xs
xsm
sm
md
lg

วาระเร่งด่วน

เผยแพร่:   โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์

ห่างจากการแถลงนโยบายต่อสภาฯ ไม่กี่วัน รัฐมนตรีแต่ละคนในรัฐบาลหุ่นเชิดก็กุลีกุจอเริ่ม ‘วาระเร่งด่วน’ ของตนเหมือนที่หลายคนคาดคิดเอาไว้โดยทันที

วาระเร่งด่วนย่อมไม่ใช่นโยบายเพื่อชาติและประชาชนตามที่พูดไปในสภาฯ แต่อย่างใด แต่เป็นวาระเร่งด่วนเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้อง!!

สองกรณีที่เห็นกันชัดๆ ว่า รัฐมนตรีนอมินีทำผลงานแบบเย้ยฟ้าท้าดิน

การสั่งย้าย นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมส่งเสริมคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ซึ่งกุมคดีสำคัญๆ ของอดีตนายกฯ ไว้ ไปช่วยราชการในตำแหน่งรักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) คือ ตัวอย่างของวาระที่อื้อฉาว โฉ่งฉ่างที่สุดของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มีรัฐมนตรีที่ขี้เหร่แค่เพียงหน้าตาหรือด้านคุณสมบัติเท่านั้น หากยังแสดงออกถึงสติปัญญาที่อัปลักษณ์น่าชิงชัง ทำราวกับประชาชนยังอยู่ในยุคสมัยที่ข่าวสารไม่ได้พัฒนา

ปกติ การใช้อำนาจหน้าที่โยกย้ายข้าราชการประจำของนักการเมืองไม่ว่ายุคสมัยใด เป็นอำนาจหน้าที่รับผิดชอบที่ทำได้ หากการย้ายนั้นตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อสภาฯ และ ข้าราชการที่ถูกโยกย้ายก็ต่างต้องก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตนเองไป

แม้จะทราบโดยนัยว่า ข้าราชการประจำคนใดไม่ตอบสนอง หรือขัดแย้งกับรัฐมนตรีในเวลาต่อมา การสั่งย้ายก็จะมีเหตุผลรองรับที่พอฟังได้ ทิ้งระยะเวลาให้สุกงอมเพื่อหาคนที่เหมาะสมต่อหน้าที่-การงานแล้วค่อยลงมือปฏิบัติ

ยิ่งบางตำแหน่งที่มีความสำคัญ ข้าราชการหากไม่กระทำผิดร้ายแรงก็ควรที่จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แม้จะไม่ถึงขึ้นออกกฎหมายพิเศษห้ามไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงก็ตาม นักการเมืองที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ-ประชาชนจริงยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังในการโยกย้าย

แต่รัฐบาลหุ่นเชิดเพียงเพื่อเร่งเคลียร์คดีให้กับ ‘นายใหญ่’ กลับไม่สงวนท่าทีใดๆ มีอำนาจ ใช้อำนาจ ลงมืออย่างเร่งด่วน

นายสมพงษ์ พูดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า “เรื่องเอื้อประโยชน์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นไปไม่ได้ ขอให้ไปตรวจสอบเลยว่า ขณะนี้คดีที่เกี่ยวกับอดีตนายกฯ อยู่ในชั้นอัยการแล้ว โชคดีที่พ้นไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะโดนข้อหานี้อีก ผมยืนยันว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย จะไปบังคับหรือบิดพลิ้วได้อย่างไร รัฐมนตรีมีอำนาจถึงขนาดนั้นเลยหรือ เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาก็ต้องอยู่ภายใต้กระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง แต่ผมจะให้ความสะดวกสบายเหมือนอดีตนายกฯ คนอื่นๆ”

ก่อนพูดเข้าใจว่า นายสมพงษ์ คงไม่ถามน้องชาย พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ รอง ผบ.ตร.อดีตอธิบดีดีเอสไอ ขอข้อมูลเพื่อความน่าเชื่อถือกว่านี้ ที่ว่า คดีของพ.ต.ท.ทักษิณโดยเฉพาะคดีซุกหุ้นภาค 2 เอสซีแอสเซท ที่หลักฐานว่ากันว่า หนาแน่นมากถึงชั้นอัยการนั้น หากอัยการสั่งสอบเพิ่มเติม และส่งสำนวนคดีคืนให้ดีเอสไอ ประกันได้หรือไม่การเปลี่ยนตัวอธิบดีจะไม่ส่งผลต่อรูปคดี?

ง่ายเกินไปหรือไม่ที่นายสมพงษ์ ซึ่งนั่งเก้าอี้สำคัญอย่าง รมว.ยุติธรรมจะอธิบายแบบ 50-50 เช่นนี้

กรณี นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งยอมรับว่าตัวเองบินไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จีนเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ก็เช่นกัน

นายนพดล แสดงออกให้สังคมเห็นว่า เขาเหมาะสมกับอาชีพทนายความว่าความให้พ.ต.ท.ทักษิณ รับเงินค่าจ้างจากบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องหาของแผ่นดินหลายคดีไปวันๆ มากกว่าที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกินเงินเดือนภาษีของประชาชนหลายล้านคน

นายนพดล ให้สัมภาษณ์เต็มปากเต็มคำเหมือนครั้งยังทำหน้าที่โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท. ทักษิณไม่ผิดเพี้ยน

“ขณะนี้ไม่มีอะไรติดขัดแล้ว ทุกอย่างได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาเมืองไทยเพื่อมาต่อสู้คดี กลับมาก็เลิกยุ่งการเมืองโดยเด็ดขาด ท่านใช้คำว่า หน่อมแน้ม กลับมาก็เป็นคนปกติธรรมดา ไม่ได้ไปยุ่งการเมือง ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชาชน จะอยู่อย่างเงียบๆ ไปกินกวยเตี๋ยว พบสื่อมวลชนบ้าง และ ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และ จะไม่มีการเตรียมตำแหน่งใดๆ ไว้รองรับ

ย้ำอีกทีว่าในฐานะที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ก็พูดจริงทำจริง ท่านก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น ท่านบอกว่าพอแล้ว ก็เป็นคนปกติธรรมดา” (มติชน ฉบับวันอังคารที่ 26 ก.พ.)

พร้อมกันนี้ นายนพดล ยอมรับอีกเช่นกันว่า ข้าราชการกระทรวงได้เช็กข้อมูลระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการกฤษฎีกาและอัยการสูงสุดแล้วก็ได้คืนพาสปอร์ตเล่มแดงให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนนี้ปฏิเสธว่าไม่ใช่วาระเร่งด่วนมาตลอด

นี่เพียงวาระเร่งด่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่บรรดารัฐมนตรีนอมินีต่างเร่งลงมือกระทำเพื่อต้อนรับ ‘นาย’ ซึ่งไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับไทยมาเมื่อไหร่ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรือเลื่อนออกไปเพราะผิดแผนที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช โดนใบแดง คาดว่าน่าจะมีวาระเร่งด่วนจากรัฐมนตรีนอมินีเหล่านี้อีกหลายชุดใหญ่

วาระเหล่านี้แม้จะมีมาก แต่หากรัฐมนตรีปากกล้าทั้งหลายยังช่วยกันเร่งทำโดยไม่ต้องปิด ไม่ต้องซ่อนเร้น ไม่ต้องเกรงใจประชาชนเช่นนี้ มองอีกมุมก็ดีไปอย่าง ‘วาระสุดท้าย’ ของรัฐบาลชุดนี้คงมาถึงเร็วขึ้น

ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น