xs
xsm
sm
md
lg

“อานันท์” ชี้อย่าอ้างเลือกตั้ง คนฉลาดขี้โกง ย้อนยุค 7 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อานันท์” เตือนอย่าอ้างการเลือกตั้ง เพื่อความเป็นประชาธิปไตย เพราะยังมีคนฉลาดตั้งใจโกง ชี้ หลังการเลือกตั้งการเมืองไทยเหมือนย้อนเวลาไป 7 ปี ในขณะที่ “ประสงค์” ชูภาคประชาชน ตั้ง “สมัชชาประชาชน” ตั้งรัฐบาลเงาภาคประชาชน ตรวจสอบรัฐบาล แขวะ ครม.ของเก่าทาสีใหม่

วันนี้ (5 ก.พ.) ที่ ม.หอการค้าไทย คณะทำงานรณรงค์เลือกตั้งใสสะอาด ในคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดเสวนาวิชาการในหัวข้อ “บทเรียนเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2550 โดยมี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกล่าวปฐกถานำ ในขณะที่วิทยากร ประกอบด้วย นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า พล.อ.สายหยุด เกิดผล ประธานเครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง (พีเน็ต) นายปราโมทย์ นาครทรรพ คอลัมนิสต์ นายณรงค์ โชควัฒนา รองประธานคณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วม สนช.

นายอานันท์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเรียกการเมืองไทยว่าเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ ค่อนใบ หรือเต็มใบ แต่ก็เป็นเพียงสิ่งที่เราหลอกตัวเอง เพราะหลายครั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเอง กลับมีจิตใจที่มีประชาธิปไตยน้อยที่สุด สิ่งที่เราต้องเรียนรู้ ก็คือว่า รัฐธรรมนูญเป็นเพียงกฎหมายสูงสุดที่คอยกำกับผู้ที่ใช้อำนาจ ซึ่งก็ไม่ต่างกับกฎหมายที่ห้ามการก่อฆาตกรรม การข่มขืน หรือการหลอกลวงประชาชน ซึ่งเมื่อบังคับใช้แล้ว แต่ก็ไม่ได้สามารถที่จะหยุดการกระทำผิดต่างดังกล่าวไว้ได้ เราต้องเข้าใจว่ากฎหมายจำเป็นต้องมีฉันใด ในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็ต้องมีฉันนั้น แต่ก็ต้องเข้าใจว่าถึงแม้รัฐธรรมนูญจะดีอย่างไร แต่ก็ไม่สามรถอุดช่องโหว่ได้ทุกกรณี เพราะคนฉลาดที่ตั้งใจจะโกงก็สามารถใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้นเพื่อหาประโยชน์ใส่ตัวได้ โดยไม่มีบิล ให้เช็ค หรือใบเสร็จรับเงิน

เขากล่าวต่อว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาในรอบ 30-40 ปี ก็มักจะมีข่าวมาโดยตลอดว่าคดโกงเลือกตั้งหรือซื้อเสียงมาโดยตลอด ทั้งนี้ เมื่อมีการเลือกตั้งและได้รับการเลือกตั้งมาแล้วก็ใช่ว่าจะการันตีได้ทุกครั้งไปว่ารัฐบาลที่ได้มามีความชอบธรรม เพราะความชอบธรรมขึ้นอยู่กับที่มาที่ไป เพราะฉะนั้นอย่าไปหลงที่ตัวรัฐธรรมนูญ หรือกติกาต่างๆ เพียงอย่างเดียว หรือมองแค่การเลือกตั้ง แต่ต้องมองในทุกขั้นตอนว่ามีความชอบธรรมหรือเปล่า

นายอานันท์ กล่าวต่อว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่ออุดช่องโหว่คงจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะมีความตั้งใจดี แต่ตลอด 1 ปี 5 เดือนที่ผ่านมา ก็ไม่สามารถทำให้สัมฤทธิ์ผลได้ ขณะนี้การเมืองไทยเหมือนกับย้อนกลับไป 6-7 ปี

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ส่วนใหญ่ใช้คำว่าประชาธิปไตยนี้ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง จากวิวัฒนาการนี้ ทำให้คนเชื่อว่าใช้คำว่าประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตย และประเทศคอมมิวนิสต์ ยิ่งกว่านั้นทุกคนยังใช้การเลือกตั้ง ในโซเวียต ก็มีการเลือกตั้งแล้ว สตาลิน ก็ได้ 99 เปอร์เซ็นต์ ฮิตเลอร์ ก็ผ่านการเลือกตั้ง เขาไม่เคยผ่านการทำการรัฐประหาร อาร์เจนตินา ก็มี เปรอง ที่ผ่านการเลือกตั้งมาโดยตลอด มีการลงคะแนนเสียง แต่ประเทศที่ไม่เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ก็ผ่านการเลือกตั้ง ในปากีสถาน มูชาร์ราฟ ก็อยู่ในตำแหน่งได้เป็นเวลา 7-8 ปีแล้ว มันเลยกลายเป็นเรื่องตลกที่ทุกประเทศเป็นประชาธิปไตยหมด เพราะว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่มีการพูดถึงสาระของการเลือกตั้ง ว่า การเลือกตั้งจะมีความชอบธรรมได้ก็เมื่อมีความใสสะอาด บริสุทธิ์ ยุติธรรม

นายอานันท์ กล่าวว่า ประธานาธิบดีบุช บอกว่า อิรักเป็นประชาธิปไตย เพราะมีรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นเอง แต่จริงๆ แล้ว ประเทศมหาอำนาจกำลังทุ่มเทให้กับประเทศต่างๆ ที่ให้ประโยชน์กับตนเท่านั้น ตนมีความเห็นของตะวันตกมันไร้ความหมายขึ้นทุกวัน การที่เรากังวลว่าต้องมีการเลือกตั้ง เพราะเกรงว่าจะมีการบอยคอต ผมว่าเป็นเรื่องตลก แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าเป็นคนของเขาหรือเปล่า จะเป็นรัฐประหาร หรือการเลือกตั้ง ถ้าเป็นคนของเขา เขาก็จะบอกว่าเขารับได้

นายอานันท์ กล่าวว่า ประชาธิปไตย คือ การยอมรับ และนับถือด้วยเสียงส่วนใหญ่เป็นสิ่งดี แต่มีปัญหาในการปฏิบัติ เพราะหากมีการซื้อเสียง เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีความชอบธรรม อีกประการหนึ่ง คือ หลักของการปกป้องและคุ้มกันเสียงข้างน้อย อย่างในอเมริกา หลังจากการต่อสู้ในการเลือกตั้งแล้ว เมื่อได้เป็นประธานาธิบดี บอกว่า เป็นตัวแทนของทั้งประเทศ ไม่ใช่บอกว่าตัวเองเป็นตัวแทนของ 19 ล้านเสียง แบ่งโซนสีแดง เหลือง และเขียว การจะบอกว่ารักชาติก็ต้องรักทั้งสังคม ไม่ใช่แยกว่าเป็นนายกฯ ให้กับ 19 ล้านเสียง หรือเป็นนายกฯ ของคนไทยพุทธเท่านั้น ข้อนี้ถือว่าผิด เพราะว่าเป็นรัฐบาลแล้ว จะมาแบ่งแยกคนไทยได้อย่างไร คนไทยมีสิทธิทัดเทียมกัน ทุกรัฐธรรมนูญเขียนไว้ และเป็นหัวใจของประชาธิปไตย คือ แทนเสียงของคนส่วนใหญ่แต่ต้องปกป้องเสียงส่วนน้อย

เขากล่าวต่อว่า หลังจากนี้ จะต้องคอยดูผลงานของรัฐบาลต่อไป เพราะพวกเขาเข้ามาตามครรลองของการเลือกตั้ง ส่วนจะบริสุทธิ์หรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องตรวจสอบสิ่งใดที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามครรลองจะออกหัวออกก้อยทุกคนก็ต้องยอมรับ อีกสิ่งหนึ่งประเทศไทยต้องยอมรับหลักนิติรัฐ หรือนิติธรรม ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียว และได้รับการปฏิบัติทัดเทียมกัน สังคมไทยยังเห่อเรื่องอำนาจ เพราะอยู่ในระบบอุปถัมป์มานาน

นายอานันท์ กล่าวว่า ในอนาคตจะต้องมีการตรวจสอบจากภาคประชาชน ไม่ใช่ว่า 4 ปีแล้วให้ไปออกเสียง การเมืองไทยต้องเปิดกว้างมากกว่านี้ ไม่ใช่จำกัดเพียงคนเดียว 111 คน หรือ 400-500 คน หรือเป็นญาติมิตร เป็นเมียเป็นผัวกันเท่านั้น ส่วนเรื่องการศึกษาจะสามารถแก้ปัญหาประชาธิปไตยในประเทศไทยได้ แต่เป็นห่วงว่า เราเข้าใจการศึกษาดีหรือเปล่า ถ้าเข้าใจว่าเป็นการเรียนตามวิชาต่างๆ ในห้องเรียนนั้นไม่ใช่การศึกษา แต่การศึกษาคือการเรียนรู้วิชาการ และการสร้างอุปนิสัยให้รู้ว่าอะไรชอบอะไรไม่ชอบ ให้รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ถ้าคนไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี การออกคะแนนเสียงนั้น ก็ไม่มีความหมาย คนที่แก่ความรู้แต่ไร้จริยธรรม ให้เป็นถึงดอกเตอร์ หรือยศอะไรก็ให้ความเคารพยาก

เขาเห็นว่า ตอนนี้ภาคประชาชนของเรายังไม่แข็งพอ เพราะว่าในระยะ 7-8 ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างหนักหน่วง เพราะว่ามีการปิดกั้นข่าวสารข้อมูล ในเมืองจะได้รับมากกว่าคนในชนบท ข้อมูลที่ได้รับแตกต่างกัน ก็ทำให้เกิดความแตกต่าง คนเมืองไปทาง คนชนบทไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งแต่ละฝ่ายก็ไม่ผิด แต่เป็นเพราะการได้รับข่าวสารไม่เท่าเทียมกัน เป็นเรื่องน่าอนาถใจมากที่สื่อขึ้นอยู่ภายใต้อาณัติของนักการเมือง หรือนักธุรกิจที่หวังผลกำไร จึงเป็นเหตุผลในการมีทีวีสาธารณะ เพราะถ้าข่าวสารไม่ถึงประชาชน วิจารณญาณจะผิดพลาดได้ง่าย

นายอานันท์ กล่าวต่อว่า ตนไม่เชื่อว่าต่อไปการเมืองไทยจะดิ่งลงเหว แต่เชื่อว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ไม่ใช่แก้ไขด้วยรัฐประหาร ขอให้เลิกเสียที แต่ถ้ามีระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง มีสถาบัน และค่านิยมที่เข้มแข็ง ก็จะมีกลไกของมันเองก็สามารถแก้ไขปัญหาไปได้ ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจริงจัง และจริงใจ คอร์รัปชั่นจะมีน้อย ประชาชนเหมือนบ้าน แต่เสาหลักจะต้องเข้มแข็ง ความเป็นอิสระของกระบวนการยุติธรรม อิสระของสื่อ ความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตัวเอง หรือหลักนิติธรรม ซึ่งต่างเป็นเสาหลักที่ต้องเพ่งเล็ง แต่ละคนจะต้องช่วยกันสร้างในแต่ละเสา หากพัฒนาเสาหลักเหล่านี้ประชาธิปไตยจะเดินไปได้ด้วยตัวเอง แต่การจัดตั้งสถาบันพัฒนาประชาธิปไตยก็จะกลายเป็นระบบราชการที่สร้างอาณาจักรของตัวเองอีก

ด้าน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ที่ต้องมีการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เพราะว่าการบริหารงานโดยดอกเตอร์คนหนึ่ง ที่ทำให้เกิดเงื่อนไขในการรัฐประหารขึ้น เงื่อนไขดังกล่าวได้แก่ การผูกขาดอำนาจ ใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรม แทรกแซงองค์กรอิสระ สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกละเมิดอย่างจงใจ ถ้าจำได้ ทหารไม่ได้ออกมาปฏิวัติอย่างทันใด แต่ประชาชนออกมาที่ท้องถนน มีการเสวนาตามที่ต่างๆ แต่ท่านก็หน้าด้าน ไม่ฟัง ประชาชนเรียกร้องให้ออกท่านก็ไม่ออก หลายเดือนประชาชนก็เหนื่อย ทหารก็มาให้ประชาชนพักเหนื่อยเสีย 1 ปี 5 เดือน ซึงจริงๆ แล้ว เขาก็ไม่อยากทำ แต่รัฐประหารก็เกิดขึ้นในวันที่ 19 กันยายน

เขากล่าวต่อว่า ผลงานของรัฐบาลที่แต่งตั้งหลังจากการรัฐประหาร คือ เขายายเที่ยง รัฐบาลชุดนี้คล้ายๆ กับวงดนตรีนกแล ที่มาจากเขายายเที่ยง ช่วงเวลาเหล่านี้มีเกิด สนช., คตส.และ ส.ส.ร.ครั้งนี้ ตะกวดก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้ ครั้งนี้ร่างกัน 35 คน ใช้ตาข่ายเล็กกว่าเดิมก็ไม่สามารถป้องกันได้

เขากล่าวต่อว่า ขณะนี้ถือว่าระบอบเก่ายังอยู่ เพียงแต่กวาดข้างบนออกไป ต่างคนต่างเร่งเข้าสู่การเลือกตั้ง แม้แต่รัฐบาลชุดเก่าก็เร่ง แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะยังร่างไม่เสร็จ แต่การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นบนมูลเหตุของปฏิวัติ ระบอบเก่าก็ยังอยู่ ส่วน กกต.ที่แม้จะตั้งใจดี แต่ก็รู้กลอุบายของนักการเมืองไม่ทัน ส่วน กกต.ในระดับจังหวัดเองก็เป็นคนเก่าๆ ทั้งนั้น เปลี่ยนแต่เฉพาะข้างบนห้าคน ในสำนักงานก็มีกองต่างๆ ก็เป็นเจ้าหน้าที่ชุดเก่าในสมัยสามหนาห้าห่วงยังอยู่

น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า ประชาชนคาดหวังว่า การเลือกตั้งจะได้ของใหม่ แต่เป็นของใหม่ที่ทาสี แต่ส่วนอื่นๆ ก็เป็นของเก่าทั้งนั้น ประชาชนคาดหวังว่าการเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ก็มีใบเหลืองใบแดงเท่านั้น แม้แต่คดีของท่านประธานที่เคารพก็ยังมีอยู่ การตั้งคณะกรรมการก็เป็นเพียงการถ่วงไว้

“ทุกอย่างจะย่ำที่เก่า ลองดูตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว 36 คน คนเก่าๆ หลายคน ถ้าไม่ตัวแทนผัวก็ตัวแทนเมีย ถ้าไม่ตัวแทนพ่อก็ตัวแทนลูกมา นี่คือ รัฐบาลชุดนี้” เขากล่าว และว่า ส่วนตัวนายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการ นั่นคือ ความประพฤติที่ดี วจีไพเราะ และสงเคราะห์ผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ถามว่า ผู้นำคนนี้เป็นอย่างไรคงไม่ต้องตอบ การจัดตั้ง ครม. หลายฝ่ายกำลังแจ้งความอยู่ว่าเป็นตัวแทนนอมินีถ้ามีตัวแทนก็ต้องมีตัวการ ตัวนายกฯ เองก็เคยพูดออกมาว่าเป็นนอมินีของทักษิณ การจัดตั้งรัฐบาลก็เมดอินฮ่องกง เท่าที่ตนทราบก็ต้องส่งชื่อไปให้ดูด้วยเปลี่ยนตามที่ฮ่องกงต้องการ

น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า เมื่อผลการเลือกตั้งเป็นอย่างนี้ ผิดความคาดหวังของประชาชน รัฐบาลผสมเป็นเป็นเหมือนสารผสมที่มีสารพิษเจือปนเยอะแยะ ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ร่วมกันอย่างไร หัวหน้าก็เป็นคนรักแมว จะมีนิสัยเหมือนแมวสั่งมากๆ อาจจะไม่ทำ เตะออกไปก็อาจจะยืนได้ แนวโน้มของเหตุการณ์ไม่ปกติ และไม่มีความสุขทั้งข้างในข้างนอก ก็คงอยู่กันไปไม่นาน ไม่ว่าข้างในหรือข้างนอก นอกจากนี้ ยังมีคดีของพรรคของนักการเมือง หรือคดีของหัวหน้าแถวที่กลัวรถขยะและรถดับเพลิง

อดีตประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวอีกว่า ผู้เข้ามาบริหารบ้านเมืองเองก็จะต้องไม่สร้างเงื่อนไขในการปฏิวัติอีก ตนเห็นด้วยว่า ภาคประชาชนจะต้องเข้มแข็ง ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลเงาแล้ว ทำไมเราจึงไม่มีสภาประชาชนของเราเองหาองค์กรที่เข้มแข้งแล้วมาร่วมมือกัน ขณะนี้มีองค์กรประชาธิปไตยที่มีมวลชนและเป้าหมายของตนแล้วมาร่วมกัน ทำให้เป็นจริงเป็นจัง แล้วเลือกผู้แทนขึ้นมาเป็นรัฐบาลเงาแข่งกับประชาธิปัตย์อีกที การตรวจสอบก็จะไปพร้อมกันระหว่างภาคการเมืองและภาคประชาชน เวลากำลังมีน้อย เพราะว่าเงื่อนไขทั้งภายในและภายนอกกำลังนำไปสู่ความขัดแย้งภายในพรรคบางพรรคตนจึงอยากเสนอให้มีการจัดตั้งสมัชชาประชาชนขึ้นมาจากความร่วมมือขององค์กรต่างๆ

พล.อ.สายหยุด กล่าวในวงเสวนา ว่า การรัฐประหารเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาลให้ดีขึ้นและลงโทษคนที่ผิดจากการทุจริต บทเรียนที่ได้รับ คือ การทหารที่ไปยุ่งกับการเมืองก็จะเสีย สิ่งที่เราต้องการ คือ รัฐบาลที่เข้มแข็งอยู่นาน แต่ก็สามารถตรวจสอบได้ส่วนการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ต้องประกอบด้วย คณะกรรมการเลือกตั้งที่ยุติธรรม มีองค์กรเอกชนที่เข้ามาตรวจสอบ และมีผู้แทนของพรรคการเมืองอยู่ในหน่วยเลือกตั้ง แต่ท้ายที่สุดอำนาจในการจัดการเลือกตั้งก็ไม่ต่างกับที่กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้ง

พล.อ.สายหยุด เสนอว่า แก้กฎหมายพรรคการเมือง ว่า ให้ระบุชัดเจนว่าการเมืองคืออะไร แยกแยะแบ่งเป็นภาคการเมือง กับภาคพลเมือง นอกจากนี้ อยากให้เปิดคณะในสถาบันการศึกษาให้มีการเมืองภาคพลเมืองให้ชัดเจน เพราะที่ผ่านมามักจะสอนการเมืองของนักการเมืองเท่านั้น แต่ตอนนี้เรามีอาชีพนักการเมืองทีต้องการเข้ามาหากำไร ซึ่งตนเห็นว่าเป็นปัญหาของระบบการเมืองในปัจจุบัน

นายปราโมทย์ กล่าวว่า การปฏิวัติน่าจะต้องปฏิวัติให้เป็น ทำอะไรก็เหลวหมด และทิ้งอะไรให้ลูกหลานแบกรับ ตนไม่เห็นด้วยรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติ แต่ก็เป็นสิทธิของประชาชนที่จะโค่นล้มรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม แต่จะต้องดีโพลิติไซต์และต้องให้ความรู้กับกองทัพ เรื่องการมีส่วนร่วม ส่วนนักการเมืองจะต้องเป็นมืออาชีพที่มีชั่วโมงบิน มีความรับผิดชอบ มีพรรคที่ถูกต้อง มีโครงการหนุนช่วยการเลือกตั้ง ไม่ใช่ให้ขึ้นอยู่กับนายทุนที่ชอบเลี้ยงนักการเมือง ที่เอาการเมืองเป็นอาชีพบังหน้า เพื่อหากินสร้างอิทธิพล เราหลงว่าพรรคการเมืองเป็นเครื่องมือของประชาธิปไตย และหลงว่า ส.ส.จะต้องสังกัดพรรคการเมือง และเชื่อกันว่า การเลือกตั้งหมายถึงการเป็นประชาธิปไตย

นายปราโมทย์ กล่าวว่า ความหวังของการเมืองไทยสิ้นสุดหลังจากการรัฐประหารปี 2490 ซึ่งเขียนรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า นักการเมืองจะต้องสังกัดพรรคการเมือง เป็นการปิดหนทางให้การเมืองรอดพ้นจากอำนาจของผู้ที่มีเงิน การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งปลอมๆ ประชาชนมองไม่เห็นว่าแท้จริงแล้วเป็นกระบวนการต่อเนื่องการยุบสภาในเดือน ก.พ.2549 ในขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็เปิดโอกาสให้ชนชั้นนำเข้าไปผูกขาดอำนาจเหมือนเดิม เวลานี้ต้องยอมรับว่าสังคมไทยไม่ได้เป็นสังคมที่มีกฎหมายเป็นใหญ่ การเลือกตั้งเป็นเพียงการฟอกตัวเองของ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น

ด้าน นายวุฒิสาร กล่าวว่า โครงสร้างที่เขียนในรัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ไขพฤติกรรมทางการเมืองเปรียบเสมือนวงกลมสามวงที่ซ้อนกัน วงในสุดหมายถึงผู้เล่นหลักในการเมือง ซึ่งเป็นนักการเมือง พรรคการเมือง ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงไปเยอะรัฐธรรมนูญ ระบุว่า พรรคการเมืองจะต้องส่งคนลงสมัคร ซึ่งเป็นความพยายามเพื่อให้เป็นสถาบันหล่อหลอมนักการเมือง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้เพราะปัญหาส่วนใหญ่เป็นปัญหาของวัฒนธรรมทางการเมือง

เขากล่าวต่อว่า ส่วนวงที่สอง คือ การตรวจสอบอำนาจ การกำหนดให้องค์กรอิสระมีบทบาทชัดเจนขึ้น และวงที่สาม ที่เปิดพื้นที่ให้กับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เช่น การถอดถอน การทำประชามติ เป็นต้น แม้หลายคนจะคิดว่าการเมืองไม่เปลี่ยนแปลง แต่เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ภาคประชาสังคม องค์กรตรวจสอบ ประชาชนก็ได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้น

นายณรงค์ กล่าวว่า การเลือกตั้งสามารถเลือกเผด็จการเข้ามาได้ วันนี้คนไทยยังเข้าใจผิดว่าการเลือกตั้งเท่านั้นที่เป็นประชาธิปไตย แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนหีบบัตร โกงการเลือกตั้งก็ได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เผด็จการทีมาจากพลเรือนโหดเหี้ยมยิ่งกว่าในประวัติศาสตร์ รัฐธรรมนูญไม่สามารถเปลี่ยนประเทศให้เผด็จการเป็นประชาธิปไตยได้ ไม่อย่างนั้นเราก็เอารัฐธรรมนูญของประเทประชาธิปไตยมาใช้แต่มันไม่สามารถทำได้ แต่ต้องเกิดขึ้นในจิตใจของประชาชนในประเทศนั้นๆความเชื่อว่าประชาชนนั้นดีพอที่จะปกครองตนเอง ต้องเชื่ออย่างนี้ถึงจะเป็นประชาธิปไตย
กำลังโหลดความคิดเห็น