"สุเทพ" ปลุกขวัญสมาชิกมุ่งทำงานหนัก เพื่อสร้างพรรคให้ยิ่งใหญ่ ลั่นเลือกตั้งสมัยหน้าต้องเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ส่วนสมัยนี้หากต้องเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวก็พร้อม แต่เชื่อการเมืองยังไม่นิ่ง ชี้ยุบพรรคอาจทำสูตรตั้งรัฐบาลเปลี่ยน
เมื่อเวลา 09.45 น. วานนี้ (14ม.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดงานสัมมนาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 2 โดยมีแกนนำพรรค พร้อมด้วย ส.ส.ที่ผ่านการรับรองจาก กกต. เข้าร่วมงานสัมมนาอย่างพร้อมเพรียง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้บรรยายในหัวข้อ "การร่วมมือกันสร้างพรรคให้ยิ่งใหญ่" ตอนหนึ่งว่า การสร้าง และพัฒนาพรรคประชาธิปัตย์ให้ยิ่งใหญ่ได้ ต้องถือเป็นภารกิจของสมาชิกทุกคนในพรรค และพรรคประชาธิปัตย์ เองถือเป็นสถาบันการเมืองที่มีสมาชิกพรรคทุกคนเป็นเจ้าของ ไม่ใช่บริษัทการเมือง ที่มีครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง หรือบุคคลใด บุคคลหนึ่งเป็นเจ้าของ และไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงว่า จะมีผลต่ออนาคตของพรรคทั้งสิ้น นอกจากนั้นแล้วพรรคประชาธิปัตย์ ยังเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีอุดมการณ์ที่มั่นคง แน่วแน่ ได้รับการสืบทอดจากรุ่นต่อรุ่น ดังนั้นใครก็ตามที่มาเป็นสมาชิกพรรค จะต้องศึกษาอุดมการณ์ของพรรคให้ซึมซับเข้าถึงหัวใจ และอย่าได้ทำตนเป็นเพียงแค่ผู้อาศัย ต้องทำงานให้กับพรรค เพื่อพรรคมีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้น
นายสุเทพ กล่าวถึงการตั้งเป้าการเลือกตั้งด้วยว่า วันนี้ทุกคนต้องร่วมกันตั้งเป้าหมายว่า จะต้องชนะเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้ การเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ใช่คิดแค่จะได้จำนวน ส.ส. แค่ 160 หรือ 170 เท่านั้น แต่ต้องคิดถึงตัวเลขจำนวน 300 คน ซึ่งตนมั่นใจว่าทำได้แน่ หากเริ่มทำงานกันอย่างหนักตั้งแต่วันนี้ และหลังจากที่ กกต.พิจารณาให้ใบเหลือง ใบแดงเสร็จสิ้นแล้ว สมาชิกพรรคทุกคนต้องหารือกันแล้วว่า นับตั้งแต่จากนี้ไปจ นถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้การทำงานของพรรคมีความเข้มแข็ง
"บทเรียนที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าทำงานได้ไม่ลึก หลวม มีช่องว่าง แต่โชคดีที่รัฐธรรมนูญ กำหนดให้เป็นโซน จึงทำให้เราทำได้กระชับขึ้น คณะทำงานประจำโซนจะต้องทำงานร่วมกันอย่างแข็งแรง แต่การแบ่งโซน ตามรัฐธรรมนูญอาจจะไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง อยากให้ลองไปนึกว่าจะปรับเช่นไร เพื่อให้เข้ากับสภาพภูมิศาสตร์ และทำให้เราทำงานการเมืองได้ดีขึ้น เพื่อยึดพื้นที่ของเจ้าถิ่นมาให้เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ ของ เสือเฒ่า เสนาะ เทียนทอง" นายสุเทพ กล่าว
นายถาวร แสนเนียม รองเลขาธิการพรรค กล่าวว่า ภารงานที่ยิ่งใหญ่ที่ ส.ส.ใหม่ต้องทำคือ สร้างแฟนพันธุ์แท้ ให้เหมือนกับ ปักษ์ใต้บุรี ที่มีประชาชนให้ความนิยม และชื่นชอบพรรคอย่างแท้จริง โดยต้องสร้างแฟนพันธุ์แท้ให้เกิดปีละอย่างต่ำ 200 คน นอกจากนั้นแล้วก็ต้องมีความสามัคคี และมีสปีริต เหมือนกับทีมฟุตบอล นอกจากนั้นแล้ว ต้องลงสนามเพื่อเล่น คือ สนามในสภา และสนามสื่อ ทั้งนี้จะต้องสร้างสร้างแนวทางนวัตกรรมแนวใหม่ หาวิธีการดึงประชาชนเข้าร่วมกับพรรค โดยเฉพาะคนจน ที่มีกว่า 10 ล้านคน ที่ต้องดึงเข้ามาเป็นหุ้นส่วนกับพรรค รวมถึงการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ซึ่งไม่ใช่กระจายงบประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องมอบแนวคิดการสร้างชุมชนให้เกิดขึ้น
"ที่ผ่านมาการเมืองอยู่ในที่มืด การผลิตนโยบาย ต้องเข้าถึงประชาชน เป็นนโยบายที่กินได้ และต้องเปิดโอกาสให้คนจน และการคัดคนเข้าพรรค เป็นเรื่องสำคัญมาก แนวคิดการสร้างพรรคให้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าทุกคนหล่อหลอมให้เป็นเอกภาพ พรรคก็สามารถยิ่งใหญ่ได้"นายถาวร กล่าว
สมัยนี้พร้อมเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว
ทั้งนี้ นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของการเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ว่า พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ซึ่งการเป็นฝ่ายค้านของพรรคเป็นเรื่องที่เราสันทัด ไม่ต้องซ้อมและเป็นได้ทันที ขณะที่การเป็นรัฐบาลนั้น เราก็ประกาศชัดอยู่แล้วว่า เราต้องการทางเลือกที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ ประชาชน และสถาบันหลักของบ้านเมืองที่เรากำหนดไว้คือ วาระประชาชน นอกจากนี้ การเมืองวันนี้ไม่ใช่จุดที่จะมากำหนดว่าใครจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เพราะตอนนี้ยังไม่หยุดนิ่งจนกว่าผลการพิจารณาของ กกต. จะเสร็จสิ้น ซึ่งถ้าถึงวันนั้น ก็จะรู้ว่าแต่ละพรรคจะมี ส.ส.เหลือกี่คน
"ลองนึกดูว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างไร ถ้ามีการยุบพรรคบางพรรค รวมถึงจำนวน ส.ส.และสูตรจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้น ผมจึงเรียกว่าสถานการณ์ยังไม่นิ่ง มีเวลาเปลี่ยนแปลงอีกมาก ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไปแก่งแย่งกับใคร แต่พูดตามข้อเท็จจริง"นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามถึงการที่พรรคอื่นๆที่จับขั้วกับพรรคพลังประชาชนจะแถลงข่าวร่วมกันถึงความชัดเจนในวันที่ 17 ม.ค.นี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องรอดูให้ถึงเวลานั้นก่อน ตอนนี้พูดอะไรไปก็ได้ทั้งนั้น และถ้าถึงวันนั้นแต่สภาพความเป็นพรรคการเมืองหมดแล้ว จะทำอย่างไร เมื่อถามต่อว่า มั่นใจใช่หรือไม่ว่าพรรคพลังประชาชนจะถูกยุบ จากกรณีการทุจริตเลือกตั้ง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตัดสินได้ว่าหมิ่นเหม่ตามบทบัญญัติของกฎหมาย แต่ถ้าการกระทำทุจริตต่อการเลือกตั้ง มีกรรมการบริหารพรรคนั้น มีส่วนรู้เห็นหรือร่วมกระทำความผิดด้วย ก็ถือว่า ความผิดดังกล่าวมีผลถึงพรรค แต่ตนไม่ได้มีหน้าที่วินิจฉัยเรื่องนี้ ต้องให้หน่วยงานที่มีหน้าที่นี้เป็นผู้พิจารณา
ต่อข้อถามถึงข่าวว่า ทางกองทัพยอมรับที่พรรคพลังประชาชน จะมาเป็นรัฐบาล แต่ไม่ต้องการให้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ดูเหมือนว่าพรรคดังกล่าว จะมีการเปลี่ยนนายกฯ ที่ไม่ใช่นายสมัคร เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การตั้งรัฐบาลได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ส่วนการที่จะให้นายสมัคร เป็นนายกฯ หรือไม่เป็นเรื่องของพรรคพลังประชาชน คนอื่นไปกำหนดไม่ได้ ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับนายสมัคร เพราะฉะนั้น คนที่จะเป็นนายกฯ มี 2 คนนี้ แต่ถ้าเป็นคนอื่น ก็ผิดไปจากความคาดหวังของประชาชน และอาจทำให้ประชาชนเสียความรู้สึกไปบ้าง เพราะคาดหวังอย่างหนึ่ง แล้วได้อีกอย่างหนึ่ง
เมื่อถามถึงข่าวที่ว่า พรรคพลังประชาชนจะแบ่งโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ให้เป็น รมว.กลาโหม เพื่อทำให้เกิดความสมานฉันท์ระหว่างกองทัพ กับพรรคดังกล่าว นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าข่าวนี้มาจากไหน และมีข้อเท็จจริงอย่างไร
"ทุกอย่างฝืนธรรมชาติและข้อเท็จจริงไม่ได้ การเสแสร้ง ปรุงแต่ง หรือการสร้างฉากก็ทำได้บางครั้งคราว แต่ไม่ใช่ตลอดไป" เมื่อถามต่อว่าจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าว ว่า ยังไม่น่าจะมีความเคลื่อนไหวใดๆ ของกลุ่มมวลชนในขณะนี้
เมื่อเวลา 09.45 น. วานนี้ (14ม.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดงานสัมมนาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 2 โดยมีแกนนำพรรค พร้อมด้วย ส.ส.ที่ผ่านการรับรองจาก กกต. เข้าร่วมงานสัมมนาอย่างพร้อมเพรียง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ได้บรรยายในหัวข้อ "การร่วมมือกันสร้างพรรคให้ยิ่งใหญ่" ตอนหนึ่งว่า การสร้าง และพัฒนาพรรคประชาธิปัตย์ให้ยิ่งใหญ่ได้ ต้องถือเป็นภารกิจของสมาชิกทุกคนในพรรค และพรรคประชาธิปัตย์ เองถือเป็นสถาบันการเมืองที่มีสมาชิกพรรคทุกคนเป็นเจ้าของ ไม่ใช่บริษัทการเมือง ที่มีครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง หรือบุคคลใด บุคคลหนึ่งเป็นเจ้าของ และไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงว่า จะมีผลต่ออนาคตของพรรคทั้งสิ้น นอกจากนั้นแล้วพรรคประชาธิปัตย์ ยังเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีอุดมการณ์ที่มั่นคง แน่วแน่ ได้รับการสืบทอดจากรุ่นต่อรุ่น ดังนั้นใครก็ตามที่มาเป็นสมาชิกพรรค จะต้องศึกษาอุดมการณ์ของพรรคให้ซึมซับเข้าถึงหัวใจ และอย่าได้ทำตนเป็นเพียงแค่ผู้อาศัย ต้องทำงานให้กับพรรค เพื่อพรรคมีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้น
นายสุเทพ กล่าวถึงการตั้งเป้าการเลือกตั้งด้วยว่า วันนี้ทุกคนต้องร่วมกันตั้งเป้าหมายว่า จะต้องชนะเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก และจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้ การเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ใช่คิดแค่จะได้จำนวน ส.ส. แค่ 160 หรือ 170 เท่านั้น แต่ต้องคิดถึงตัวเลขจำนวน 300 คน ซึ่งตนมั่นใจว่าทำได้แน่ หากเริ่มทำงานกันอย่างหนักตั้งแต่วันนี้ และหลังจากที่ กกต.พิจารณาให้ใบเหลือง ใบแดงเสร็จสิ้นแล้ว สมาชิกพรรคทุกคนต้องหารือกันแล้วว่า นับตั้งแต่จากนี้ไปจ นถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป จะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้การทำงานของพรรคมีความเข้มแข็ง
"บทเรียนที่ผ่านมาทำให้รู้ว่าทำงานได้ไม่ลึก หลวม มีช่องว่าง แต่โชคดีที่รัฐธรรมนูญ กำหนดให้เป็นโซน จึงทำให้เราทำได้กระชับขึ้น คณะทำงานประจำโซนจะต้องทำงานร่วมกันอย่างแข็งแรง แต่การแบ่งโซน ตามรัฐธรรมนูญอาจจะไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง อยากให้ลองไปนึกว่าจะปรับเช่นไร เพื่อให้เข้ากับสภาพภูมิศาสตร์ และทำให้เราทำงานการเมืองได้ดีขึ้น เพื่อยึดพื้นที่ของเจ้าถิ่นมาให้เป็นของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ ของ เสือเฒ่า เสนาะ เทียนทอง" นายสุเทพ กล่าว
นายถาวร แสนเนียม รองเลขาธิการพรรค กล่าวว่า ภารงานที่ยิ่งใหญ่ที่ ส.ส.ใหม่ต้องทำคือ สร้างแฟนพันธุ์แท้ ให้เหมือนกับ ปักษ์ใต้บุรี ที่มีประชาชนให้ความนิยม และชื่นชอบพรรคอย่างแท้จริง โดยต้องสร้างแฟนพันธุ์แท้ให้เกิดปีละอย่างต่ำ 200 คน นอกจากนั้นแล้วก็ต้องมีความสามัคคี และมีสปีริต เหมือนกับทีมฟุตบอล นอกจากนั้นแล้ว ต้องลงสนามเพื่อเล่น คือ สนามในสภา และสนามสื่อ ทั้งนี้จะต้องสร้างสร้างแนวทางนวัตกรรมแนวใหม่ หาวิธีการดึงประชาชนเข้าร่วมกับพรรค โดยเฉพาะคนจน ที่มีกว่า 10 ล้านคน ที่ต้องดึงเข้ามาเป็นหุ้นส่วนกับพรรค รวมถึงการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ซึ่งไม่ใช่กระจายงบประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องมอบแนวคิดการสร้างชุมชนให้เกิดขึ้น
"ที่ผ่านมาการเมืองอยู่ในที่มืด การผลิตนโยบาย ต้องเข้าถึงประชาชน เป็นนโยบายที่กินได้ และต้องเปิดโอกาสให้คนจน และการคัดคนเข้าพรรค เป็นเรื่องสำคัญมาก แนวคิดการสร้างพรรคให้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าทุกคนหล่อหลอมให้เป็นเอกภาพ พรรคก็สามารถยิ่งใหญ่ได้"นายถาวร กล่าว
สมัยนี้พร้อมเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว
ทั้งนี้ นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของการเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ว่า พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ซึ่งการเป็นฝ่ายค้านของพรรคเป็นเรื่องที่เราสันทัด ไม่ต้องซ้อมและเป็นได้ทันที ขณะที่การเป็นรัฐบาลนั้น เราก็ประกาศชัดอยู่แล้วว่า เราต้องการทางเลือกที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ ประชาชน และสถาบันหลักของบ้านเมืองที่เรากำหนดไว้คือ วาระประชาชน นอกจากนี้ การเมืองวันนี้ไม่ใช่จุดที่จะมากำหนดว่าใครจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เพราะตอนนี้ยังไม่หยุดนิ่งจนกว่าผลการพิจารณาของ กกต. จะเสร็จสิ้น ซึ่งถ้าถึงวันนั้น ก็จะรู้ว่าแต่ละพรรคจะมี ส.ส.เหลือกี่คน
"ลองนึกดูว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างไร ถ้ามีการยุบพรรคบางพรรค รวมถึงจำนวน ส.ส.และสูตรจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้น ผมจึงเรียกว่าสถานการณ์ยังไม่นิ่ง มีเวลาเปลี่ยนแปลงอีกมาก ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไปแก่งแย่งกับใคร แต่พูดตามข้อเท็จจริง"นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามถึงการที่พรรคอื่นๆที่จับขั้วกับพรรคพลังประชาชนจะแถลงข่าวร่วมกันถึงความชัดเจนในวันที่ 17 ม.ค.นี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องรอดูให้ถึงเวลานั้นก่อน ตอนนี้พูดอะไรไปก็ได้ทั้งนั้น และถ้าถึงวันนั้นแต่สภาพความเป็นพรรคการเมืองหมดแล้ว จะทำอย่างไร เมื่อถามต่อว่า มั่นใจใช่หรือไม่ว่าพรรคพลังประชาชนจะถูกยุบ จากกรณีการทุจริตเลือกตั้ง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตัดสินได้ว่าหมิ่นเหม่ตามบทบัญญัติของกฎหมาย แต่ถ้าการกระทำทุจริตต่อการเลือกตั้ง มีกรรมการบริหารพรรคนั้น มีส่วนรู้เห็นหรือร่วมกระทำความผิดด้วย ก็ถือว่า ความผิดดังกล่าวมีผลถึงพรรค แต่ตนไม่ได้มีหน้าที่วินิจฉัยเรื่องนี้ ต้องให้หน่วยงานที่มีหน้าที่นี้เป็นผู้พิจารณา
ต่อข้อถามถึงข่าวว่า ทางกองทัพยอมรับที่พรรคพลังประชาชน จะมาเป็นรัฐบาล แต่ไม่ต้องการให้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ดูเหมือนว่าพรรคดังกล่าว จะมีการเปลี่ยนนายกฯ ที่ไม่ใช่นายสมัคร เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การตั้งรัฐบาลได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ส่วนการที่จะให้นายสมัคร เป็นนายกฯ หรือไม่เป็นเรื่องของพรรคพลังประชาชน คนอื่นไปกำหนดไม่ได้ ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับนายสมัคร เพราะฉะนั้น คนที่จะเป็นนายกฯ มี 2 คนนี้ แต่ถ้าเป็นคนอื่น ก็ผิดไปจากความคาดหวังของประชาชน และอาจทำให้ประชาชนเสียความรู้สึกไปบ้าง เพราะคาดหวังอย่างหนึ่ง แล้วได้อีกอย่างหนึ่ง
เมื่อถามถึงข่าวที่ว่า พรรคพลังประชาชนจะแบ่งโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ให้เป็น รมว.กลาโหม เพื่อทำให้เกิดความสมานฉันท์ระหว่างกองทัพ กับพรรคดังกล่าว นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าข่าวนี้มาจากไหน และมีข้อเท็จจริงอย่างไร
"ทุกอย่างฝืนธรรมชาติและข้อเท็จจริงไม่ได้ การเสแสร้ง ปรุงแต่ง หรือการสร้างฉากก็ทำได้บางครั้งคราว แต่ไม่ใช่ตลอดไป" เมื่อถามต่อว่าจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าว ว่า ยังไม่น่าจะมีความเคลื่อนไหวใดๆ ของกลุ่มมวลชนในขณะนี้