“จำลอง”เผยพันธมิตรฯ ต้องประเมินสถานการณ์ให้รอบคอบ ก่อนกำหนดแนวทางเคลื่อนไหว 5 มี.ค.นี้ ย้ำเกาะติด “หมัก1”ทุกฝีก้าว เชื่อมีรังแก ขรก.ประจำอีกแน่ พร้อมชี้ เหตุย้าย “เสรีพิศุทธ์”แค่ข้ออ้างดัน “ญาติแม้ว”คุมตำรวจ-ช่วยตระกูลชินฯ หลุดคดี บอกตลก ด่าลูกน้องแล้วโดนเด้ง
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ดำเนินรายการโดยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี ทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ในประเด็นการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของรัฐบาลชุดนี้ว่า กรณีการย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ตนทราบระแคะระคายมาก่อนแล้วว่า จะมีการย้าย โดยที่เหตุผลที่เอามาอ้างนั้นไม่น่าจะใช่เหตุผลจริงๆ
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า กรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีอ้างว่าได้เลือกเอาวิธีการที่เบาที่สุดตามที่มีคนเสนอมา 3 ข้อนั้น ความจริงนายสมัครไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับทั้ง 3 ข้อเลย ในฐานะที่นายสมัครเป็นหัวหน้ารัฐบาลและเป็นผู้รับผิดชอบ ก็มีสิทธิที่จะไม่คล้อยตามได้ หากนายสมัครเป็นนายกฯ จริงๆ และมีอำนาจเต็ม
“เขาเสนอมาในฐานะที่เขาเป็นผู้เสนอ แต่เราในฐานะที่เป็นหัวหน้า เราต้องตัดสินใจว่า นี่ไม่ใช่หรอก อย่างนี้ไม่ได้ อย่างนี้ไม่ถูกหรอก มันสามารถทำได้ เพราะตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งสำคัญที่กุมคดีใหญ่ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะในต่างจังหวัดมีคดีคนสำคัญของพรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาลด้วย” พล.ต.จำลองกล่าว
พล.ต.จำลองกล่าวต่อว่า ที่นายสมัครอ้างว่า มีคนเสนอมา 3 วิธีและเลือกเอาที่เบาที่สุด โดยอ้างว่าเป็นการแสดงน้ำใจนั้น ทำไมนายสมัครไม่เลือกเอาที่ถูกต้องที่สุด ทำไมไปเลือกที่เบาที่สุด หรือว่าจริงๆ แล้ว แค่ต้องการหาเหตุมาพูดพอให้มีเหตุมีผล เพราะถึงอย่างไรต้องย้ายอยู่แล้ว เนื่องจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และกุมคดีสำคัญๆ ไว้มาก
ทั้งนี้ มีคดีเกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 6 คดี ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง โดยบอกว่ามีคนขอมา แล้วขณะนี้คดีได้กลับมาสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ผบ.ตร.
นอกจากนี้ยังมีคดีแกนนำ นปก.ก่อความวุ่นวายหน้าบ้านพักพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ คดีนี้จะเป็นอย่างไรเรื่องพยานหลักฐานหลังจากนี้ แล้วยังมีคดีกุหลาบแก้ว นอมินีของเทมาเส็กที่มาซื้อหุ้นชินคอร์ปฯ ซึ่งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เอาจริงกับคดีนี้มาก มีคนที่ถูกกล่าวหาแล้ว ดาโต๊ะสุรินทร์ ซึ่งพัวพันกับการขายหุ้นชินคอร์ปฯ 7.3 หมื่นล้านให้กับเทมาเส็ก
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าคิด ถ้าดูตามการทำงานของคุณเสรีพิศุทธ์ หลายครั้งที่ถูกกลั่นแกล้ง แต่ทุกครั้งชนะหมด ลองไปทบทวนดู”
ตลกเหตุผลด่าลูกน้องแล้วโดนเด้ง
พล.ต.จำลองกล่าวต่อว่า เหตุผลการย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ข้อหนึ่งที่ว่า ไปพูดไม่เพราะกับลูกน้องนั้น เป็นเรื่องที่แปลก เพราะคำพูดของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นั้นเป็นกันเองแม้ว่าจะค่อนข้างดุ แต่การเอาไปเป็นเหตุผลของการย้ายนั้นตลกมาก
นายเจิมศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ในคำกล่าวหาได้เขียนไว้ดูแล้วกำกวมว่า ผบ.ตร.มีถ้อยคำที่ไม่บังควร ซึ่งถ้าคนทั่วไปได้ยินคำว่า “ไม่บังควร” ก็รู้สึกเหมือนไปละเมิดสถาบัน แต่เรื่องนี้เนื่องมาจากผู้ใต้บังคับบัญชาต้องการให้ระงับการแข่งขันกีฬาภายในเนื่องจากอยู่ในช่วงการไว้ทุกข์ 100 วัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงบอกกลับไปว่า เรื่องกีฬาเป็นเรื่องของพละกำลัง พลามัยของกำลังพล และเป็นเรื่องภายใน ไม่ใช่การบันเทิงเริงรมย์หรือมหรสพ เพราะฉะนั้นสมควรจัดได้ แม้จะมีมติ ครม.ให้ไว้ทุกข์งดการรื่นเริง 100 วัน เพียงแต่ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ใช้คำแรงไปว่า “ควายหรือไงคนคิด”เป็นการสื่อสารกับลูกน้อง
“เขาเขียนดูดีว่า “ใช้ถ้อยคำที่ไม่บังควร” คนฟังคล้ายว่าไม่ใช่พูดกับลูกน้องแล้ว แต่เป็นการพูดถึงสถาบันฯ นี่เป็นเทคนิคในการเขียนข้อความ” นายเจิมศักดิ์กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า กรณีการปลดนายสุนัย มโนมัยอุดม ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น ได้มีการแต่งตั้งคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ คือ พ.ต.อ.ทีวี สอดส่อง มาเป็นแทน ส่วนกรณีการย้าย ผบ.ตร.นั้น ก่อนหน้านี้ มีการเอา พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นมา ทั้งที่อาวุโสน้อยกว่า แต่ก็ย้ายข้ามหัวใครหลายๆ คนขึ้นมา รวมทั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ด้วย คราวนี้จึงน่าจับตามองว่า จะเป็นการแผ้วถางทางให้กับความคิดดั้งเดิมที่จะเอาคนของตัวเองขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.ให้ได้หรือไม่
“ถ้าเป็นอย่างนี้ ใครๆ ก็คิดว่า เอ๊ะมันเป็นไปได้หรือ ที่ยังดำรงคงมั่นความคิดเดิมที่จะย้ายขึ้นมาจะข้ามหัวใครก็แล้วแต่ ขอให้เป็นคนของเราก็แล้วกัน คือทำอะไรก็ตาม ถ้ามันมีสิ่งบอกเหตุที่ทำให้คนเขาเชื่อ เขาก็เชื่อตามนั่นแหละ”พล.ต.จำลองกล่าว
ส่วนการโยกย้ายในกระทรวงสาธารณสุข จนถูกหมอประท้วงด้วยการใช้มาตรการทางสังคม ไม่พูดไม่จา ไม่ไหว้รัฐมนตรีสาธารณสุขนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า ยังไม่เคยปรากฏเรื่องนี้มาก่อน ที่รัฐมนตรียังไม่ทำงานเลยก็ถูกต่อต้านอย่างขนานใหญ่แล้ว แสดงว่าคนในกระทรวงฯ คงจะอัดอั้นตันใจมาก และทราบว่า นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ที่ถูกย้ายจากตำแหน่งผู้อำนวยการ อย.นั้น เป็นคนดีมาก ตั้งแต่เป็นนักเรียนแพทย์และเป็นหมอชนบทก็เสียสละมาตลอด แต่รัฐมนตรีกลับมากล่าวหาว่าหมอชนบทเป็นหมอผี สร้างแรงกดดันเขา จนต้องมาทำพิธีไล่ผีออกจากกระทรวง
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของคนในกระทรวงสาธารณสุขนั้น จะมีการรวบรวมรายชื่อให้ครบ 2 หมื่นชื่อ เพื่อยื่นถอดถอนรัฐมนตรี ตามเงื่อนไขที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนให้ยื่นถอดถอนได้ง่ายขึ้น เพียงแต่ขั้นตอนจะต้องไปที่วุฒิสภา และขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช.ว่าจะชี้มูลความผิดหรือไม่ด้วย
**จวก“เหลิม”เหิมเกริมเปิด “บ่อน”เอาคะแนนไม่คำนึงถึงชาติ
กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย บอกว่า รัฐบาลชุดนี้ คงไม่ทำเฉพาะหวยบนดิน จะมีกาสิโนเกิดขึ้นด้วย พล.ต.จำลองกล่าวว่า เมื่อดูทุกอย่างประกอบกันแล้ว สรุปลงได้ว่า รัฐบาลนี้จะทำอะไรก็ได้ ใครจะว่ายังไงก็ช่าง เพราะมีอำนาจ โดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม ไม่คำนึงถึงผลเสียหายต่อบ้านเมือง จะทำเสียอย่าง
“การเลือกตั้งเสร็จแล้วนี่ ไม่ใช่ว่าประชาชนหมดอำนาจ เพราะเราคือเจ้าของประเทศ รัฐบาลเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว ถึงเวลามาก็มา ถึงเวลาไปก็ไป แต่ผู้ที่ยังอยู่คือประชาชน เราต้องสงวนสิทธิของเราไว้ ตามที่รัฐธรรมนูญรับรอง ไม่ใช่ว่าเลือกตั้งแล้ว คุณหมดสิทธิไปเลยนะ คุณอย่ามาเอ่ยนะ ฉันจะทำอะไรก็ได้ เพราะสิ่งที่ทำมันจะกระทบถึงรุ่นลูกรุ่นหลานเราด้วย”
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า อาจเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลต้องการแสดงให้เห็นว่าตัวเองเก่ง สามารถทำได้จะทำให้ดู แต่ทั้งหมดนี้ ควรจะคิดเรื่องตัวตนเออกไปเสียบ้าง ให้คิดถึงชาติเป็นใหญ่ ว่าทำแล้วชาติได้อะไร เราได้คะแนนเสียง แต่ชาติต้องสูญเสีย มันคุ้มกันหรือไม่ ผละผลเสียมันไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลายเราด้วย
“สุรยุทธ์-คมช.” ทำ 19 ก.ย.ล้มเหลว
พล.ต.จำลอง กล่าวกุงการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ซึ่งหลังจาก 1 ปีเศษผ่านไป ปัญหาต่างๆ กลับมาเหมือนเดิมว่า ความผิดทั้งหมดอยู่ที่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
ในส่วนของ คมช.เมื่อทำรัฐประหารแล้วต้องแนะนำคนที่มาเป็นนายกฯ ว่าต้องทำอะไรบ้าง เหตุผล 4 ข้อนั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำ ทั้งที่ตอนที่ไปเสนอให้มาเป็นนายกฯ นั้น ต้องคุยกันก่อน
ส่วน พล.อ.สุรยุทธ์ก็ผิด ยกตัวอย่าง มีการเสนอให้นายกฯ ให้ออกเป็นมติ ครม.สั่งการให้กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ให้ข้อมูลแก่ คตส.ในการพิจารณาคดีใหญ่ๆ ของประเทศ แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ไม่ทำ นี่คือตัวอย่าง แม้แต่การต่ออายุ คตส.ก็ไม่ได้มีที่มาจากรัฐบาล แต่เป็น สนช.ที่เสนอ
อย่างไรก็ตาม พล.ต.จำลองกล่าวว่า ต้องเห็นใจรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ และ คมช.ที่ผูกมัดตัวเอง เพราะกลัวต่างชาติต่อว่า ก็เลยบอกว่าจะรีบส่งคืนประชาธิปไตยภายใน 1 ปี แล้วส่งคืนอะไรมาก็ไม่รู้
“พอผูกมัดตัวเอง บอกว่าจะอยู่แค่ 1 ปี ปั๊บ ข้าราชการก็นับถอยหลังทันที อยู่แป๊บเดียวนี่ อีกหน่อยก็ไปแล้ว จะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ไม่ใช่ข้าราชการทุกคน แต่ส่วนหนึ่งมักเป็นอย่างนี้ และข้าราชการที่ทำแบบนี้มักจะเอาตัวรอดได้ตลอด”
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า ที่จริงอยากจะถามหน่อยว่าถ้าประเทศชาติย่อยยับมา ต่างชาติเขาช่วยเราหรือเปล่า ประเทศเราไม่เหมือนประเทศอื่น มันต้องเป็นไปตามระยะเวลา ไม่ใช่ว่าจะต้องเอาเขาเป็นใหญ่หรือต้องทำตามเขา ประชาธิปไตยที่เขาพูดกันเสมอๆ ที่จริงมันไม่ใช่ประชาธิปไตย
ส่วนที่อ้างว่า ต้องคำนึงถึงต่างชาติ เพื่อไม่ให้เขามองว่าเราเป็นเผด็จการระยะยาว เพื่อที่เขาจะได้มาลงทุนนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ที่จริงแล้วถ้าทำอะไรไม่เสร็จสิ้น จะส่งกระทบยาวกว่า ดูอย่างทุกวันนี้มันดีขึ้นหรือไม่ เพราะมันยังไม่ได้แก้ปัญหา
พันธมิตรฯเคลื่อนไหวรอบคอบ ตามสถาการณ์
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ว่า จะมีการพิจารณาตามสถานการณ์ ไม่ใช่จัดการชุมนุมตามใจชอบ ทั้งนี้ เป็นวิธีการที่พันธมิตรฯ ใช้มาตั้งแต่ตอนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรแล้ว ซึ่งมีการประชุมกันบ่อยมาก และพิจารณาไปตามสถานการณ์
พล.ต.จำลองกล่าวต่อว่า โดนส่วนตัวก็ได้เคลื่อนไหวเรื่องต่างๆ ตามสถานการณ์เช่นกัน เริ่มตั้งแต่การเขียนจดหมายเปิดผนึกถัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 30 ม.ค.49 หลังจากขายหุ้นหุ้นชินคอร์ปฯ โดยไม่เสียภาษี ต่อมาวันที่ 19 ก.พ.49 ก็เขียนอีกฉบับ หลังจากมีนักวิชาการออกมาพูดตรงกันว่า การแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองในเวลานั้นต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณลาออกสถานเดียว ต่อมาเมื่อมีคนต่อว่า พล.อ.เปรม ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ตนก็เขียนอีกฉบับในฐานะที่เคนทำงานกับ พล.อ.เปรมมาก่อน นั่นแสดงว่า เราทำตามสถานการณ์ ไม่ได้ทำตามใจ แต่คิดให้รอบคอบก่อน
พล.ต.จำลองกล่าวว่า หากรัฐบาลจะทำตัวให้ดีขึ้น หรือปรับตัวตาม ก็ไม่มีปัญหา เพราะพวกเราทำไปไม่ต้องการอำนาจ และไม่ได้อะไร ตอนชุมนุมคราวที่แล้ว ต้องไปกินนอนข้างถนน 33 วัน 33 คืน พ.ต.ท.ทักษิณออกไปเมื่อไหร่ก็กลับบ้าน แล้วก็ไม่ได้โกรธเคืองกัน ถ้าได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณก็ยังจะยิ้มให้
สำหรับการประชุมของแกนนำพันธมิตรในพุธที่ 5 มี.ค.นี้ พล.ต.จำลองกล่าวว่า คงต้องทำตามมติที่ประชุม เราต้องไปคุยว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร และพิจารณาให้รอบคอบที่สุด สัปดาห์ที่แล้วที่เราประชุมกัน มีแต่คนถามว่าจะชุมนุมเมื่อไหร่ ซึ่งตนเป็นนักชุมนุมมืออาชีพก็จริง แต่การชุมนุมนั้นไม่ใช่เรื่องสุนทรี ต้องดูความเหมาะสมจึงจะทำ ไม่ใช่เอะอะจะชุมนุมอยู่เรื่อย ต้องดูความจำเป็นก่อน และไม่มีสูตรสำเร็จว่าจะดำเนินการอย่างไร
อย่างไรก็ตาม พล.ต.จำลองกล่าวว่า คงมีเหตุที่ทำให้รัฐบาลถูกต่อต้านมากขึ้นนอกจากการโยกย้ายข้าราชการแล้ว เช่น ถ้าเขาแทรกแซงวุฒิสภาก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง และจะเป็นดินพอกหางหมูยิ่งๆขึ้นไป คงมีเรื่อยๆ ไม่หยุดแค่นี้ ซึ่งจะต้องติดตามกันต่อไป โดยแกนนำทุกคนต้องติดตามสถานการณ์ เพื่อนำมาประเมินแนวทางการเคลื่อนไหว
สำหรับแนวทางที่เคยประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จะสู้ทุกวิถีทางนั้น ยกตัวอย่างเช่น สมัชชาประชาชนที่เปิดตัวเมื่อวันก่อน ก็จะยังไม่ชุมนุม แต่จะใช้วิธียื่นรายชื่อเพื่อทำการถอดถอนก่อน ซึ่งอาจจะเป้นวิธีการที่ยังไม่สะใจคนดู แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ได้ปฏิเสธการชุมนุม จะทำทุกรูปแบบด้วยความรอบคอบและอหิงสา
ต่อข้อถามที่ว่า พันธมิตรฯ อยู่เฉยๆ ได้หรือไม่ ในเมื่อประชาชนเลือกนักการเมืองเข้าไปในสภาแล้ว พันธมิตรฯ ปล่อยวางไม่ได้หรือ พล.ต.จำลองกล่าวว่า วิกฤติการเมืองไทยนั้น ไม่เคยแก้ได้ในสภา ต้องแก้นอกสภาทุกครั้งไป ทั้งที่เราไม่อยากทำ ตอนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ตนก็เป็น ส.ส.แต่ก็แก้ไขไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราปล่อยวางไม่ได้ เพราะบ้านเมืองเป็นของเรา ถ้าเราไม่ใช่คนไทย เป็นแค่คนมาเที่ยวเดี๋ยวเดียวก็กลับ ก็อาจจะปล่อยวางได้
ส่วนความรุนแรงที่หลายคนเป็นห่วงว่าจะเกิดขึ้นนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า อย่าให้เกิดเลย มีคนเสียชีวิตคนเดียวก็ไม่ควรเสีย แต่จะไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ เพราะบ้านเมืองจะแย่ลงๆ แม้เราอาจไม่ได้เป็นตัวจักรสำคัญ แต่เราก็ควรจะมีส่วนช่วย ทีแล้วๆ มา ตนมาทีหลังทั้งนั้น เพราะเห็นว่ามันไม่ไหวแล้ว เราเข้าไปเพิ่มอีกคน อาจจะมีผลให้ช่วยอะไรได้
