xs
xsm
sm
md
lg

“พันธมิตรฯ” อัดยับ “พวกไร้สำนึก” แบกพาสปอร์ตแดงคืน “แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พันธมิตรฯ” กระตุกต่อมสำนึก “นพดล-ยงยุทธ” หลังแบกตำแหน่งเอาพาสปอร์ตแดงไปคืนให้ “ทักษิณ” ที่เป็นอาชญากรแผ่นดินถึงประเทศจีน ด้าน “วีระ” แฉแหลกทหารคุ้มครอง “พยานคดีทั่นยุทธ” ถูกเรียกตัวกลับ พร้อมขู่ฆ่าหากไม่กลับคำให้การ
 

รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี คืนวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้เปิดประซักถามนายพิภพ ธงไชย ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ และนายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) ถึงจุดยืนของการฟื้นพันธมิตรฯ อีกครั้ง หลังจากมีสัญญาการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ด้วยการย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อเตรียมรับการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

โดย นายพิภพ กล่าวว่า ใน 4 ปีแรกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ บริหารประเทศ ก็ถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการซุกหุ้น จนมาถึงการเลือกตั้งที่ผ่านมา เสียงของพรรคพลังประชาชน ก็ไม่พอที่จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งปรากฏว่ามีเสียงที่ไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่า แต่กลับมีนักการเมืองปลิ้นปล้อนทำให้เป็นอย่างนี้ จนกระทั่งมีการตั้งรัฐมนตรีขี้เหร่ เป็นเหตุให้ประชาชนเกิดความรู้สึกไม่ดี

“นอกจากนี้ยังมีกรณีการแต่งตั้งเลานุการ และผู้ช่วยรัฐมนตรี แล้วยังย้ายนายสุนัยให้พ้นจากตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะโยกย้าย ซึ่งสอดรับกับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังจะกลับประเทศไทย ถามว่าแล้วจะให้เราอยู่เฉยหรืออย่างไร จึงอยากถามกลับไปว่า ทำไมจะต้องเอาคนๆ เดียวที่มีปัญหา แล้วเคยคิดถึงคน 63 ล้านคนหรือไม่” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ในอดีตก็พบว่ามีปัญหาเรื่องการเลือกตั้ง เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำให้เกิดปัญหาซ้ำซาก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดกลียุคขึ้นในอนาคตอันใกล้ก็เป็นได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ศาล อัยการ และนักการเมือง จะต้องดำรงความยุติธรรมเพื่อให้เกิดความถูกต้อง โดยในต่างประเทศก็มีตัวอย่างให้เห็นว่า ถ้าหากปัญหาไหนเกิดซ้ำซาก บ้านเมืองมันก็จะเกิดกลียุค ฉะนั้นต้องตั้งหลัก

“กรณีที่ กกต.ไปกล่าวหาผู้ร้องเรียนว่าสติปัญญาฟั่นเฟือนนั้น ถือเป็นการไม่สมควร เพราะคนพูดไม่สามารถดำรงความถูกต้องได้ ดังนั้นจึงควรแสดงความถูกต้องด้วยการลาออก และที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องหนีออกไปนอกประเทศ เป็นเพราะจริยธรรมของเขาเอง ทั้งเรื่องการซุกหุ้น และการออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองในการขายหุ้น และสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็คือ กรณีที่นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภา กำลังปูทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นคนสร้างปัญหาให้กับประเทศ โดยเอาพาสปอร์ตแดงเดินทางไปมอบให้ถึงประเทศจีน” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่า 5 พันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นเจ้าของประเทศ เพราะพันธมิตรฯ ทำหน้าที่เอาคนที่ดูเหมือนว่าจะมีความผิด เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดังนั้นต้องทำให้ประชาชนมีจิตสำนึกในการเป็นเจ้าของประเทศ และลดช่องว่างทางรายได้ รวมทั้งพรรคการเมืองต้องเป็นประชาธิปไตย เพราะถ้าพรรคการเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย แล้วประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร

“ผมเข้าใจคนรักทักษิณ เพราะทักษิณเขาสร้างนโยบายประชานิยม แต่เป็นประชานิยมจอมปลอม เพราะทั้งกรณีร่ำรวยผิดปกติ หรือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้นถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นคนที่ไม่ชอบรักทักษิณ ก็ต้องเคารพคนชอบทักษิณ และคนที่ชอบทักษิณ ก็ต้องเคารพคนรักทักษิณ ซึ่งถ้าทำอย่างนี้ได้ทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะเดินไปด้วยกันได้ แต่ปัญหาก็คือทักษิณ ไม่เคยรู้ตัวเลย ดังนั้น ขอเตือนว่าอย่าใช้ท่าที หรือความรุนแรงมาเป็นกระตุ้น” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพยังบอกไปถึงนักวิชาการบางคนที่กล่าวหาว่าแถลงการณ์พันธมิตรฯ ทำให้ประชาธิปไตยถอยหลังว่า นักวิชาการคนนั้นต้องกลับไปเรียนใหม่ เพราะการที่พันธมิตรฯ ออกมาบอกว่าจะมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และทำให้ประชาชนตื่นตัว มันทำให้ประชาธิปไตยถอยหลังตรงไหน

ด้าน นายวีระ กล่าวเสริมว่า กรณีที่มีการย้ายนายสุนัยแล้วทำไมถึงไม่เอารองอธิบดีขึ้นมาเป็นอธิบดีแทน แต่การย้าย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มานั่งเป็นอธิบดี ดีเอสไอ นั้น เพราะเขากำลังเคลียร์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศ เนื่องจากมีผลกรณีถ้าศาลถามว่า จะอนุมัติให้ประกันตัว พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ซึ่งลึกๆ แล้ว พ.ต.อ.ทวี เป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาก่อน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายกว่าถ้าจะเปลี่ยนตัวอธิบดี

“เมื่อ 2 วันก่อนมีงานคนรักทักษิณที่ จ.เชียงราย โดยในงานได้มีการต่อสายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดกับประชาชนที่มาร่วมงานว่า ขอให้สนับสนุนนโยบายของพรรคไทยรักไทย และยังบอกอีกว่าพ่อแม่พี่น้องดีใจหรือไม่ ที่มีประธานสภาเป็นคน จ.เชียงราย ซึ่งพฤติการณ์นี้มีความชัดเจน”นายวีระ กล่าว

ส่วนที่นายนพดล และนายยงยุทธ เอาพาสปอร์ตแดงไปประเคนให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศจีน นั้น นายวีระ กล่าวว่า อยากถามคนที่เอาพาสปอร์ตไปให้ว่า คุณปฏิบัติตามที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณไว้หรือไม่ เพราะคุณแบกตำแหน่งไปหาอาชญากรที่ถูกออกหมายจับ แล้วเรายังอยากให้คนอย่างนี้อยู่ในตำแหน่งอีกหรือไม่ อีกทั้งวันนี้ผมได้ข่าวไม่ดีมาว่า มีการย้ายด่วนคนที่ดูแลคดีของนายยงยุทธ รวมทั้งมีการเรียกกลับทหาร 3 นายที่ไปเฝ้านายปิยวัฒน์ ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญในคดี

“ที่สำคัญคือ คนที่มีอิทธิพลในพื้นที่นั้น เรียกลูกชายของนายปิยะวัฒก์ เข้าไปหา โดยบอกว่า ถ้าพ่อมึงไม่กลับคำให้การ ไม่ว่าจะหนีไปอยู่ที่ไหน กูจะตามไปฆ่า ที่สำคัญคือถ้า กกต.ตัดสินว่านายยงยุทธไม่ผิด ผมจะเอาเอกสารและหลักฐานทั้งหมดมาเปิดเผยในรายการนี้ แล้วให้ท่านผู้ชมตัดสินดูว่านายยงยุทธมีความผิดหรือไม่” นายวีระ กล่าว

นายวีระ กล่าวอีกว่า กรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกมาระบุว่าลูกตัวเองบริสุทธิ์นั้น อย่าลืมว่าอายุความยังไม่หมด และอยู่ในบัญชีที่ตนจะดำเนินการต่อไปในอนาคต และที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า พันธมิตรฯ ต้องรับผิดชอบหากมีอะไรเกิดขึ้นนั้น ถามว่าพันธมิตรฯ ต้องรับผิดชอบเรื่องอะไร ทั้งๆ ที่ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยึดอำนาจได้แล้ว 2 ฝ่าย คือ ได้นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และยังมีนายยงยุทธเป็นประธานฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าอำนาจตุลาการยึดได้หรือยัง แล้วอย่างนี้จะให้ประชาชนอยู่เฉยได้อย่างไร

“28 ก.พ.นี้ ทักษิณจะกลับประเทศ ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเคารพกฎหมาย โดยต้องให้ตำรวจจับกุมเสียก่อน แล้วค่อยประกันตัว จากนั้นค่อยกลับไปหาประชาชนของคุณ และคนรักทักษิณ ถ้าอยากจะไปรับก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะทักษิณ ยังมีอยู่อีก 2 คดี ซึ่งถ้าไม่ทำ ก็จะสะท้อนไปทั่วโลก จึงขอให้ทักษิณกลับมาสู้คดี และกลับมาพิสูจน์ตัวเองโดยเคารพกฎหมายด้วย” นายวีระ ระบุ

ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความเป็นธรรมใน กกต.ไม่มีแล้ว โดยเฉพาะนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ซึ่งเคยทำหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม กลับไปกล่าวหาคนที่ไปร้องเรียนว่าจิตผิดปกติ อีทั้งเรื่องนายยงยุทธ ยังตรวจสอบไม่ได้ว่ามีความผิดหรือไม่ แต่กลับรับรองเขาไปแล้ว และยังไปหาคนที่เป็นอาชญากรแผ่นดิน ดังนั้น กกต.จึงมีความสำคัญ เพราะประชาชนคาดหวังมาก

“ส่วนความผิดของทักษิณ ที่เห็นได้ชัดเจน คือ เรื่องการแปรรูป กฟผ. และ ปตท. ซึ่งศาลวินิจฉัยออกมาแล้วว่ามีความผิด รวมทั้งกรณีไอทีวี โดยเฉพาะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.นั้น ศาลก็ระบุว่ามีความผิดจนถึงขั้นยุบพรรคไทยรักไทย นี่คือหลักฐานที่คนทั้งโลกรับรู้ ผมไม่ได้รัก และไม่ได้เกลียดทักษิณ แต่ที่ตรวจสอบเพราะเป็นผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งสังคมไทยต้องตระหนักว่า ตราบใดที่เขาใช้อำนาจหน้าที่ไม่ชอบ จะต้องมีการตรวจสอบ ซึ่งไม่ใช่ข้อขัดแย้งระหว่างคนรัก หรือไม่รักทักษิณ” นายสมศักดิ์ กล่าว





กำลังโหลดความคิดเห็น