xs
xsm
sm
md
lg

“สมชัย” ส่อปล่อย “ยงยุทธ” พ้นผิดแถมคดีนอมินี “ทักษิณ” มีสิทธิวืด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สมชัย” ออกอาการอุ้ม “ยงยุทธ” พ้นผิด พูดแปลกความผิดไม่ถึงขั้นเลือกตั้งใหม่ควรยุติเรื่อง เปรียบ “ทั่นยุทธ” เหมือนองคุลีมาร ทำผิดมีสิทธิกลับตัวเป็นคนดีได้ ส่วนคดี พปช.นิมินี “ทักษิณW ก็ส่อวืด “สมชัย” ระบุไม่มีความผิดเกี่ยวกับ “นอมินี” ในกฎหมาย ยกตัวอย่างคนมีเงินแล้วส่งมาให้ดำเนินการทางการเมือง ไม่ถือว่าผิด เหตุเป็นคนไทยเหมือนกัน

นายสมชัย จึงประเสริฐ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวน สอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงผลสอบสวนการทุจริตเลือกตั้งเชียงรายของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า เท่าที่ได้ดูผลสรุปสำนวนฉบับที่นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน เสนอมา เห็นว่าไม่มีอะไรแตกต่างจากสำนวนของที่สันติบาลทำ เพราะเป็นการเอาสำนวนที่สันติบาลทำมาไว้แล้ว มาถามว่าพยานจะยืนยันหรือไม่ ซึ่งมีพยานบางส่วนที่เคยให้การว่านายยงยุทธทำผิดกลับคำให้การ แต่บางคนก็ยังคงยืนยันเหมือนเดิม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ที่กำนันซึ่งเป็นพยานส่วนใหญ่ยืนยันว่าได้รับเงิน 2 หมื่นบาทจากนายยงยุทธจริง ก็ไม่มีมูลใช่หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ไปตีกันเสียเรื่องใหญ่โต ตีกันซะจนเละเทะ พูดไปก็เดี๋ยวจะหาว่าสำนวนรั่ว ไม่อยากจะพูด อย่างวีซีดีที่ว่าเป็นหลักฐานนั้น มันไม่จำเป็นอะไร ถ่ายหรือไม่ถ่ายมาก็ได้ ทำซ้ำ ทำซากอะไรก็ได้ มันไม่จำเป็น ไม่ได้สำคัญอะไร แต่กลับไปพูดกันเสียจนเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ที่พูดกันว่าจัดฉากมันก็อาจจะจัดบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เป็นสาระสำคัญอะไรที่จะต้องพิจารณา

ดังนั้นที่ว่าจะให้ส่งวีซีดีไปให้กองพิสูจน์หลักฐานมันจึงไม่จำเป็นอะไรเลย เพราะมันมีตั๋วเครื่องบินมา และเขาก็ยอมรับว่าได้มีการไปพูด ไปคุยกันจริง แต่ว่าไม่ได้นัดหมายไว้ก่อน สาระสำคัญมันจึงไม่ได้อยู่ที่ไปนั่งพูด นั่งอะไร วิจารณ์ออกสื่ออะไร มันไม่ใช่

ส่วนพยานปากสุดท้ายที่นายยงยุทธ ขอนำมาสืบเพิ่มเติมซึ่งเป็นตำรวจนั้น ตนก็ไม่ทราบว่าจนถึงขณะนี้คณะอนุกรรมการฯได้สอบแล้วเสร็จหรือยัง แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่ว่าจะนำมาสอบหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะคงไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ส่วนระหว่างที่กกต.ยังไม่พิจารณาสำนวนนี้นายยงยุทธ มีสิทธิที่ทำหนังสือขอนำมาพยานมาสอบเพิ่มเติมได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับ กกต.ว่าจะพิจารณาให้แค่ไหนอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า เพราะอนุกรรมการฯได้สรุปผลสอบสวนแล้วใช่หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า สรุปมาแล้วมันก็ไม่สำคัญอะไรหรอก เพราะบางทีสรุปมั่วๆ ก็มี

“แม้ที่มาของสำนวนทุจริตเชียงรายจะเหมือนไม่ถูกต้อง เพราะที่สอบสวนในครั้งแรกเป็นคณะกรรมการสอบสวนของสันติบาล แต่เมื่อ กกต.สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนใหม่โดยมีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน ก็ถือว่าการสอบสวน สำนวนนี้ถูกต้องตามระเบียบสืบสวนสอบสวนแล้ว ส่วนที่พรรคพลังประชาชนระบุว่าจะมีการร้องให้คดีทุจริตเลือกตั้งที่สันติบาลเป็นผู้ดำเนินการเป็นโมฆะนั้น ยอมรับว่าในชั้นแรกมีการให้สันติบาลดำเนินการ แต่ต่อมาก็มีการมาตั้งคณะกรรมการสืบสวน สอบสวนที่ถูกต้องแล้ว ซึ่งก็มีหลายสำนวนที่ดำเนินการเช่นนี้ ไม่ใช่ทุกสำนวน ยืนยันเราไม่ได้สนใจสำนวนใดสำนวนหนึ่งโดยเฉพาะ”

นายสมชัย กล่าวว่า คดีนี้ บางคนก็บอกว่าทำไมกกต.ไม่รีบๆ สอยเอามันลงมาซะ นั่นเป็นการมองเอาความสะใจ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าเนื้อหามันเป็นอย่างไร คนนี้เมื่อก่อนอาจจะเป็นคนไม่ค่อยดี สีเทา บัดนี้เขาจะทำความดีเสียหน่อย เราจะไม่ให้โอกาสเขาหรือ ถ้าเขาทำความดี เขาอาจจะทำได้ดีกว่าคนอื่นก็ได้ เพราะเขารู้ว่า ความชั่วเป็นอย่างไร และเขาจะไม่ทำอีก บางคนไม่เคยทำความชั่วไม่รู้ แยกไม่ถูก ก็ใช่ว่าจะดีกว่าเสมอไป

“คุณยงยุทธ เราก็รู้เขาเป็นสีเทา แต่เขาก็มีสิทธิที่จะมีตำแหน่งเป็นอะไรต่างๆ แต่กลับมาบอกว่าให้กกต.เอาสีเทาออกไป ซึ่งทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจ จึงอยากจะถามว่าทำไมพวกคุณไม่เขียนกฎหมายห้ามเอาไว้ จะได้หมดปัญหา เราเป็น กกต. ขนาดอยู่ตรงกลาง ยังโดนเสียน่วม ซึ่ง กกต.จะพิจารราตัดสินสำนวนใดจะต้องดูให้รอบคอบ ต้องนำกฎหมายมาประกอบว่าเขาผิดตรงไหน เหมือนกับ องคุลีมาล ฆ่าคนตั้ง 999 คน แต่พอครั้งที่พัน ไม่ทำก็ไปกล่าวหาว่าเขาเป็นโจร เอาหินไปขว้าง จนองคุลีมาลบรรลุธรรม ดังนั้นกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมจะทำให้ประชาชนลุกฮื้อ ทำให้ประเทศชาติไม่สงบสุข บางครั้งคนอดอยากยังทนได้ แต่ถ้าถูกรังแกมันทนไมได้ คดีคุณยงยุทธ หากพิจารณาแล้วไม่มีเหตุสำคัญถึงขนาดจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ เราก็สามารถสั่งให้ยุติเรื่องก็ได้ อย่าเอาภาพมัวๆ ของเขาผูกกับกฎหมายแล้วไปตัดสินเขา แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมกกต.ว่าจะเห็นอย่างไร”

นายสมชัย กล่าวว่าขณะนี้สำนวนร้องคัดค้านทุจริตเลือกตั้งมีจำนวนมากที่ กกต.ยังไม่ได้พิจารณา เพราะเดิมที่มีไม่กี่ร้อยเรื่องขณะนี้เข้ามาอีก 400 กว่าเรื่องที่เข้ามา

นายสมชัย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนกรณีพรรคพลังประชาชน เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทยที่มี ที่มีนายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ เป็นประธานว่า ไร้สาระ บางคนก็บอกว่าไม่รู้จะไปตั้งกรรมการสอบทำไม เปิดกฎหมายเท่าไรมันไม่มีคำว่านอมินี

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าผลสรุปมีแนวโน้มว่าจะไม่ผิดใช่หรือไม่ นายสมชัย หัวเราะก่อนกล่าวว่า กกต.ยังไม่ได้ประชุมเลย จากนั้นนายสมชัยก็ชี้มือมายังผู้สื่อข่าวชาย และหญิงที่ยืนอยู่พร้อมกับกล่าวว่า ถ้าผู้หญิงไปแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง จะบอกว่าเป็นนอมนีหรือไม่ โดยหลักของการปกครองบ้านเมืองระบบประชาธิปไตยนั้น สมัยก่อนการที่เราจะไปได้อำนาจอธิปไตยอีกบ้านหนึ่ง จะต้องขี่ช้างขี่ม้า ไปรบ ไปยึดเอามา แต่เมื่อเราต้องการปกครองในระบบประชาธิปไตย เราต้องการให้อำนาจ ทั้งหมดอยู่กับประชาชนด้วยวิถีทางของการเลือกตั้ง

“สมมุตผมเป็นเมืองๆ หนึ่งมีเงินมีทุน แล้วผมเอาเงิน ทุนทุกอย่างไปให้บุคคล คนหนึ่งที่อยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งเมื่อเขามีเงิน มีทุน เขาก็สามารถเป็นใหญ่ในเมืองนั้น ผมก็สามารถที่จะควบคุมเขาได้ และผมก็มีอำนาจในเมืองนั้น แต่กฎหมายของเรา เขียนห้ามไม่ให้ชาวต่างชาติมาช่วยหาเสียง หรือเอาทุนจากต่างชาติมาใช้หาเสียง แต่เราไม่ได้ห้ามคนไทย เพราะตามหลักของรัฐธรรมนูญแล้วคนไทยต้องเท่าเทียมกัน ซึ่งโดยหลักแล้วเขาก็คงรักเมืองไทย เพราะในกฎหมายหากเป็นชาวต่างชาติ ทำผิดกฎหมายไทยก็สามารถเนรเทศออกนอกประเทศได้ แต่นี่เขาเป็นคนไทยจะไปเนรเทศเขาคงไม่ได้ ถ้าผิดก็ต้องมาขึ้นศาลไทย จะไปด่าเขาว่าเนรคุณ หรือไม่เนรคุณเขาก็คือคนไทย”

นายสมชัย กล่าวว่า ตามหลักแล้วต้องเข้าใจว่า พรรคพลังประชาชน แนวคิด สมาชิกต่างๆ มันก็คือพรรคไทยรักไทยเดิมก็รู้กันอยู่ แต่เป็นสิทธิตามกฎหมาย ที่เขาสามารถทำได้ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่มีกฎหมายพรรคการเมืองไปควบคุม คนเหล่านี้ก็ถือเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร แต่เมื่อมีกฎหมายพรรคการเมือง ก็เป็นการรวมเอาคนที่มีความคิดเดียวกันมาดำเนินกิจการทางการเมือง และการที่มีกฎหมายตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคที่กระทำผิด สมาชิกที่เหลืออยู่ ก็สมารถที่จะตั้งบุคคลขึ้นมาเป็นกรรมการบริหารพรรคได้ แต่พรรคไทยรักไทยมันอยู่ไม่ได้เพราะพรรคที่ถูกยุบแล้วมันใช่ชื่อเดิมไม่ได้ ก็เลยย้ายกันไปอยู่พรรคพลังประชาชน ที่จริงแล้วชื่อคนชื่อพรรคไม่สำคัญเพราะเป็นนามธรรม เพราะถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อใหม่ แต่สมาชิกพรรคและอุดมการณ์ของพรรคก็ยังเป็นเหมือนเดิม

ด้าน นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายงานข่าวจาก กกต.ที่ระบุว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม ยื่นคำร้องกรณีนายงยุทธ ได้ปราศรัยว่าถูกนายทหารและกองทัพคุกคาม เป็นเหตุให้กองทัพเสื่อมเสียว่า ตนไม่ขอพูดในเรื่องข้อกล่าวหา เรื่องข้อกล่าวหาตนโดนหลายข้อกล่าวหา ซึ่งมีการฟ้องร้องโดยเพื่อนทหาร ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าตนเป็นเป้า

ทั้งนี้ หากบ้านเมืองสงบแล้ว ตนจะไม่มองไปข้างหลังแต่จะมองไปแต่ข้างหน้า เป็นเรื่องที่ฟ้องร้องต่อเนื่องกันมา ไม่เป็นไร ซึ่ง กกต.สั่งให้ไปให้ข้อมูล ตนก็จะไป ทั้งนี้เท่าที่ทราบมีอีกประมาณ 8 ข้อกล่าวหาที่ตนต้องชี้แจงไปเรื่อยๆ

นายยงยุทธ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศจีน เพื่อหาทางออกหาก กกต.จะให้ใบแดง ว่า“เป็นเพียงข่าวปล่อย ถ้าจะไปวันไหนแล้ว ผมจะโทรบอก จะให้โทรศัพท์ไปแจ้งที่ไหน”
กำลังโหลดความคิดเห็น