงพอไม่ และไม่สามารถนำไปสู่การแก้เหตุวิกฤตของชาติได้ เหตุวิกฤตแห่งปัญหาของชาติดุจดังน้ำเน่า อันเป็นปัญหาลักษณะทั่วไป คือเป็นปัญหาร่วมของคนไทยทุกคน ส่วนปัญหาบุคคล เช่น นายสมัคร ฯลฯ เป็นต้น ดุจดังปลาปิรันย่า หรือสัตว์น้ำผู้เกเร ตายไป หรือหมดอำนาจไป ปลาตัวใหม่มาก็จะสร้างปัญหาเช่นเดิมอีก เราเชื่อว่าต่อปัญหาดังกล่าวนี้ พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นประมุขเข้าใจเป็นอย่างดี
ขอแสดงความเห็นใจ และเป็นกำลังใจให้สำหรับ “คนดีวีรบุรุษนาแก” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประวัติการทำงานดีเด่นเป็นประจักษ์มายาวนาน ถึงแม้ว่าจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มากมายนานัปการ แต่ท่านก็ยังอดทน อดทน และอดทนทำงานอุทิศตนเพื่องานราชการของกรมตำรวจ เราเชื่อว่า “คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” ขอให้รักษาความดี ดุจเกลือรักษาความเค็มต่อไป และต่อไป คนดีอย่าท้อแท้ “คนดีต้องร่วมมือกันต่อสู้ ป้องกันคนชั่วขึ้นเป็นใหญ่”
เป็นความชอบธรรม เป็นกรรมดีแล้ว สำหรับองค์กรต่างๆ ทั่วประเทศ เตรียมออกมาเคลื่อนไหวกรณีนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เราต้องให้โอกาสคนดีทำงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจงเหตุผลของการสั่งย้ายในครั้งนี้ให้ชัดเจนต่อประชาชน และเราขอให้สาธุชนคนดีทั้งหลายเรียกร้องให้ท่าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ออกมาเป็นผู้นำ ถือธรรมเป็นใหญ่ เพื่อให้พระราชปณิธานแห่งองค์พระมหากษัตริย์ไทยเป็นจริงในเร็ววัน
จึงเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับการบริหารราชการแผ่นดินของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีผู้ไร้ศักดิ์ศรี นายกฯ คนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่นๆ ต่างก็ถูกหล่อหลอมมาจากระบอบเผด็จการมาตลอดทั้งชีวิต จึงไม่แปลกใจเลยที่เขาใช้อำนาจบาตรใหญ่ สันดานดิบ เหยียบย่ำทำลายล้างข้าราชการตงฉินอย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่างไม่เป็นธรรม โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง ที่จะต้องปลดเขาออกชนิดสุนัขไม่รับประทาน คนมีวุฒิภาวะเขาไม่ทำกัน ผู้บังคับบัญชาที่ดีมีคุณธรรมเขาไม่ทำอย่างนายสมัคร เราเชื่อว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนนี้ แน่นอนที่สุด เขาไม่มีศักดิ์ศรีจึงได้ยืนอยู่ข้างลูกชายนายบ่อนผู้มีอิทธิพลใหญ่คับฟ้าคับแผ่นดินคนหนึ่งและได้ทุ่มทุนให้กับพรรคฯ ที่ลูกชายสังกัด เมื่อได้เป็น ส.ส. ได้เป็นรัฐบาล การล้างแค้นด้วยแรงอาฆาตก็เกิดขึ้น แผนยืมดาบฆ่าคนจึงบรรลุผล ใช่หรือไม่
หลักและวิธีการในความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง กับข้าราชการ นักการเมืองเป็นผู้ใช้อำนาจตามนโยบายที่ได้ประกาศสัญญาไว้กับประชาชน ส่วนข้าราชการคือผู้ปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐอย่างรอบคอบโปร่งใสให้เป็นผลสำเร็จโดยชอบธรรม
ถามว่า รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นับถึงวันนี้ได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินได้กี่วัน ข้าราชการคือผู้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลใหม่นี้ได้กี่วัน มันมีอะไรบกพร่อง มันมีเหตุผลอะไรถึงได้ใช้วิชามารกลั่นแกล้งโยกย้าย ปลดกันในลักษณะนี้ ไม่มีเหตุผล นอกจาก (นายบ่อนใหญ่ผู้ทรงอิทธิพล) “ระบายแค้น” การกระทำของนายกฯ ผู้นี้จึงเป็นที่พอใจยินดีของพวกผีป่าซาตาน อิทธิพลมืด ปล้นชาติ กดขี่ข่มเหงประชาชนเท่านั้น ส่วนสาธุชนคนดีผู้อ่านทั้งหลายหาได้เห็นด้วยไม่
นายสมัคร สุนทรเวช ถ้าท่านมีวุฒิภาวะ เป็นคนดี เป็นนักบริหารที่ดีมีน้ำใจนักกีฬา ก็ควรที่จะได้เรียกข้าราชการนั้นๆ ที่ตนเห็นว่ามีปัญหา มารับนโยบาย หรือสอบถามการทำงาน ถ้ามีข้อบกพร่องก็แนะนำให้แก้ไข หรือไม่ก็สืบสวนจนแน่ชัดว่ามีความบกพร่องในหน้าที่ มีหลักฐานแจ่มชัดจริงๆ จึงได้ตัดสินใจโยกย้าย ให้ออก ปลดออก หรือลงโทษตามระเบียบของทางราชการ แต่อย่าไปหวังเลยว่านายสมัคร สุนทรเวช ผู้มีจุดยืนในการรักษาผลประโยชน์บุคคล มากกว่าผลประโยชน์ชาติ จะเข้าใจได้
การทำงานของนายกฯ คนใหม่คนนี้ฟังความข้างเดียว “ปลดออกก่อนแล้วสอบสวน” นี่มันลักษณะเผด็จการชัดๆ เป็นเผด็จการยิ่งกว่าเผด็จการ ประเทศไทยถูกพวกลัทธิเผด็จการ 2 รูปแบบครอบงำมายาวนาน จนกระทั่งทำให้ไอ้พวกผีเปรตเผด็จการ ไม่รู้ตัวหรอกว่ามันเป็นเผด็จการ ในทำนองเดียวกันพวกเผด็จการมันจะไม่รู้หรอกว่ามันกำลังคอร์รัปชัน โกงกินบ้านเมือง ปล้นประชาชน แม้จะถูกตัดสินให้ขังคุก พวกมันก็จะอ้างว่า “ตนถูกกลั่นแกล้ง” เสมอไป ดุจดัง “นกไม่รู้จักฟ้า ปลาไม่รู้จักน้ำ หนอนไม่รู้จักคูถที่ดูดกิน เผด็จการย่อมไม่รู้ว่าตนคือเผด็จการ” และพวกเผด็จการมักจะพูดว่า “กูมาจากการเลือกตั้ง กูมีความชอบธรรมและถูกต้องเสมอไป” แท้จริงคือซื้อเสียงมาทั้งนั้น เพราะความอ่อนแอ และความไม่รู้เท่าทันของชาวบ้าน
การบริหารราชการแผ่นดินโดยธรรม คือ “ตงฉินย่อมกำจัดกังฉินผู้โกงกินชาติ” “ปราบคนพาลอภิบาลคนดี” ส่วนการบริหารราชการแผ่นดินของนายสมัคร สุนทรเวช นำโดยพรรคพลังประชาชน เป็นธรรมดาที่ว่า “กังฉินย่อมต้องเชิดชูกังฉิน” “กังฉินต้องกำจัดตงฉินผู้ซื่อตรงต่อชาติและประชาชนให้พ้นทาง” การบริหาราชการแผ่นดินของนายสมัคร สุนทรเวช เป็นการข่มขู่ข้าราชการตงฉินผู้ตั้งอยู่ในธรรม ให้สยบยอม รับช่วงใช้อยู่ใต้อำนาจบาตรใหญ่ ในอีกทางหนึ่ง
ผู้รู้จักเผด็จการ ย่อมรู้จักนายสมัคร สุนทรเวช เป็นอย่างดี และรัฐบาลนี้เห็นทีจะมีแต่พวกนักการเมืองและข้าราชการ ประจบสอพลอ ลิ้นยาวเลียแข้งเลียขารักษาประโยชน์บุคคล ท่านทั้งหลายคงเห็นประจักษ์ชัดว่า ผู้รักษาประโยชน์ของบุคคล และพวกพ้องเป็นใหญ่ ต่างก็ได้ดิบได้ดีเป็นใหญ่กันถ้วนหน้า ส่วนพวกที่เห็นแก่ประเทศชาติและราชบัลลังก์กลับถูกปลด ข้าราชการดีๆ ซื่อสัตย์ ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาก็จะหมดกำลังใจ ไหลตามน้ำ ทำเป็นมองไม่เห็น เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ และเป็นสัญญาณบอกเตือนให้เรารู้ว่าในอนาคตข้างหน้าของรัฐบาลชุดนี้จะมีการคอร์รัปชันกันใหญ่โตมโหฬารเช่นเดิม เพียงไม่กี่วันที่ได้เป็นนายกฯ นายสมัคร สุนทรเวช ก็ได้แสดงให้เห็น “สันดานเดิม” ไม่เคยเปลี่ยน
ว่าโดยธรรม เดิมโลกนี้ไม่มีทั้งพืชและสัตว์ มีแต่ธาตุเท่านั้นที่กำลังเป็นไปตามเหตุปัจจัยของกฎอิทัปปัจจยตา วิวัฒนาการจากสิ่งไม่มีชีวิต ไปสู่สิ่งมีชีวิต ใน 2 ลักษณะ คือ แบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างหนึ่ง แบบก้าวกระโดดอย่างหนึ่ง เป็นปัจจัยก่อให้เกิดพืช สัตว์ และสัตว์ได้วิวัฒนาการถึงขั้นสูงสุดทางกายภาพเป็นมนุษย์ ส่วนทางนามธรรมมนุษย์สามารถเข้าถึงสภาวะบริสุทธิ์สูงสุด (นิพพาน,นิโรธธาตุ) เรากล่าวโดยย่อว่า “สรรพชีวิตทั้งหลายคือการวิวัฒนาไปสู่นิโรธธาตุ, นิพพานธาตุ, อสังขตธาตุ อันเป็นธาตุบริสุทธิ์สูงสุด” เป็นธาตุแห่งความดีสูงสุด เป็นธรรมอันสูงสุด เป็นสภาวะความสุขสูงสุด เป็นอมตธาตุ หรือเป็นอมตธรรม อันเป็นลักษณะทั่วไป (ครอบคลุมเหตุปัจจัยอื่นทั้งหมด) เป็นสภาวะที่พ้นจากกฎไตรลักษณ์ จึงเป็นศูนย์กลางของสรรพสิ่ง ทั้งสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิตทั้งปวง
สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนรักความก้าวหน้า รักสุข เกลียดทุกข์ สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการอยู่ดี มีสุข ก้าวหน้า ก้าวหน้าไปสู่ความดีสมบูรณ์สูงสุด อันเป็นไปตามวิถีแห่งกฎธรรมชาตินั่นเอง
เราจะสังเกตได้ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายกำลังวิวัฒนาการ ก้าวหน้าไปสู่ความดียิ่งๆ ขึ้นไปตามกฎธรรมชาติหรือกฎแห่งกรรม สมดังพระพุทธเจ้าตรัสว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” กฎแห่งกรรมนี้ หรือนัยหนึ่งคือกฎอิทัปปัจจยตา เป็นกฎที่มีความเป็นธรรมที่สุด มีความยุติธรรมสูงสุด โดยไม่เลือกหน้าอินทร์ หน้าพรหม ไม่เลือกยาจก วณิพก หรือราชา ถ้าใครคิดดีทำดี ย่อมได้ดี ถ้าใครคิดชั่วทำชั่วย่อมได้ชั่ว
อีกนัยหนึ่งกรรมชั่วจะวิวัฒนาการไปในทางถอยหลัง ตกทุกข์ได้ยาก ส่วนกรรมดีจะวิวัฒนาการไปในทางก้าวหน้า สุขยิ่งๆ ขึ้นไป
ถ้าพวกเรามีความฉลาด ผู้ปกครองฉลาดรู้จริง ก็จะทำการสร้างการเมืองการปกครองไปในทิศทางเดียวกับการวิวัฒนาการตามวิถีแห่งกฎธรรมชาติ เป็นหนึ่งเดียวกับกฎธรรมชาติ
ในทางตรงกันข้าม การสร้างระบอบการเมืองและรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิ อันเป็นลักษณะทั่วไป ของชาติ คือครอบงำประชาชนไทยไว้ทั้งหมด รัฐธรรมมิจฉาทิฐิ ความชั่วอันใหญ่มหึมากลับกลายเป็นศูนย์กลางของประชาชน ดังนี้ แน่นอนที่สุด มันจึงเป็นปัจจัยให้คนชั่วเป็นใหญ่ในแผ่นดิน สรรพความชั่วทั้งหลายย่อมเจริญงอกงามในแผ่นดิน และยากที่จะต้านทานได้
ท่านผู้อ่านทั้งหลายท่านคงเห็นเป็นประจักษ์ เพราะรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิ รัฐบาลมิจฉาทิฐิ กลไกรัฐอันใหญ่ยิ่งเป็นมิจฉาทิฐิ ดังนี้แล้ว เราจะเห็นได้ว่าอำนาจ พลังแห่งคุณธรรมในแผ่นดิน คุณธรรมของสถาบันชาติ ประชาชน องค์กรต่างๆ สถาบันพระศาสนา และพลังแห่งพระมหากษัตริย์ 60 ปี ซึ่งมากกว่า 3,000 โครงการ ก็ไม่อาจจะต้านทานความเลวร้ายที่เกิดจากอำนาจทางการเมืองมิจฉาทิฐินี้ได้
ดังนั้น การที่เราจะก่นด่า ประท้วง แนะนำตักเตือนในปัญหาบุคคลเพียงด้านเดียว หาเพียงพอไม่ และไม่สามารถนำไปสู่การแก้เหตุวิกฤตของชาติได้ เหตุวิกฤตแห่งปัญหาของชาติดุจดังน้ำเน่า อันเป็นปัญหาลักษณะทั่วไป คือเป็นปัญหาร่วมของคนไทยทุกคน ส่วนปัญหาบุคคล เช่น นายสมัคร ฯลฯ เป็นต้น ดุจดังปลาปิรันย่า หรือสัตว์น้ำผู้เกเร ตายไป หรือหมดอำนาจไป ปลาตัวใหม่มาก็จะสร้างปัญหาเช่นเดิมอีก เราเชื่อว่าต่อปัญหาดังกล่าวนี้ พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นประมุขเข้าใจเป็นอย่างดี
ขอแสดงความเห็นใจ และเป็นกำลังใจให้สำหรับ “คนดีวีรบุรุษนาแก” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประวัติการทำงานดีเด่นเป็นประจักษ์มายาวนาน ถึงแม้ว่าจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มากมายนานัปการ แต่ท่านก็ยังอดทน อดทน และอดทนทำงานอุทิศตนเพื่องานราชการของกรมตำรวจ เราเชื่อว่า “คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” ขอให้รักษาความดี ดุจเกลือรักษาความเค็มต่อไป และต่อไป คนดีอย่าท้อแท้ “คนดีต้องร่วมมือกันต่อสู้ ป้องกันคนชั่วขึ้นเป็นใหญ่”
เป็นความชอบธรรม เป็นกรรมดีแล้ว สำหรับองค์กรต่างๆ ทั่วประเทศ เตรียมออกมาเคลื่อนไหวกรณีนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เราต้องให้โอกาสคนดีทำงาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจงเหตุผลของการสั่งย้ายในครั้งนี้ให้ชัดเจนต่อประชาชน และเราขอให้สาธุชนคนดีทั้งหลายเรียกร้องให้ท่าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ออกมาเป็นผู้นำ ถือธรรมเป็นใหญ่ เพื่อให้พระราชปณิธานแห่งองค์พระมหากษัตริย์ไทยเป็นจริงในเร็ววัน
