จำเลยทักษิณ มอบตัวศาลฎีกาฯ สู้คดีที่ดินรัชดา วาง 8 ล้านประกันตัว ศาลอนุญาตแต่ห้ามออกนอกประเทศ นัดสอบคำให้การ 12 มี.ค.พบลางร้ายก่อนขึ้นศาล กระรอกร่วงจากฟ้า อีการ้องทัก สู้ต่อคดีเอสซีแอสเสท ยื่น 1 ล้านประกัน นัดสั่งคดี 3 เม.ย.แต่อัยการไม่บอกสอบเพิ่มหรือไม่ สร้างภาพออกจากห้องวีไอพีก้มกราบพื้นสนามบินสุวรรณภูมิ ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องม็อบที่จัดมาเชลียร์นับพัน
วานนี้ (28 ก.พ.) เวลา 10.40 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษก พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นั่งรถยนต์ยี่ห้อโฮลเด้น สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ธค 1991 กทม. เดินทางมาถึงติดตามมาด้วย น.ส.พิณทองทา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ซึ่งนั่งรถยนต์อีกคันตามมาในขบวน โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายวัน อยู่บำรุง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นั่งรถยนต์นำขบวนมาพร้อมกับขบวนรถคุ้มกันความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และผู้ติดตามอาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ น.พ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และ ส.ส.พรรคพลังประชาชน หลายคน โดยมีทีมทนายความ อาทิ นายพิชิฏ ชื่นบาน และนายธนา เบญจาทิกุล นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มารออยู่ที่ศาลฎีกา โดยมี พล.ต.ท.วัชรพล ประสานราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 500 นาย กระจายกำลังคอยดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบ
เกิดลางร้ายก่อน"แม้ว"ขึ้นศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางมาถึงหน้าศาลฎีกาเพียงไม่กี่วินาที ปรากฏว่ามีกระรอกสีน้ำตาลขนาดความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ได้ตกลงกลางถนนประตูทางเข้า นอนแน่นิ่งไปพักหนึ่ง เมื่อผู้สื่อข่าวแหงนหน้าไปดูพบว่ามีอีกาสีดำขนาดใหญ่ตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่ขอบอาคารศาลฎีกาส่งเสียงร้อง กาๆแต่เมื่อขบวนรถ พ.ต.ท.ทักษิณ มาถึงทั้งกระรอกที่กำลังมึนอยู่ก็ได้วิ่งหนีไปเช่นเดียวกับอีกาก็บินออกไปในเวลาเดียวกัน
เมื่อขบวนรถยนต์จอดสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ก้าวลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมโบกมือทักทายและยกมือไหว้กองทัพผู้สื่อข่าวที่ไปดักรออยู่บริเวณหน้าศาลฎีกา ก่อนเดินเข้าอาคารศาลฎีกาพร้อมคณะผู้ติดตาม ขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักคู่ความที่ชั้น 4 ที่เจ้าหน้าศาลฎีกาจัดเตรียมไว้เพื่อแสดงตัวต่อศาลฎีกาที่ได้ออกหมายจับในคดีดำที่ อม.1/2550 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยที่ 1-2 ที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 ม.4, 100 และ 122 และประมวลกฎหมายอาญา ม.152 และ 157 ในการทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน โดยนายพิชิฎ ชื่นบาน ทนายความ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ชื่อของ น.ส.แพทองธาร บุตรสาว รวม 2 เล่ม มูลค่า 10 ล้านบาท ขอยื่นประกันตัว โดยไม่ได้ขออนุญาตเดินทางไปทำธุรกิจนอกประเทศแต่อย่างใด
ตีราคา 8 ล้านให้ประกันตัว
ต่อมาเวลา 10.45 น. นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโส เจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 3 คน ได้พิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตีราคาประกันจำนวน 8 ล้านบาทถ้วน ทำสัญญาประกันยึดสมุดเงินฝากแจ้งอายัด และมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลแจ้งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบโดยเร็ว และห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำการใดอันเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินคดี มิฉะนั้นจะถอนประกัน ทั้งนี้ศาลฎีกานัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 12 มีนาคม 2551 เวลา 09.30 น.
หลังฟังคำสั่งเสร็จสิ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางกลับลงมาขึ้นรถ โดยได้โบกมือและยิ้มให้กับผู้สื่อข่าวก่อนขึ้นรถยนต์เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก
กลุ่มเชียร์จ๋อยหวั่นละเมิดศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าปรากฏว่ามีกลุ่มผู้สนับสนุนจากจังหวัดนครสวรรค์ นั่งรถตู้ 10 คัน มาสมทบกับกลุ่มผู้สนับสนุนซึ่งมายืนรออยู่ที่บริเวณทางเข้าประตูศาลฎีกาด้านศาลหลักเมืองทั้งสองฝั่งรวมประมาณ 200 คน โดยบางคนสวมเสื้อยืด และถือป้ายผ้า พิมพ์ข้อความต้อนรับและให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเดินทางกลับประเทศมาต่อสู้คดี ซึ่งผู้สนับสนุนต่างยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ กันอย่างเงียบๆ เนื่องจากศาลฎีกาได้ติดป้ายข้อความ กำชับกลุ่มผู้สนับว่า “การส่งเสียงรบกวนการพิจารณาของศาล อาจเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจ” ตามแผงเหล็กกั้นทางเดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 1 นำมาตั้งเรียงเพื่อจัดระเบียบผู้สนับสนุนตั้งแต่ถนนหน้าทางเข้าศาลหลักเมืองจนถึงหน้าอาคารศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ และห้ามไม่ให้กลุ่มผู้สนับสนุนเข้าไปให้กำลังใจในบริเวณหน้าศาลฎีกาแต่อย่างใด โดยมีการจัดระเบียบสื่อมวลชนให้รอถ่ายภาพทำข่าวอยู่บริเวณด้านหน้าศาลฎีกา และหน้าศาลจังหวัดดุสิตซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น ไม่ให้เข้าไปสังเกตการณ์บนอาคารศาลฎีกาชั้น 4 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคณะผู้ติดตาม นั่งรอฟังคำสั่งประกันตัวอยู่ในห้องพักคู่ความที่ศาลฎีกาจัดเตรียมไว้
สู้คดีเอสซีฯ ยื่น 1 ล้านประกัน
ต่อมาเวลา 11.40 น. พ.ต.ท.ทักษิณ นั่งรถยนต์เดินทางมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อเข้าพบกับ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อรายงานตัวตามหมายจับและรับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนการสอบสวนของดีเอสไอ ซึ่งได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง บริษัทเอสซีแอสเสท คอปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยนางเพ็ญโสม ดามาพงศ์ กรรมการผู้มีอำนาจ นางบุษบา ดามาพงศ์ อดีตกรรมการบริหารบริษัท พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นผู้ต้องหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2534 กรณีร่วมกันปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซีแอสเสท ฯ โดยหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ให้การปฏิเสธและขอให้การในชั้นศาล
ขณะที่นายกิตติพร อดุลรัตน์ ทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ มูลค่า 1 ล้านบาทขอประกันตัว โดยอัยการพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวออกไป พร้อมกำหนดเงื่อนไขให้รายงานต่ออัยการทุกครั้งที่จะเดินทางออกนอกประเทศ
อัยการไม่ตอบสอบเพิ่มหรือไม่
ภายหลัง นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า หลังได้รับสำนวนการสอบสวนและได้รับมอบตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ต้องหาที่ 3 จากดีเอสไอแล้ว จะเรียกประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวนคดี โดยนัด พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เดินทางมาฟังคำสั่งคดีในวันที่ 3 เมษายน นี้ เวลา 10.00 น. พร้อมกับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และผู้ต้องหาที่เหลือ โดยยืนยันว่าการพิจารณาสั่งคดีนี้ อัยการไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด ส่วนจะสามารถสั่งคดีได้ทันภายในวันที่ 3 เมษายนนี้หรืออาจจะมีคำสั่งให้ดีเอสไอ สวนเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ต้องขอพิจารณาสำนวนและประชุมร่วมกับคณะทำงานก่อน
ด้าน นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้ารายงานตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เห็นว่าน่าจะเกิดจากความดีใจที่ได้เดินทางกลับบ้าน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การพิจารณาสั่งคดีนี้จะไม่มีเรื่องทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงานอย่างแน่นอน โดยอัยการจะพิจารณาสั่งคดีไปตามสำนวนคดีและพยานหลักฐานที่ปรากฏเท่านั้น
เตรียมขอความเป็นธรรมอัยการ
ขณะที่ นายกิตติพร อดุลรัตน์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า หลังจากนี้จะกลับไปหารือกับทีมทนายความอีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด โดยเบื้องต้นเห็นว่า การสอบสวนของดีเอสไอ ยังไม่ครบถ้วนบางประเด็น
แวะกองปราบเคลียร์เส้นทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก นั้น ต้องแวะพักขบวนที่กองบังคับการกองปราบปรามก่อนเนื่องจากยังเคลียร์เส้นทางไม่เรียบร้อย โดยที่บริเวณหน้าสำนักงานอัยการสูงสุดนั้นได้มีกลุ่มผู้สนับสนุนประมาณ 200 คน บางส่วน สวมเสื้อ โพกหัว นำป้ายผ้าและธงมีข้อความให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนรอภายในสำนักงานอัยการสูงสุด โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ที่ปรึกษาส่วนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้การตอนรับ
สำหรับการรักษาความปลอดภัย พ.ต.ท.ทักษิณ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้นไว้ตลอดแนวถนน พร้อมกันนำเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงประมาณ 20 คน จากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สวมเสื้อโปโลสีดำ ติดริบบิ้นสี้ขาว เข้าไปยืนปะปนกับกลุ่มผู้สนับสนุน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนคุ้มกันตลอดแนวถนน โดยเมื่อขบวนรถยนต์ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาถึงกลุ่มผู้สนับสนุนต่างส่งเสียงตะโกนเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมชูนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วก้อย แสดงสัญลักษณ์ “I LOVE YOU” โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาเข้าพบอัยการประมาณ 20 นาที จึงเสร็จสิ้นและเดินทางกลับ
กลุ่มเชียร์บุกสุวรรณภูมิต้อนรับ
สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มามอบตัวในฐานะ จำเลย และ ผู้ต้อง ใน 2 คดีสำคัญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มที่รักทักษิณ เดินทางไปต้อนรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นจำนวนมาก โดยเวลา 06.00 น.นายเฉลิมพล ช่างทองมะดัน แกนนำกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาชิกกว่า 300 คัน ได้นำขบวนรถจักรยานยนต์ จากวัดบึงทองหลาง ซ.ลาดพร้าว 101 แขวงบึงทองหลาง เขตลาดพร้าว กทม. มารวมตัวกันที่หน้าสวนหลวง ร.9 ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อต้อนรับการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยจอดรออยู่หน้าประตูอาคารผู้โดยสาร ประตู 8 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวก ทั้งๆที่ปกติแล้วจะไม่มีการอนุญาตให้นำรถจักรยานยนต์เข้ามาภายในสนามบิน
โดยบรรดากลุ่มผู้ชุมนุม ได้มีการถือธงสีขาว ซึ่งมีข้อความระบุว่า "คิดถึงทักษิณ" ,"ขอต้อนรับนายกในใจ",ทักษิณ ขวัญใจคนยาก" ,"ยินดีต้อนรับกลับบ้าน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมบางคนได้สวมเสื้อระบุ"ชมรมคนรักทักษิณ" พร้อมกันนี้ยังมีการจำหน่ายเสื้อโปโล และเสื้อยืด ระบุข้อความ"ชมรมคนรักทักษิณ" และยังมีการจำหน่ายซีดีเนื้อหาปลุกระดมอีกด้วย
สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางมาครั้งนี้ ได้มีการแบ่งกลุ่มออกชัดเจน ทั้งกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ, กลุ่มคนปกป้องเผด็จการ ,กลุ่มชมรมคนรักทักษิณ ปกป้องประชาธิไตย เดินทางมาจากทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่ทางการท่าฯ ได้จัดเตรียมสถานที่ให้สามารถชุมนุมกันได้ที่บริเวณใต้ทางยกระดับหน้าห้องรับรองวีไอพี ใกล้ทางจอดรถโซน 4 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่การท่าฯคอยดูแลและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ คอยดูแลอยู่รอบ ๆเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
"ทักษิณ"เริงร่าก่อนขึ้นเครื่อง
เวลา 06.30 น. พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน ซึ่งอยู่ในขบวนที่เดินทางมาพร้อมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่าใกล้จะถึงเวลาขึ้นเครื่องบินแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในอิริยาบถสบายๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส และตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน เวลานี้ที่สนามบินฮ่องกง เต็มไปด้วยสื่อมวลชนของต่างประเทศ ซึ่งมารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก และ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศด้วย ซึ่งส่วนใหญ่สื่อต่างประเทศถามถึงการจะกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งหรือไม่ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบเพียงสั้นๆว่า “enough” ซึ่งแปลว่า “พอแล้ว”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปรายงานตัวที่ศาลเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงจะไปร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
เวลา 08.15 น.มีประชาชนประมาณ 300 คน เหมารถตู้เพื่อมาให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สุวรรณภูมิอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีชมรมแท็กซี่รักทักษิณ ประมาณ 200 คัน ก็เดินทางมาให้กำลังใจด้วย สำหรับบรรยากาศภายในสนามบินสุวรรณภูมิ มีการเป่าแตร ส่งเสียงเชียร์ และร้องเพลงด้วย รวมทั้งมีการนำป้ายข้อความต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ มารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก
ขณะที่บริเวณห้องวีไอพี นั้น มีทั้งตำรวจและนักการเมืองมารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก อาทิ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบ ช.ภ.1, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย,นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ,พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ
สร้างภาพก้มกราบแผ่นดินไทย
ต่อมาเวลา 09.45 น.เครื่องบินของการบินไทย เที่ยวบิน TG-603 ได้ลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เดินเข้าไปยังห้องรับรองพิเศษ (วีไอพี)ที่ได้จัดเตรียมไว้และใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนจะเดินออกมาทักทายกับประชาชนที่มารอต้อนรับที่ด้านหน้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมกับคณะ อาทิ นายพานทองแท้ บุตรชาย และผู้ติดตาม น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต ส.ส.กทม. พรรคไทยรักไทย
จากนั้นเวลา 10.10 น.พ.ต.ท.ทักษิณ เดินออกมาจากอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และทันทีที่ก้าวผ่านประตู พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทรุดตัวลงก้มกราบพื้นแผ่นดิน ไทย พร้อมกับมีน้ำตาคลอ ก่อนที่จะเดินมาออกมาโบกมือทักทายประชาชนที่มาต้อนรับ ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังไม่ขาดสาย จากนั้นจึงเดินกลับเข้าไป เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไปยังศาลฎีกา โดยใช้รถยนต์ คาดีแลกส์ สีบรอนด์ หมายเลขทะเบียน ธค.1991 กทม. ทั้งนี้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาและ น.ส.พิณทองทา ชินวัตรบุตรสาว ได้เดินทางมารับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
"เฉลิม-สมชาย"ตามก้นแม้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่น่าสังเกต ผู้ที่ติดตามคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยคนสำคัญ ตลอดเส้นทาง กลับเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รวมถึงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อย่าง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ไปตั้งแต่ศาลฎีกาฯไปที่กองปราบปราม และสำนักงานอัยการสูงสุด
ก่อนหน้านั้น เวลา 09.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีปืนหายจากคลังแสง ว่าก่อนหน้านี้ตนแนะนำตำรวจแล้ว ให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย และขอร้องให้สื่อมวลชน อย่ามองว่าการดูแลรักษาความปลอดภัยเข้มงวดเกินไป
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวกรณีปืนหาย ว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าปืนมีศักยภาพแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าฝีมือคนยิงแม่นหรือไม่แค่ไหน ซึ่ง snaper ถ้ายิงได้ 300 เมตร ก็จะถือว่าค่อนข้างแม่น เพราะมีกล้อง
"เสรีพิศุทธ์" สั่งเกาะติดทุกฝ่าย
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ผบ.ตร.เปิดเผยหลังการเป็นประธานในพิธีส่งมอบด่านตรวจภูเก็ต และพิธีวางศิลาฤกษ์ศูนย์ราชการตำรวจภูธรภาค 8 ที่บริเวณที่ราชพัสดุ แปลงท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เวลาประมาณ 15.40 น.เกี่ยวกับการดูแลรักษาความปลอดภัย พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าคงไม่มีอะไร ซึ่งเมื่อช่วงเช้าก็ได้เดินทางไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี โดยมีการจัดสถานที่ให้กับผู้ที่เดินทางไปรอต้อนรับ รวมไปถึงการเดินทางไปยังศาลฎีกา และการเดินทางกลับที่พัก
ในส่วนของการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลรักษาความปลอดภัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพื้นที่แต่ละจุด เช่น สนามบินเป็นสถานที่ซึ่งเปิดโล่งและกว้างก็อาจจะใช้กำลังค่อนข้างมาก แต่กรณีของโรงแรมที่พักซึ่งด้านหน้าเป็นถนนด้านหลังติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นตึกสูงก็อาจจะใช้กำลังไม่มาก ส่วนระยะเวลาในการดูแลนั้นก็คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง รวมถึงการดูแลความเคลื่อนไหวของทุกๆ ฝ่าย เพื่อจะมาประเมินและจัดวางกำลังให้เหมาะสมกับสถานการณ์
"อย่างไรก็ตามคงไม่มีการจับตามองกลุ่มไหนเป็นพิเศษ เพราะหากทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นการแบ่งพรรคแบ่งพวก อยากเห็นทุกฝ่ายสามัคคีกันมากกว่า เนื่องจากขณะนี้ทุกฝ่ายย่ำแย่จากการแบ่งพรรคแบ่งพวก ประกอบกับเป็นการน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งทุกฝ่ายสามัคคีกันมาใช้ รวมทั้งให้แต่ละฝ่ายทำตามหน้าที่ของตน"พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
"อัศวิน" ขึงขังสั่งอารักขาเข้ม
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.เปิดเผยถึงมาตรการักษาความปลอดภัยโดยรอบบริเวณโรงแรมเพนนินซูล่า และบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักและบ้านพักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าภาพรวมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงเช้าถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ส่วนโรงแรมเพนนินซูลานั้นได้กำชับไปยัง พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช ผบก.น.8 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรอบพื้นที่และยังมีกองอำนววยการร่วมอยู่ด้านนอกโรงแรมด้วย ส่วนภายในโรงแรมนั้นคงเป็นหน้าที่ของชุด รปภ.อดีตนายกฯ อยู่แล้ว แต่ก็จะมีการประสานกับตำรวจท้องที่เมื่อมีการเดินทางออกนอกพื้นที่ ส่วนที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้าได้สั่งกำชับให้ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.7 ดูแลโดยรอบ
ต่อข้อถามที่อาจจะมีกลุ่มบุคคลที่ 3 เข้ามาก่อความวุ่นวายนั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่าในส่วนนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจได้กำชับหน่วยงานด้านการข่าวสืบหาข่าวอย่างต่อเนื่องแต่ขณะนี้เชื่อว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆอย่างแน่นอน
พล.ต.ท.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผบก.สบพ.และอดีตหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของอดีตนายกฯทักษิณ กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยว่า เป็นการสนธิกำลังตามปกติ อย่ามอง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นอดีตนายกฯ แต่ควรมองว่าเป็นบุคคลในคดีสำคัญ และไม่ว่าใครที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญเช่นนี้ ก็ต้องดูแลความปลอดภัยแบบนี้เช่นกัน เพราะควรอารักขาให้ปลอดภัย เพื่อเป็นหน้าตาของบ้านเมือง
วานนี้ (28 ก.พ.) เวลา 10.40 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษก พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นั่งรถยนต์ยี่ห้อโฮลเด้น สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ธค 1991 กทม. เดินทางมาถึงติดตามมาด้วย น.ส.พิณทองทา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ซึ่งนั่งรถยนต์อีกคันตามมาในขบวน โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายวัน อยู่บำรุง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นั่งรถยนต์นำขบวนมาพร้อมกับขบวนรถคุ้มกันความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และผู้ติดตามอาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ น.พ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และ ส.ส.พรรคพลังประชาชน หลายคน โดยมีทีมทนายความ อาทิ นายพิชิฏ ชื่นบาน และนายธนา เบญจาทิกุล นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มารออยู่ที่ศาลฎีกา โดยมี พล.ต.ท.วัชรพล ประสานราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 500 นาย กระจายกำลังคอยดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบ
เกิดลางร้ายก่อน"แม้ว"ขึ้นศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางมาถึงหน้าศาลฎีกาเพียงไม่กี่วินาที ปรากฏว่ามีกระรอกสีน้ำตาลขนาดความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ได้ตกลงกลางถนนประตูทางเข้า นอนแน่นิ่งไปพักหนึ่ง เมื่อผู้สื่อข่าวแหงนหน้าไปดูพบว่ามีอีกาสีดำขนาดใหญ่ตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่ขอบอาคารศาลฎีกาส่งเสียงร้อง กาๆแต่เมื่อขบวนรถ พ.ต.ท.ทักษิณ มาถึงทั้งกระรอกที่กำลังมึนอยู่ก็ได้วิ่งหนีไปเช่นเดียวกับอีกาก็บินออกไปในเวลาเดียวกัน
เมื่อขบวนรถยนต์จอดสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ ก้าวลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมโบกมือทักทายและยกมือไหว้กองทัพผู้สื่อข่าวที่ไปดักรออยู่บริเวณหน้าศาลฎีกา ก่อนเดินเข้าอาคารศาลฎีกาพร้อมคณะผู้ติดตาม ขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักคู่ความที่ชั้น 4 ที่เจ้าหน้าศาลฎีกาจัดเตรียมไว้เพื่อแสดงตัวต่อศาลฎีกาที่ได้ออกหมายจับในคดีดำที่ อม.1/2550 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยที่ 1-2 ที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 ม.4, 100 และ 122 และประมวลกฎหมายอาญา ม.152 และ 157 ในการทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก มูลค่า 772 ล้านบาท ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน โดยนายพิชิฎ ชื่นบาน ทนายความ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ ชื่อของ น.ส.แพทองธาร บุตรสาว รวม 2 เล่ม มูลค่า 10 ล้านบาท ขอยื่นประกันตัว โดยไม่ได้ขออนุญาตเดินทางไปทำธุรกิจนอกประเทศแต่อย่างใด
ตีราคา 8 ล้านให้ประกันตัว
ต่อมาเวลา 10.45 น. นายทองหล่อ โฉมงาม ผู้พิพากษาอาวุโส เจ้าของสำนวนพร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 3 คน ได้พิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตีราคาประกันจำนวน 8 ล้านบาทถ้วน ทำสัญญาประกันยึดสมุดเงินฝากแจ้งอายัด และมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลแจ้งให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบโดยเร็ว และห้าม พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำการใดอันเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินคดี มิฉะนั้นจะถอนประกัน ทั้งนี้ศาลฎีกานัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 12 มีนาคม 2551 เวลา 09.30 น.
หลังฟังคำสั่งเสร็จสิ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางกลับลงมาขึ้นรถ โดยได้โบกมือและยิ้มให้กับผู้สื่อข่าวก่อนขึ้นรถยนต์เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก
กลุ่มเชียร์จ๋อยหวั่นละเมิดศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าปรากฏว่ามีกลุ่มผู้สนับสนุนจากจังหวัดนครสวรรค์ นั่งรถตู้ 10 คัน มาสมทบกับกลุ่มผู้สนับสนุนซึ่งมายืนรออยู่ที่บริเวณทางเข้าประตูศาลฎีกาด้านศาลหลักเมืองทั้งสองฝั่งรวมประมาณ 200 คน โดยบางคนสวมเสื้อยืด และถือป้ายผ้า พิมพ์ข้อความต้อนรับและให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเดินทางกลับประเทศมาต่อสู้คดี ซึ่งผู้สนับสนุนต่างยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์การเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ กันอย่างเงียบๆ เนื่องจากศาลฎีกาได้ติดป้ายข้อความ กำชับกลุ่มผู้สนับว่า “การส่งเสียงรบกวนการพิจารณาของศาล อาจเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจ” ตามแผงเหล็กกั้นทางเดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 1 นำมาตั้งเรียงเพื่อจัดระเบียบผู้สนับสนุนตั้งแต่ถนนหน้าทางเข้าศาลหลักเมืองจนถึงหน้าอาคารศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ และห้ามไม่ให้กลุ่มผู้สนับสนุนเข้าไปให้กำลังใจในบริเวณหน้าศาลฎีกาแต่อย่างใด โดยมีการจัดระเบียบสื่อมวลชนให้รอถ่ายภาพทำข่าวอยู่บริเวณด้านหน้าศาลฎีกา และหน้าศาลจังหวัดดุสิตซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น ไม่ให้เข้าไปสังเกตการณ์บนอาคารศาลฎีกาชั้น 4 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคณะผู้ติดตาม นั่งรอฟังคำสั่งประกันตัวอยู่ในห้องพักคู่ความที่ศาลฎีกาจัดเตรียมไว้
สู้คดีเอสซีฯ ยื่น 1 ล้านประกัน
ต่อมาเวลา 11.40 น. พ.ต.ท.ทักษิณ นั่งรถยนต์เดินทางมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อเข้าพบกับ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อรายงานตัวตามหมายจับและรับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนการสอบสวนของดีเอสไอ ซึ่งได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง บริษัทเอสซีแอสเสท คอปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยนางเพ็ญโสม ดามาพงศ์ กรรมการผู้มีอำนาจ นางบุษบา ดามาพงศ์ อดีตกรรมการบริหารบริษัท พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน เป็นผู้ต้องหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2534 กรณีร่วมกันปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซีแอสเสท ฯ โดยหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ให้การปฏิเสธและขอให้การในชั้นศาล
ขณะที่นายกิตติพร อดุลรัตน์ ทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ สาขาซอยอารีย์ มูลค่า 1 ล้านบาทขอประกันตัว โดยอัยการพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวออกไป พร้อมกำหนดเงื่อนไขให้รายงานต่ออัยการทุกครั้งที่จะเดินทางออกนอกประเทศ
อัยการไม่ตอบสอบเพิ่มหรือไม่
ภายหลัง นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า หลังได้รับสำนวนการสอบสวนและได้รับมอบตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ต้องหาที่ 3 จากดีเอสไอแล้ว จะเรียกประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวนคดี โดยนัด พ.ต.ท.ทักษิณ ให้เดินทางมาฟังคำสั่งคดีในวันที่ 3 เมษายน นี้ เวลา 10.00 น. พร้อมกับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร และผู้ต้องหาที่เหลือ โดยยืนยันว่าการพิจารณาสั่งคดีนี้ อัยการไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด ส่วนจะสามารถสั่งคดีได้ทันภายในวันที่ 3 เมษายนนี้หรืออาจจะมีคำสั่งให้ดีเอสไอ สวนเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ต้องขอพิจารณาสำนวนและประชุมร่วมกับคณะทำงานก่อน
ด้าน นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้ารายงานตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เห็นว่าน่าจะเกิดจากความดีใจที่ได้เดินทางกลับบ้าน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า การพิจารณาสั่งคดีนี้จะไม่มีเรื่องทางการเมืองเข้ามาแทรกแซงการทำงานอย่างแน่นอน โดยอัยการจะพิจารณาสั่งคดีไปตามสำนวนคดีและพยานหลักฐานที่ปรากฏเท่านั้น
เตรียมขอความเป็นธรรมอัยการ
ขณะที่ นายกิตติพร อดุลรัตน์ ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า หลังจากนี้จะกลับไปหารือกับทีมทนายความอีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด โดยเบื้องต้นเห็นว่า การสอบสวนของดีเอสไอ ยังไม่ครบถ้วนบางประเด็น
แวะกองปราบเคลียร์เส้นทาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก นั้น ต้องแวะพักขบวนที่กองบังคับการกองปราบปรามก่อนเนื่องจากยังเคลียร์เส้นทางไม่เรียบร้อย โดยที่บริเวณหน้าสำนักงานอัยการสูงสุดนั้นได้มีกลุ่มผู้สนับสนุนประมาณ 200 คน บางส่วน สวมเสื้อ โพกหัว นำป้ายผ้าและธงมีข้อความให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนรอภายในสำนักงานอัยการสูงสุด โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ที่ปรึกษาส่วนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้การตอนรับ
สำหรับการรักษาความปลอดภัย พ.ต.ท.ทักษิณ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้นไว้ตลอดแนวถนน พร้อมกันนำเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงประมาณ 20 คน จากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สวมเสื้อโปโลสีดำ ติดริบบิ้นสี้ขาว เข้าไปยืนปะปนกับกลุ่มผู้สนับสนุน และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนคุ้มกันตลอดแนวถนน โดยเมื่อขบวนรถยนต์ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาถึงกลุ่มผู้สนับสนุนต่างส่งเสียงตะโกนเรียก พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมชูนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วก้อย แสดงสัญลักษณ์ “I LOVE YOU” โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาเข้าพบอัยการประมาณ 20 นาที จึงเสร็จสิ้นและเดินทางกลับ
กลุ่มเชียร์บุกสุวรรณภูมิต้อนรับ
สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มามอบตัวในฐานะ จำเลย และ ผู้ต้อง ใน 2 คดีสำคัญ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มที่รักทักษิณ เดินทางไปต้อนรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นจำนวนมาก โดยเวลา 06.00 น.นายเฉลิมพล ช่างทองมะดัน แกนนำกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยสมาชิกกว่า 300 คัน ได้นำขบวนรถจักรยานยนต์ จากวัดบึงทองหลาง ซ.ลาดพร้าว 101 แขวงบึงทองหลาง เขตลาดพร้าว กทม. มารวมตัวกันที่หน้าสวนหลวง ร.9 ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อต้อนรับการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยจอดรออยู่หน้าประตูอาคารผู้โดยสาร ประตู 8 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวก ทั้งๆที่ปกติแล้วจะไม่มีการอนุญาตให้นำรถจักรยานยนต์เข้ามาภายในสนามบิน
โดยบรรดากลุ่มผู้ชุมนุม ได้มีการถือธงสีขาว ซึ่งมีข้อความระบุว่า "คิดถึงทักษิณ" ,"ขอต้อนรับนายกในใจ",ทักษิณ ขวัญใจคนยาก" ,"ยินดีต้อนรับกลับบ้าน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมบางคนได้สวมเสื้อระบุ"ชมรมคนรักทักษิณ" พร้อมกันนี้ยังมีการจำหน่ายเสื้อโปโล และเสื้อยืด ระบุข้อความ"ชมรมคนรักทักษิณ" และยังมีการจำหน่ายซีดีเนื้อหาปลุกระดมอีกด้วย
สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางมาครั้งนี้ ได้มีการแบ่งกลุ่มออกชัดเจน ทั้งกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ, กลุ่มคนปกป้องเผด็จการ ,กลุ่มชมรมคนรักทักษิณ ปกป้องประชาธิไตย เดินทางมาจากทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่ทางการท่าฯ ได้จัดเตรียมสถานที่ให้สามารถชุมนุมกันได้ที่บริเวณใต้ทางยกระดับหน้าห้องรับรองวีไอพี ใกล้ทางจอดรถโซน 4 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่การท่าฯคอยดูแลและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ คอยดูแลอยู่รอบ ๆเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย
"ทักษิณ"เริงร่าก่อนขึ้นเครื่อง
เวลา 06.30 น. พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน ซึ่งอยู่ในขบวนที่เดินทางมาพร้อมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่าใกล้จะถึงเวลาขึ้นเครื่องบินแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในอิริยาบถสบายๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส และตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน เวลานี้ที่สนามบินฮ่องกง เต็มไปด้วยสื่อมวลชนของต่างประเทศ ซึ่งมารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก และ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศด้วย ซึ่งส่วนใหญ่สื่อต่างประเทศถามถึงการจะกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งหรือไม่ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบเพียงสั้นๆว่า “enough” ซึ่งแปลว่า “พอแล้ว”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปรายงานตัวที่ศาลเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงจะไปร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
เวลา 08.15 น.มีประชาชนประมาณ 300 คน เหมารถตู้เพื่อมาให้กำลังใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สุวรรณภูมิอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีชมรมแท็กซี่รักทักษิณ ประมาณ 200 คัน ก็เดินทางมาให้กำลังใจด้วย สำหรับบรรยากาศภายในสนามบินสุวรรณภูมิ มีการเป่าแตร ส่งเสียงเชียร์ และร้องเพลงด้วย รวมทั้งมีการนำป้ายข้อความต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ มารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก
ขณะที่บริเวณห้องวีไอพี นั้น มีทั้งตำรวจและนักการเมืองมารอต้อนรับเป็นจำนวนมาก อาทิ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.,พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง ผบ ช.ภ.1, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย,นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ,พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ
สร้างภาพก้มกราบแผ่นดินไทย
ต่อมาเวลา 09.45 น.เครื่องบินของการบินไทย เที่ยวบิน TG-603 ได้ลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เดินเข้าไปยังห้องรับรองพิเศษ (วีไอพี)ที่ได้จัดเตรียมไว้และใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนจะเดินออกมาทักทายกับประชาชนที่มารอต้อนรับที่ด้านหน้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมกับคณะ อาทิ นายพานทองแท้ บุตรชาย และผู้ติดตาม น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต ส.ส.กทม. พรรคไทยรักไทย
จากนั้นเวลา 10.10 น.พ.ต.ท.ทักษิณ เดินออกมาจากอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และทันทีที่ก้าวผ่านประตู พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทรุดตัวลงก้มกราบพื้นแผ่นดิน ไทย พร้อมกับมีน้ำตาคลอ ก่อนที่จะเดินมาออกมาโบกมือทักทายประชาชนที่มาต้อนรับ ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังไม่ขาดสาย จากนั้นจึงเดินกลับเข้าไป เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไปยังศาลฎีกา โดยใช้รถยนต์ คาดีแลกส์ สีบรอนด์ หมายเลขทะเบียน ธค.1991 กทม. ทั้งนี้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาและ น.ส.พิณทองทา ชินวัตรบุตรสาว ได้เดินทางมารับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย
"เฉลิม-สมชาย"ตามก้นแม้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่น่าสังเกต ผู้ที่ติดตามคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ จำเลยคนสำคัญ ตลอดเส้นทาง กลับเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รวมถึงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อย่าง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ไปตั้งแต่ศาลฎีกาฯไปที่กองปราบปราม และสำนักงานอัยการสูงสุด
ก่อนหน้านั้น เวลา 09.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีปืนหายจากคลังแสง ว่าก่อนหน้านี้ตนแนะนำตำรวจแล้ว ให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย และขอร้องให้สื่อมวลชน อย่ามองว่าการดูแลรักษาความปลอดภัยเข้มงวดเกินไป
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวกรณีปืนหาย ว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าปืนมีศักยภาพแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าฝีมือคนยิงแม่นหรือไม่แค่ไหน ซึ่ง snaper ถ้ายิงได้ 300 เมตร ก็จะถือว่าค่อนข้างแม่น เพราะมีกล้อง
"เสรีพิศุทธ์" สั่งเกาะติดทุกฝ่าย
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ผบ.ตร.เปิดเผยหลังการเป็นประธานในพิธีส่งมอบด่านตรวจภูเก็ต และพิธีวางศิลาฤกษ์ศูนย์ราชการตำรวจภูธรภาค 8 ที่บริเวณที่ราชพัสดุ แปลงท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เวลาประมาณ 15.40 น.เกี่ยวกับการดูแลรักษาความปลอดภัย พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าคงไม่มีอะไร ซึ่งเมื่อช่วงเช้าก็ได้เดินทางไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี โดยมีการจัดสถานที่ให้กับผู้ที่เดินทางไปรอต้อนรับ รวมไปถึงการเดินทางไปยังศาลฎีกา และการเดินทางกลับที่พัก
ในส่วนของการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลรักษาความปลอดภัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพื้นที่แต่ละจุด เช่น สนามบินเป็นสถานที่ซึ่งเปิดโล่งและกว้างก็อาจจะใช้กำลังค่อนข้างมาก แต่กรณีของโรงแรมที่พักซึ่งด้านหน้าเป็นถนนด้านหลังติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นตึกสูงก็อาจจะใช้กำลังไม่มาก ส่วนระยะเวลาในการดูแลนั้นก็คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง รวมถึงการดูแลความเคลื่อนไหวของทุกๆ ฝ่าย เพื่อจะมาประเมินและจัดวางกำลังให้เหมาะสมกับสถานการณ์
"อย่างไรก็ตามคงไม่มีการจับตามองกลุ่มไหนเป็นพิเศษ เพราะหากทำเช่นนั้นก็จะกลายเป็นการแบ่งพรรคแบ่งพวก อยากเห็นทุกฝ่ายสามัคคีกันมากกว่า เนื่องจากขณะนี้ทุกฝ่ายย่ำแย่จากการแบ่งพรรคแบ่งพวก ประกอบกับเป็นการน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งทุกฝ่ายสามัคคีกันมาใช้ รวมทั้งให้แต่ละฝ่ายทำตามหน้าที่ของตน"พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
"อัศวิน" ขึงขังสั่งอารักขาเข้ม
พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.เปิดเผยถึงมาตรการักษาความปลอดภัยโดยรอบบริเวณโรงแรมเพนนินซูล่า และบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักและบ้านพักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าภาพรวมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงเช้าถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ส่วนโรงแรมเพนนินซูลานั้นได้กำชับไปยัง พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช ผบก.น.8 จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรอบพื้นที่และยังมีกองอำนววยการร่วมอยู่ด้านนอกโรงแรมด้วย ส่วนภายในโรงแรมนั้นคงเป็นหน้าที่ของชุด รปภ.อดีตนายกฯ อยู่แล้ว แต่ก็จะมีการประสานกับตำรวจท้องที่เมื่อมีการเดินทางออกนอกพื้นที่ ส่วนที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้าได้สั่งกำชับให้ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.7 ดูแลโดยรอบ
ต่อข้อถามที่อาจจะมีกลุ่มบุคคลที่ 3 เข้ามาก่อความวุ่นวายนั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่าในส่วนนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจได้กำชับหน่วยงานด้านการข่าวสืบหาข่าวอย่างต่อเนื่องแต่ขณะนี้เชื่อว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงใดๆอย่างแน่นอน
พล.ต.ท.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผบก.สบพ.และอดีตหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของอดีตนายกฯทักษิณ กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยว่า เป็นการสนธิกำลังตามปกติ อย่ามอง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นอดีตนายกฯ แต่ควรมองว่าเป็นบุคคลในคดีสำคัญ และไม่ว่าใครที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญเช่นนี้ ก็ต้องดูแลความปลอดภัยแบบนี้เช่นกัน เพราะควรอารักขาให้ปลอดภัย เพื่อเป็นหน้าตาของบ้านเมือง