“ปธ.กกต.” พร้อมชงความเห็นยุบพรรคเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนเสนอที่ประชุมลงมติ 2 เม.ย. แย้มเป็นเรื่องคดีขึ้นสู่ศาลพิสูจน์ความจริง ปฏิเสธข้อกล่าวหาฮั้วพิมพ์บัตรเลือกตั้ง เชื่อไม่กระทบการพิจารณาคดี พปช.
วันนี้ (28 มี.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงคดียุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตยว่า ตามมติของ กกต.ครั้งที่แล้ว และกฎหมายพรรคการเมืองระบุว่าภายหลังจากที่คณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.สรุปความเห็นมาแล้ว ตนในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องทำความเห็นว่าควรจะเสนอยุบพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่เสียก่อน แล้วจึงนำความเห็นดังกล่าวเข้าเสนอเพื่อให้ที่ประชุม กกต.มีมติ ทั้งนี้ เบื้องต้นน่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ในวันที่ 2 เม.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งตนจะพยายามทำความเห็นให้ทันในวันดังกล่าว แต่หากไม่ทันก็ต้องเลื่อนออกไป อย่างไรก็ตาม ยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะตัดสินใจอย่างไร
“เรื่องนี้สังคมคงเข้าใจ และเห็นความจำเป็น ถ้าส่งก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย หากส่งไปที่ศาลก็จะเป็นเรื่องดี เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาล และศาลก็จะให้ความเป็นธรรมได้มากที่สุด” ประธาน กกต.กล่าว
นายอภิชาต กล่าวถึงกรณี พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ เข้าร้องเรียนต่อกรมสวบสวนคดีพิเศษ (DSI) ว่า กกต.ฮั้วพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส. และพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวนว่า การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง กกต.ต้องระมัดระวังอยู่แล้ว และเราทำทุกอย่างด้วยความสุจริต โปร่งใส และในการประชุม กกต.ก็ได้หารือปรับจุดบกพร่องในการพิมพ์บัตรหลายครั้ง ทั้งนี้ตนก็ดีใจที่ดีเอสไอจะเข้ามาตรวจสอบ เพราะในขั้นตอนการพิมพ์บัตรอาจมีคนไม่ดีเข้ามาปะปน ซึ่งหากมีการพิมพ์บัตรเกินก็ต้องหาตัวผู้กระทำผิดให้ได้ เพราะในส่วนของ กกต.มีหน้าที่แค่ควบคุมให้การพิมพ์บัตรเป็นไปด้วยความสุจริตเท่านั้น
นายอภิชาต กล่าวต่อว่า ข่าวเช่นนี้สร้างความเสียหายต่อ กกต. และอยากให้เห็นใจ กกต.เพราะเราทำงานอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบต่อการพิจารณาคดีของพรรคพลังประชาชน เพราะเราทุกคนเป็นผู้ใหญ่มีประสบการณ์ในการตัดสินใจ และการพิจารณาทุกเรื่อง กกต.ก็เร่งดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ได้ประวิงเวลา
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องต่อดีเอสไอว่า กกต.ทุจริตการพิมพ์บัตรเลือกตั้งว่า ต้องขอขอบคุณที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ เพราะจะเป็นโอกาสให้ กกต.ได้บอกความจริงกับประชาชนว่า กกต.ได้เข้มงวดเรื่องบัตรเลือกตั้งมากแค่ไหน เพราะขั้นตอนของการพิมพ์บัตรเลือกตั้งนั้น กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายชุด เช่น คณะกรรมการกำหนดราคากลาง เพื่อไม่ให้การจัดซื้อจัดจ้างเกินกว่าราคาที่กำหนดไว้ รวมถึงได้ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา ซึ่งมาจากธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อให้เกิดความโปร่งใสด้วย
“กกต.ไม่ได้ไว้ใจ บุคคลากรของ กกต.ทุกคน ดังนั้น จึงได้ตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความรัดกุม ส่วนเรื่องที่บอกว่า กกต.พิมพ์บัตรเพื่อเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมือง และมีการลดสเป๊คของบัตรเลือกตั้งนั้น ผมมีเอกสารชัดเจนว่าข้อเท็ตจจริงเป็นอย่างไร รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้าง การฮั้ว กกต.ก็ได้มีการตรวจสอบ โดยเชิญผู้แทนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมาควบคุมด้วย อีกทั้งในขั้นตอนการพิมพ์บัตรก็มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุม และมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพซึ่งจะเก็บภาพไว้เป็นเวลา 1 ปี นอกจากนี้ ทางสื่อมวลชนก็ยังมีการนำเสนอข่าวเรื่องการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง” นายสุทธิพล กล่าว
นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องที่ กกต.พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินนั้น เป็นเพราะการเลือกตั้งล่วงหน้าในเขต และนอกเขตจังหวัด ได้มีประชาชนมาลงคะแนนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกรงว่าบัตรเลือกตั้งจะมีไม่พอ ดังนั้น ตนจึงได้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม กกต. ซึ่งที่ประชุมก็อนุมัติให้พิมพ์บัตรเลือกตั้งเพิ่มได้ เพราะถ้ามีบัตรเลือกตั้งไม่พอจะทำให้เกิดความเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าประเทศไทยควรเปลี่ยนมิติของการเลือกตั้งใหม่ โดยเปลี่ยนรูปแบบในการลงคะแนนจากการใช้บัตรเลือกตั้งเป็นการลงคะแนนแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดปัญหาในเรื่องของบัตรเลือกตั้ง
