ลุ้นผลสอบทุจริตเลือกตั้ง “ทั่นยุทธ” สัปดาห์หน้า ประธานอนุฯสอบสวนเตรียมสรุปเสนอ กกต.หลุงสอบปากคำพยานครบทุกปาก “สุวิทย์” ปฎิเสธข่าว “ทั่นยุทธ์”หลุดคดี ระบุสอบตามหลักการ “อนุรักษ์” มั่นใจ แจงคดียุบ ชท.ได้ ติง กกต.ไม่ควรเอากม.เลือกตั้งมาพัวพันกับกฎหมายพรรคการเมือง
นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณีทุจริตเลือกตั้งจ.เชียงราย กล่าวภายหลังการประชุมวานนี้ (8 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือกันอย่างกว้างขวางว่าจะส่งวีซีดีทั้ง 8 แผ่นที่ใช้ประกอบสำนวนของ นายยงยุทธ ให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ตรวจสอบหรือไม่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปในประเด็นดังกล่าว
อย่างไรก็ตามคณะอนุกรรมการฯ ไม่จำเป็นต้องเรียกพยานบุคคลหรือพยานหลักฐานมาสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว เนื่องจากได้สอบสวนพยานทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องทุกปากตามที่ได้ร้องขอแล้ว โดยเฉพาะพยานฝ่ายนายยงยุทธนั้นเราก็ได้สอบสวนไปตามร้องขอแล้ว
“คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคณะอนุกรรมการฯจะสามารถสรุปสำนวน ความเห็นให้ กกต.พิจารณาได้ เพราะเหลือประเด็นพิจารณาอยู่ไม่มาก ทั้งนี้ ผมคงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้ อีกทั้งการพิจารณาของคณะอนุกรรม การฯ ชุดนี้ก็มีหน้าที่เพียงสอบสวนข้อเท็จจริงและเสนอให้กกต.เท่านั้น ส่วนผู้ที่จะสั่งการหรือชี้ชัดในสำนวนดังกล่าวเป็นหน้าที่ของกกต. หาก กกต.มีมติ ยกคำร้อง ก็ถือว่าเรื่องนี้สิ้นสุด แต่ถ้าไม่ยกคำร้องก็ต้องส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาต่อ”
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายยงยุทธอาจจะได้ใบขาวนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า "ผมก็ทำหน้าที่ของผม มีหน้าที่ก็สอบสวนไป ทำตามหลักการ มีอะไรเสนอเข้ามาเราก็สอบสวน ไม่ได้เข้าข้างใคร ซึ่งสัปดาห์หน้าเราจะประชุมทุกวันเพื่อสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะกกต.ก็รอผลสอบนี้อยู่"
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้งกล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า คณะอนุกรรมการสอบสวนกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ทุจริตการเลือกตั้งจะมีมติในเรื่องการส่งวีซีดีไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบตามที่ผู้ถูกร้อง ขอหรือไม่ เนื่องจาก กกต.มอบอำนาจสอบสวนให้คณะกรรมการแล้ว เพราะฉะนั้นกกต.ไม่มีอำนาจ ไปแทรกแซง แต่อย่างใด
นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กกต.จะเรียกนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคไปชี้แจงกรณี นายมณเฑียร สงฆ์ประชา กรรมการบริหารพรรค ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและอาจทำให้พรรคชาติไทยถูกยุบได้ว่า พรรคยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าวจาก กกต. ทราบจากข่าวเท่านั้น โดยพรรคได้มอบหมายให้ตนดูแลเรื่องนี้ ซึ่งคงต้องประสานไปยัง กกต. โดยหัวหน้าพรรคจะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติมไป
นายอนุรักษ์ กล่าวว่า การยุบพรรคนั้น คิดว่าอนุกรรมการของกกต. คงต้องทำความเข้าใจในเรื่องของกรอบให้ตรงกัน เพราะเรื่องใบแดงนั้นเกิดขึ้นจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. แต่ในกฎหมายเขียนว่าหากมีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นก็ให้มีการดำเนินการต่อไปโดยใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ดังนั้นข้อเท็จจริงต่างๆ ก็ต้องมอง ในประเด็นว่าผู้บริหารพรรครู้เห็นเป็นใจหรือไม่ อนุกรรมการฯคงไม่เอากรณี การให้ใบแดงมาตัดสินตรงนี้เลย เพราะเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วและศาลรัฐธรรมนูญ ก็เคยวินิจฉัยว่ากรอบตรงนี้คงไม่เอาข้อเท็จจริงจากกฎหมายเลือกตั้งอย่างเดียว คิดว่ากกต.รู้ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่าที่ดูข้อมูลคิดว่าจะสามารถชี้แจงกับกกต.ได้หรือไม่ นายอนุรักษ์ กล่าวว่า ได้เพราะนายมณเฑียร ก็เคยเป็นเลขาฯตนมาก่อน สามารถชี้แจงได้อยู่แล้ว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นก็เกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้งล่วงหน้า และนายมณเฑียร ก็ยืนยันว่ายังไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเลยว่าเป็นอย่างไร และในส่วนของพรรคเองก็ได้กำชับสมาชิกตลอด ซึ่งก็คงได้ชี้แจงต่ออนุกรรมการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อได้รับมอบหมายจากพรรค อย่างนี้จะต้องไปชี้แจงต่อกกต. ด้วยตัวเองหรือไม่ นายอนุรักษ์ กล่าวว่า ขอดูข้อบังคับก่อน เพราะเรื่องนี้พรรคได้ประชุมมาครั้งหนึ่งแล้ว และคงต้องรอหนังสือจาก กกต.อย่างเป็นทางการด้วย ถ้าพรรค มอบหมายก็คงต้องไปชี้แจง ไม่ได้วิตกในเรื่องนี้ เพราะข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็ชี้แจงไปตามนั้น
“เรื่องนี้ คุณมณเฑียร เองก็ไม่สบายใจ และเคยให้การไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ในเขตอำเภอเมือง เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ ซึ่งไปดูคะแนนเสียงก็จะรู้เลยว่าข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร ในทางปฏิบัตินั้นในพื้นที่เขาก็ต้องแบ่งงานกันทำ คุณมณเฑียร อยู่ในเขต 2 คงไม่ตั้งหัวคะแนนในเขต 1 ตอนนี้คงต้องขอดูสำนวนเพิ่มเติมก่อน ที่สำคัญจำนวนเงินดังกล่าวนั้นเป็นเงินของพรรคหรือไม่ ต้องมาตรวจสอบดู”
นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณีทุจริตเลือกตั้งจ.เชียงราย กล่าวภายหลังการประชุมวานนี้ (8 ก.พ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือกันอย่างกว้างขวางว่าจะส่งวีซีดีทั้ง 8 แผ่นที่ใช้ประกอบสำนวนของ นายยงยุทธ ให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ตรวจสอบหรือไม่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปในประเด็นดังกล่าว
อย่างไรก็ตามคณะอนุกรรมการฯ ไม่จำเป็นต้องเรียกพยานบุคคลหรือพยานหลักฐานมาสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว เนื่องจากได้สอบสวนพยานทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องทุกปากตามที่ได้ร้องขอแล้ว โดยเฉพาะพยานฝ่ายนายยงยุทธนั้นเราก็ได้สอบสวนไปตามร้องขอแล้ว
“คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคณะอนุกรรมการฯจะสามารถสรุปสำนวน ความเห็นให้ กกต.พิจารณาได้ เพราะเหลือประเด็นพิจารณาอยู่ไม่มาก ทั้งนี้ ผมคงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้ อีกทั้งการพิจารณาของคณะอนุกรรม การฯ ชุดนี้ก็มีหน้าที่เพียงสอบสวนข้อเท็จจริงและเสนอให้กกต.เท่านั้น ส่วนผู้ที่จะสั่งการหรือชี้ชัดในสำนวนดังกล่าวเป็นหน้าที่ของกกต. หาก กกต.มีมติ ยกคำร้อง ก็ถือว่าเรื่องนี้สิ้นสุด แต่ถ้าไม่ยกคำร้องก็ต้องส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาต่อ”
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายยงยุทธอาจจะได้ใบขาวนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า "ผมก็ทำหน้าที่ของผม มีหน้าที่ก็สอบสวนไป ทำตามหลักการ มีอะไรเสนอเข้ามาเราก็สอบสวน ไม่ได้เข้าข้างใคร ซึ่งสัปดาห์หน้าเราจะประชุมทุกวันเพื่อสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพราะกกต.ก็รอผลสอบนี้อยู่"
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้งกล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า คณะอนุกรรมการสอบสวนกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ทุจริตการเลือกตั้งจะมีมติในเรื่องการส่งวีซีดีไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบตามที่ผู้ถูกร้อง ขอหรือไม่ เนื่องจาก กกต.มอบอำนาจสอบสวนให้คณะกรรมการแล้ว เพราะฉะนั้นกกต.ไม่มีอำนาจ ไปแทรกแซง แต่อย่างใด
นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กกต.จะเรียกนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคไปชี้แจงกรณี นายมณเฑียร สงฆ์ประชา กรรมการบริหารพรรค ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและอาจทำให้พรรคชาติไทยถูกยุบได้ว่า พรรคยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าวจาก กกต. ทราบจากข่าวเท่านั้น โดยพรรคได้มอบหมายให้ตนดูแลเรื่องนี้ ซึ่งคงต้องประสานไปยัง กกต. โดยหัวหน้าพรรคจะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติมไป
นายอนุรักษ์ กล่าวว่า การยุบพรรคนั้น คิดว่าอนุกรรมการของกกต. คงต้องทำความเข้าใจในเรื่องของกรอบให้ตรงกัน เพราะเรื่องใบแดงนั้นเกิดขึ้นจากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. แต่ในกฎหมายเขียนว่าหากมีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นก็ให้มีการดำเนินการต่อไปโดยใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ดังนั้นข้อเท็จจริงต่างๆ ก็ต้องมอง ในประเด็นว่าผู้บริหารพรรครู้เห็นเป็นใจหรือไม่ อนุกรรมการฯคงไม่เอากรณี การให้ใบแดงมาตัดสินตรงนี้เลย เพราะเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วและศาลรัฐธรรมนูญ ก็เคยวินิจฉัยว่ากรอบตรงนี้คงไม่เอาข้อเท็จจริงจากกฎหมายเลือกตั้งอย่างเดียว คิดว่ากกต.รู้ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่าที่ดูข้อมูลคิดว่าจะสามารถชี้แจงกับกกต.ได้หรือไม่ นายอนุรักษ์ กล่าวว่า ได้เพราะนายมณเฑียร ก็เคยเป็นเลขาฯตนมาก่อน สามารถชี้แจงได้อยู่แล้ว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นก็เกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้งล่วงหน้า และนายมณเฑียร ก็ยืนยันว่ายังไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเลยว่าเป็นอย่างไร และในส่วนของพรรคเองก็ได้กำชับสมาชิกตลอด ซึ่งก็คงได้ชี้แจงต่ออนุกรรมการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อได้รับมอบหมายจากพรรค อย่างนี้จะต้องไปชี้แจงต่อกกต. ด้วยตัวเองหรือไม่ นายอนุรักษ์ กล่าวว่า ขอดูข้อบังคับก่อน เพราะเรื่องนี้พรรคได้ประชุมมาครั้งหนึ่งแล้ว และคงต้องรอหนังสือจาก กกต.อย่างเป็นทางการด้วย ถ้าพรรค มอบหมายก็คงต้องไปชี้แจง ไม่ได้วิตกในเรื่องนี้ เพราะข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็ชี้แจงไปตามนั้น
“เรื่องนี้ คุณมณเฑียร เองก็ไม่สบายใจ และเคยให้การไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ในเขตอำเภอเมือง เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ ซึ่งไปดูคะแนนเสียงก็จะรู้เลยว่าข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร ในทางปฏิบัตินั้นในพื้นที่เขาก็ต้องแบ่งงานกันทำ คุณมณเฑียร อยู่ในเขต 2 คงไม่ตั้งหัวคะแนนในเขต 1 ตอนนี้คงต้องขอดูสำนวนเพิ่มเติมก่อน ที่สำคัญจำนวนเงินดังกล่าวนั้นเป็นเงินของพรรคหรือไม่ ต้องมาตรวจสอบดู”