ป่านนี้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน น่าจะกำลังครึ้มอกครึ้มใจอยู่กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ได้มาอย่างไม่คาดฝัน ทั้งที่ฝันมานานตั้งแต่ที่แยกตัวออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งพรรคประชากรไทย เอาชนะพรรคประชาธิปัตย์พรรคที่ให้กำเนิดชีวิตทางการเมืองของเขาอย่างถล่มทลายมาแล้ว
การได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นั่นคิดว่าน่าจะเป็นงานสุดท้ายในชีวิตทางการเมืองของเขา แต่ที่ไหนได้ บุญพาวาสนาส่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มองเห็นความเหมาะสมที่จะให้ทำงานแทนเขา จึงได้ชักชวนให้มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
ได้เสียงข้างมาก ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมความมุ่งมาดปรารถนา
นับจากนี้ไปจะเป็นงานค่อนข้างยุ่งยากของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย เนื่องจาก
1. พรรคพลังประชาชน มิใช่พรรคที่นายสมัคร สุนทรเวช ลงทุนลงแรงก่อตั้งอย่างที่เขาเคยทำมาแล้วในอดีตคือ พรรคประชากรไทย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นเพียงแขกรับเชิญให้มาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคเท่านั้นเอง เมื่อใดที่สมาชิกพรรคพลังประชาชนโหวตไม่เอานายสมัคร สุนทรเวช นายสมัคร สุนทรเวช ก็จะรู้ว่า ตัวเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีอยู่ในพรรค ไม่มีสมาชิกพรรคยืนเคียงข้างเขาแม้แต่น้อย
ต่างไปจากสมัยที่เขาเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย เขาคือ ธงนำของพรรค
2. นายสมัคร สุนทรเวช ย่อมแตกต่างไปจากคนอื่นตรงที่เขาเป็นตัวของเขาเอง ทุกวันนี้อาจจะสงบปากสงบคำ สงบจิต สงบใจ เพื่อให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามคำชี้แนะของนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แต่เมื่อเขาได้ตำแหน่งแล้ว และเมื่อเขาเป็นตัวของตัวเองขึ้นมา ใครก็หยุดเขาไม่ได้
เขาจะอดรนทนสงบเสงี่ยมได้นานสักแค่ไหนกันเชียว
เว้นเสียแต่นายสมัคร สุนทรเวช คนเก่าคนเดิมตายไปแล้วเท่านั้นเอง
เป็นนายสมัคร สุนทรเวช คนใหม่ ที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว บอกได้ ใช้ฟัง
3. พรรคพลังประชาชนได้เสียงข้างมาก แต่เมื่อเทียบสัดส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีที่พรรคพลังประชาชนได้รับคือ 9 ต่อ 1 ต่างไปจากพรรคชาติไทย ต่างไปจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ต่างไปจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
สมาชิกพรรคพลังประชาชนจะอดทนได้สักแค่ไหนกับตำแหน่งที่ได้รับ แม้ว่าอาจจะให้ตำแหน่งอื่นทดแทน เช่น เลขาฯ ผู้ช่วยเลขาฯ แต่พรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะต้องยอมพรรคการเมืองเล็กๆ อื่นๆ เช่น พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดินไทย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาไปได้นานสักแค่ไหนกันเชียว
4. ในพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ต่างก็รู้ว่านายที่บงการพรรคคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเห็นได้จากใครที่อยากลงสมัครรับเลือกตั้งก็ดี ใครที่อยากจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีก็ดี จะติดต่อโดยตรงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ไม่ได้มาเอ่ยปากขอกับนายสมัคร สุนทรเวช
เรื่องอย่างนี้นายสมัคร สุนทรเวช จะทนได้สักแค่ไหน
เรื่องอย่างนี้ภายในพรรคร่วมรัฐบาลจะมองหน้านายสมัคร สุนทรเวช อย่างไร?
5. ปัญหาคดีความที่ยังคาราคาซังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้าหากนายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้ใบแดงจะกระทบกระเทือนพรรคหรือไม่ เพราะเขาคือรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
ตัวนายกรัฐมนตรีคือ นายสมัคร สุนทรเวช เอง ก็มีปัญหากรณีซื้อรถและเรือดับเพลิงก่อนที่จะพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไม่กี่ชั่วโมง เป็นกรณีที่ คตส.ตรวจสอบและชี้มูลความผิดอยู่
หาก ป.ป.ช.เห็นว่าเขาผิด และสั่งเสนออัยการสั่งฟ้อง เขายังจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่
นี้ล้วนแต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกับอนาคตของประเทศชาติ ถ้าหากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายที่รวมเสียงกันได้เกินครึ่งหนึ่งของสภาฯ คิดถึงอนาคตของประเทศชาติ ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิด และจะต้องหาทางออกที่ดีกว่านี้ เป็นต้นว่า คัดสรรหาคนที่เหมาะสมที่ไม่มีปัญหาเหล่านี้เข้ามารับหน้าที่
แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะนี่คือชะตากรรมของประเทศ
เราก็ได้แต่หวังว่า พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านพรรคเดียวที่เหลืออยู่จะทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง จริงจัง
ที่สำคัญพรรคประชาธิปัตย์จะต้องทำให้เห็นว่า แตกต่างไปจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายขณะนี้ เป็นต้น จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ มิใช่ พูดเอาดีแต่ตัว เช่น ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่บริสุทธิ์ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ (ทำยังกับว่าบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่พรรคเดียว) หรือพูดถึงรัฐมนตรีที่เข้ามาบริหารประเทศจะต้องซื่อสัตย์ เป็นคนดีให้สังคมยอมรับได้
เรียกร้องคนอื่นเขาแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำเป็นแบบอย่างให้เห็น
ไม่ต้องดูอะไรอื่น มองไปที่ กทม.หน่วยงานแห่งเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจอยู่ในขณะนี้ เราได้พูดถึงข้าราชการชั่วคนหนึ่งมีเมีย 3-4 คนในหน่วยงานนี้ และส่งเสริมให้ได้ดิบได้ดี ข้ามหัวข้าราชการคนอื่น ข้าราชการ กทม.เองก็พูด สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเองก็พูด แต่ปรากฏว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ทำเป็นโง่อยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าข้าราชการชั่วคนนี้เป็นใคร
ทั้งที่คนเขารู้กันทั่วเสาชิงช้า
และทั้งที่การปกป้องคนชั่วนั้นเท่ากับร่วมกันเป็นคนชั่วด้วย แต่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะรองหัวหน้าพรรคกลับทำเฉย
การทำเฉยเช่นนี้จะยังความเสียหายให้เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
อย่างน้อยที่ประกาศว่าจะตรวจสอบคนอื่นเขา ก็ต้องเข้มงวดตัวเองก่อน
เว้นแต่คิดจะสนับสนุนคนชั่ว คนเลว ก็ทำไปไม่ว่ากัน
การได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นั่นคิดว่าน่าจะเป็นงานสุดท้ายในชีวิตทางการเมืองของเขา แต่ที่ไหนได้ บุญพาวาสนาส่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มองเห็นความเหมาะสมที่จะให้ทำงานแทนเขา จึงได้ชักชวนให้มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
ได้เสียงข้างมาก ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมความมุ่งมาดปรารถนา
นับจากนี้ไปจะเป็นงานค่อนข้างยุ่งยากของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย เนื่องจาก
1. พรรคพลังประชาชน มิใช่พรรคที่นายสมัคร สุนทรเวช ลงทุนลงแรงก่อตั้งอย่างที่เขาเคยทำมาแล้วในอดีตคือ พรรคประชากรไทย นายสมัคร สุนทรเวช เป็นเพียงแขกรับเชิญให้มาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคเท่านั้นเอง เมื่อใดที่สมาชิกพรรคพลังประชาชนโหวตไม่เอานายสมัคร สุนทรเวช นายสมัคร สุนทรเวช ก็จะรู้ว่า ตัวเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีอยู่ในพรรค ไม่มีสมาชิกพรรคยืนเคียงข้างเขาแม้แต่น้อย
ต่างไปจากสมัยที่เขาเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย เขาคือ ธงนำของพรรค
2. นายสมัคร สุนทรเวช ย่อมแตกต่างไปจากคนอื่นตรงที่เขาเป็นตัวของเขาเอง ทุกวันนี้อาจจะสงบปากสงบคำ สงบจิต สงบใจ เพื่อให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามคำชี้แนะของนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี แต่เมื่อเขาได้ตำแหน่งแล้ว และเมื่อเขาเป็นตัวของตัวเองขึ้นมา ใครก็หยุดเขาไม่ได้
เขาจะอดรนทนสงบเสงี่ยมได้นานสักแค่ไหนกันเชียว
เว้นเสียแต่นายสมัคร สุนทรเวช คนเก่าคนเดิมตายไปแล้วเท่านั้นเอง
เป็นนายสมัคร สุนทรเวช คนใหม่ ที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว บอกได้ ใช้ฟัง
3. พรรคพลังประชาชนได้เสียงข้างมาก แต่เมื่อเทียบสัดส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีที่พรรคพลังประชาชนได้รับคือ 9 ต่อ 1 ต่างไปจากพรรคชาติไทย ต่างไปจากพรรคเพื่อแผ่นดิน ต่างไปจากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
สมาชิกพรรคพลังประชาชนจะอดทนได้สักแค่ไหนกับตำแหน่งที่ได้รับ แม้ว่าอาจจะให้ตำแหน่งอื่นทดแทน เช่น เลขาฯ ผู้ช่วยเลขาฯ แต่พรรคที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะต้องยอมพรรคการเมืองเล็กๆ อื่นๆ เช่น พรรคชาติไทย พรรคเพื่อแผ่นดินไทย พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาไปได้นานสักแค่ไหนกันเชียว
4. ในพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ต่างก็รู้ว่านายที่บงการพรรคคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเห็นได้จากใครที่อยากลงสมัครรับเลือกตั้งก็ดี ใครที่อยากจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีก็ดี จะติดต่อโดยตรงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ไม่ได้มาเอ่ยปากขอกับนายสมัคร สุนทรเวช
เรื่องอย่างนี้นายสมัคร สุนทรเวช จะทนได้สักแค่ไหน
เรื่องอย่างนี้ภายในพรรคร่วมรัฐบาลจะมองหน้านายสมัคร สุนทรเวช อย่างไร?
5. ปัญหาคดีความที่ยังคาราคาซังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้าหากนายยงยุทธ ติยะไพรัช ได้ใบแดงจะกระทบกระเทือนพรรคหรือไม่ เพราะเขาคือรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
ตัวนายกรัฐมนตรีคือ นายสมัคร สุนทรเวช เอง ก็มีปัญหากรณีซื้อรถและเรือดับเพลิงก่อนที่จะพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไม่กี่ชั่วโมง เป็นกรณีที่ คตส.ตรวจสอบและชี้มูลความผิดอยู่
หาก ป.ป.ช.เห็นว่าเขาผิด และสั่งเสนออัยการสั่งฟ้อง เขายังจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่
นี้ล้วนแต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวพันกับอนาคตของประเทศชาติ ถ้าหากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายที่รวมเสียงกันได้เกินครึ่งหนึ่งของสภาฯ คิดถึงอนาคตของประเทศชาติ ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิด และจะต้องหาทางออกที่ดีกว่านี้ เป็นต้นว่า คัดสรรหาคนที่เหมาะสมที่ไม่มีปัญหาเหล่านี้เข้ามารับหน้าที่
แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะนี่คือชะตากรรมของประเทศ
เราก็ได้แต่หวังว่า พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านพรรคเดียวที่เหลืออยู่จะทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง จริงจัง
ที่สำคัญพรรคประชาธิปัตย์จะต้องทำให้เห็นว่า แตกต่างไปจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายขณะนี้ เป็นต้น จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ มิใช่ พูดเอาดีแต่ตัว เช่น ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่บริสุทธิ์ที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ (ทำยังกับว่าบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่พรรคเดียว) หรือพูดถึงรัฐมนตรีที่เข้ามาบริหารประเทศจะต้องซื่อสัตย์ เป็นคนดีให้สังคมยอมรับได้
เรียกร้องคนอื่นเขาแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำเป็นแบบอย่างให้เห็น
ไม่ต้องดูอะไรอื่น มองไปที่ กทม.หน่วยงานแห่งเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจอยู่ในขณะนี้ เราได้พูดถึงข้าราชการชั่วคนหนึ่งมีเมีย 3-4 คนในหน่วยงานนี้ และส่งเสริมให้ได้ดิบได้ดี ข้ามหัวข้าราชการคนอื่น ข้าราชการ กทม.เองก็พูด สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเองก็พูด แต่ปรากฏว่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ทำเป็นโง่อยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าข้าราชการชั่วคนนี้เป็นใคร
ทั้งที่คนเขารู้กันทั่วเสาชิงช้า
และทั้งที่การปกป้องคนชั่วนั้นเท่ากับร่วมกันเป็นคนชั่วด้วย แต่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะรองหัวหน้าพรรคกลับทำเฉย
การทำเฉยเช่นนี้จะยังความเสียหายให้เกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
อย่างน้อยที่ประกาศว่าจะตรวจสอบคนอื่นเขา ก็ต้องเข้มงวดตัวเองก่อน
เว้นแต่คิดจะสนับสนุนคนชั่ว คนเลว ก็ทำไปไม่ว่ากัน