ปธ.กกต.เสนอ อนุฯ สอบทุจริต “ยงยุทธ” ตัดพยานไม่สำคัญออก มั่นใจเร่งพิจารณา 21 สำนวน ส.ส.ค้างเสร็จสิ้นภายใน ก.พ.นี้ ชี้หากพบมีมูลส่งศาลฎีกาพิจารณาสอยภายหลัง
วันนี้ (5 ก.พ.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.กล่าวถึงกรณีที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ขอเพิ่มเติมพยานในการสอบสวนการทุจริตการเลือกตั้งที่ จ.เชียงราย จำนวน 10 คน ว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน คณะที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน เนื่องจาก กกต.ได้มอบหมายให้แล้ว ดังนั้น เรื่องนี้จึงขึ้นอยู่กับว่า คณะอนุกรรมการจะพิจารณาอย่างไร ทั้งนี้ หากผู้ถูกร้องขอพยานเพิ่มเติมเข้ามามาก แต่คณะกรรมการฯพิจารณาแล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับสำนวนที่กำลังสืบสวนสอบสวนอยู่ ก็อาจจะตัดพยานบางปากออกไป ไม่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมก็ได้ ส่วนการส่งวีซีดีหลักฐานประกอบสำนวน นายยงยุทธ ให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบนั้น ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวพิจารณาเช่นเดียวกัน
“ที่ผ่านมานั้น ผมยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ เคยให้สัมภาษณ์ว่า กกต.สามารถตัดสินใจเรื่องการส่งวีซีดีไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณา แต่เมื่อเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม กกต.แล้ว กกต.มีความเห็นว่า สมควรส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการพิจารณา เนื่องจากคณะอนุกรรมการได้สอบสวนสำนวนนี้อยู่แล้ว การมอบหมายเรื่องนี้เพิ่มเติมเข้าไปอีก คณะอนุกรรมการก็น่าจะสามารถตัดสินใจได้ โดยคณะอนุกรรมการสามารถตัดสินใจว่า จะส่งวีซีดีไปยังกองพิสูจน์หลักฐานหรือไม่ได้เอง โดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของ กกต.อีกครั้ง”
ส่วนการพิจารณาสำนวนที่เหลืออีก 21 สำนวน ของ ส.ส.ที่ก่อนหน้านี้ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อนหน้านี้นั้น ขณะนี้ กกต.ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวน กกต.และ กกต.จังหวัด ไปดำเนินการสืบสวนสอบสวน พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ทั้งนี้ หาก สอบสวนเสร็จก็จะส่งมาให้ กกต.พิจารณาทันที ทั้งนี้ เชื่อว่า สำนวนที่เหลือนั้น กกต.จะสามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.พ.นี้ ซึ่งตนยืนยันว่า ขณะนี้ กกต.ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการสอบสวนสำนวนแต่อย่างใด และหากพิจารณาแล้วพบว่าสำนวนไหนมีมูลก็ความผิด กกต.ก็จะส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาพิจารณาใบเหลืองแดงต่อไป
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กกต.ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องการยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยแต่อย่างใด ส่วนเรื่องสำนวนร้องคัดค้านจำนวน 21 เรื่องนั้น ได้เร่งให้ทุกฝ่าย เช่น สันติบาล และกกต.จังหวัด พิจารณาให้เสร็จอย่างรวดเร็ว โดยการประชุมช่วงบ่ายทางสันติบาลจะเสนอสำนวนเข้ามา 2 เรื่อง แต่ไม่ทราบว่า เป็นสำนวนของจังหวัดอะไร อย่างไรก็ตาม สำนวนร้องคัดค้านไม่ได้มีแค่ 21 เรื่อง แต่มีมากกว่านั้น เพราะว่า กกต.เปิดโอกาสให้ร้องคัดค้านได้ถึงวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจำไม่ได้ว่า มีจำนวนทั้งหมดกี่สำนวน ทั้งนี้ กกต.ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าของสำนวนใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงบางสำนวนที่ขอเลื่อนเวลาการสอบสวนออกไปอีก 7 วัน หรือ 10 วัน
นายสุเมธ ยังกล่าวถึงการสอบสวนสำนวนร้องคัดค้านการทุจริตการเลือกตั้ง จ.เชียงราย ของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่า เท่าที่ตนทราบ นายยงยุทธ ได้มาให้ปากคำเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่วนความคืบหน้า ในการสืบสวนนั้น ต้องไปถามจากคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ที่มีนายสุวิทย์ ธีรพงษ์ เป็นประธาน โดยหากคณะอนุฯ สอบเสร็จแล้ว ก็อาจเข้าที่ประชุม กกต.ได้ในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ คณะอนุฯ ยังไม่ได้รายงาน กกต.ว่า การสอบสวนมีปัญหาอะไรหรือไม่ แต่ล่าสุด คณะอนุฯ ได้ขอเลื่อนเวลาการทำงานเพิ่มอีก 7 วัน หรือ 10 วัน
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ กกต.อาจจะมีมติยกคำร้องสำนวน นายยงยุทธ นายสุเมธ กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นใบขาว ใบเหลือง หรือ ใบแดง ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่าสำนวนนายยงยุทธอาจจะหลุดนั้น เรื่องนี้ก็แล้วแต่พยานและหลักฐาน และ กกต.จะนำความเห็นของคณะอนุฯ มาประกอบการพิจารณา โดย กกต.จะเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องนี้