ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - สมัชชา ปชช.ภาคอีสานฯ แฉทุจริตเลือกตั้ง ส.ส.ชัยภูมิ เปิดภาพถ่าย “เจริญ จรรย์โกมล” ว่าที่ ส.ส.เขต 1 พรรค “พลังแม้ว” แจกสิ่งของโจ๋งครึ่มเตรียมส่งกกต.กลางเชือดให้ใบเหลือง-แดง พร้อมพบข้อหลักฐานพรรคการเมืองไม่มีสมาชิกแต่ส่งผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ ขณะที่ 3 พรรคดัง พปช.-รวมใจไทยฯ-ประชาราช พบสมาชิกพรรค พุ่งพรวดผิดปกติเชื่อผิด กม.พรรคการเมือง เผยยื่นให้กกต.กลางพิจารณาสอบสวนเพิ่มเติมหากผิดถึงขั้นยุบพรรค
วันนี้ (4 ม.ค.) ที่ศูนย์ข้อมูลท้องถิ่นเพื่อการพัฒนา อาคาร 5 มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา สมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด นำโดย ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนฯ, นายนพสณฑ์ เสฎฐรังสี แกนนำสมัชชาประชาชนภาคอีสาน จ.ชัยภูมิ ได้ร่วมกันแถลงข่าว เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และเรื่องการเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยุบพรรคการเมืองที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.พรรคการเมือง
นายนพสณฑ์ เสฎฐรังสี แกนนำสมัชชาประชาชนภาคอีสาน จังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า สมัชชาประชาชนภาคอีสาน จ.ชัยภูมิ มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.ชัยภูมิ โดยหลังมีการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2549 ผ่านไปแล้ว ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2550 มีผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้ง ที่ 1 จ.ชัยภูมิ พรรคพลังประชาชน (พปช.) คือ นายเจริญ จรรย์โกมล ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 13 ซึ่งได้รับการเลือกตั้งมีคะแนนมาเป็นอันดับ 1 จำนวน 95,593 คะแนน ได้เดินทางไปเป็นประธานในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2549 ที่ สหกรณ์การเกษตรภูเขียว จำกัด อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ และได้ทำการแจกเงิน แจกสิ่งของ ให้แก่ผู้มาร่วมการประชุมฯ ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างชัดเจน
“เรื่องนี้ทางสมัชชาประชาชนฯ มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายจำนวน 3 แผ่น ซึ่งเป็นภาพขณะที่ นายเจริญ กำลังยืนแจกสิ่งของให้กับชาวบ้าน และนั่งเป็นประธานในที่ประชุมดังกล่าว” นายนพสณฑ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะแถลงข่าวอยู่นั้นนายนพสณฑ์ ได้นำภาพถ่ายขึ้นมาแสดงให้ผู้สื่อข่าวได้บันทึกภาพพร้อมมอบภาพถ่ายทั้งหมดให้กับผู้สื่อข่าวทุกคนด้วย ซึ่งหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมดทางสมัชชาประชาชนฯ จะส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล และ กกต.กลาง ดำเนินการพิจารณาเอาผิดหรือให้ใบเหลืองใบแดง ต่อไป ซึ่งล่าสุดสำหรับนายเจริญ จรรย์โกมล กกต. กลางยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแต่อย่างใด
ด้าน ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด เปิดเผยว่า ข้อมูลของ กกต. ณ วันที่ 25 ธ.ค. 2550 เกี่ยวกับสถานะข้อมูลสมาชิกพรรคการเมือง ปรากฏว่า ในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นวันหลังการประกาศ กฤษฏีกา เลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป และได้มีการเปิดสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว แต่มีหลายพรรคการเมืองที่ไม่มีสมาชิกพรรคเลยจำนวนหลายพรรคการเมือง และในจำนวนสมาชิกบางพรรคปรากฏว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกต
เช่น พรรคพลังประชาชน (พปช.) จำนวนสมาชิก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2549 มีจำนวนทั้งหมด 7,840 คน แต่เมื่อมีการซื้อพรรคใหม่โดยกลุ่มไทยรักไทยเดิมข้อมูลที่นำมาลงฐานมีสมาชิกพรรคทั้งหมด 346 คน ต่อมาข้อมูลในเวลาใกล้เคียงกันตัวเลขสมาชิกพรรคของ พปช.มีมากกว่า 3.4 หมื่นคน เป็นที่ผิดสังเกตอย่างมาก จึงทำให้พวกเราตั้งข้อสังเกตว่ามีการยกเอาจำนวนสมาชิกของพรรค ทรท.เดิมเข้ามาทั้งชุด เพื่อนำมาลงเป็นสมาชิกของ พปช.เลยหรือไม่ ซึ่งตรงนี้เป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง ประกอบรัฐธรรมนูญ
โดยกฎหมายพรรคการเมือง ดังกล่าว ระบุว่า ผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองจะต้องลงลายมือชื่อ จะต้องมีรูปถ่าย แต่การยกเอาจำนวนสมาชิกมาทั้งหมดมาโดยไม่ได้ผ่านขั้นตอนดังกล่าวเป็นการหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งอาจจะนำไปสู่การวินิจฉัยความผิดของพรรคการเมือง โทษหนักที่สุดคือยุบพรรค เหมือนเช่นประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับ นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ที่มีการปลอมแปลงลายมือชื่อเกิดขึ้น
ทพ.ศุภผล กล่าวต่อว่า เช่นเดียวกับพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา (รช.) ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธ.ค. 2550 ไม่มีสมาชิกของพรรคการเมืองเลย แต่หลังจากนั้นก็มีตัวเลขโผล่ขึ้นมา 415 คน ดังนั้นเป็นที่น่าแปลกใจว่า รช.ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง 480 คนทั่วประเทศได้อย่างไร หรือแม้กระทั่งพรรคประชาราช (ป.ช.ร.) ก็มีจำนวนสมาชิก 0 คน ณ วันที่ 25 ธ.ค.2550 แต่ก็สามารถส่งผู้สมัคร ส.ส.ได้ทั่วประเทศเช่นกัน
“เรื่องทั้งหมดจะส่งไปยัง กกต.กลางพิจารณา ถ้าเรื่องนี้มีการสอบสวนภายในเพิ่มเติมและมีความผิดจริงถึงขั้นยุบพรรคการเมืองเหล่านี้ได้เลย” ทพ.ศุภผล กล่าว