กกต.“สดศรี” ย้ำพิจารณาสำนวนทุจริต “ยุทธ ตู้เย็น” โดยไม่สนใจว่าเป็น “ทั่นประธาน” หรือไม่ ถ้าพบว่าผิดและเชื่อมโยงไปถึงพรรคก็ยุบ ขณะเดียวกันเตรียมชี้ขาดสถานะ "ประชัย" เร็วๆนี้
วันนี้ (22 ม.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ว่าเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่คณะกรรมการด้านกิจการพรรคการเมืองและการอกเสียงประชามติ ที่จะต้องมีการสืบสวนสอบสวน เพราะกรรมการบริหารพรรคของทั้งสองพรรค ต่างก็ถูก กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งตามกฎหมายหากกรรมการบริหารพรรคกระทำทุจริตการเลือกตั้ง จะต้องถูกสั่งยุบพรรค แต่ก่อนจะถึงขั้นตอนการยุบพรรค จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ากรรมการบริหาพรรคคนดังกล่าว มีพฤติกรรมเชื่อมโยงต่อการทำผิดหรือไม่ เกี่ยวข้องและทำเพื่อพรรคหรือไม่
นางสดศรี คาดว่าในเร็วๆ นี้จะได้ข้อสรุปชัดเจน เช่นเดียวกับกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่วันนี้ที่ประชุม กกต.ได้รับทราบถึงการลาออกจากกรรมการบริหารพรรคของนายยงยุทธ เพื่อไปดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ส่วนขั้นตอนการสืบสวนฯเรื่องการทุจริตเลือกตั้งของนายยงยุทธ กกต.ก็จะเดินหน้าสืบสวนต่อไป ยืนยันว่าไม่มีความกดดัน ไม่ว่านายยงยุทธ จะอยู่ในตำแหน่งใด หากตรวจสอบพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังนั้น กกต.จะพิจารณาไปตามข้อเท็จจริงไม่ได้คำนึงถึงตำแหน่งทางการเมือง
นางสดศรี ยังกล่าวถึงสถานภาพหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยของ นายประชัย เลี่ยวไพรัช ว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนระหว่างการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งต้องมีการเชิญผู้ที่อยู่ในระหว่างการประชุมมาชี้แจงว่านายประชัยได้ประกาศลาออกจริงหรือไม่ เพราะมีการโต้เถียงกันใน ภายในและนายประชัยยืนยันว่าไม่ได้ลาออก กกต.ต้องดูข้อมูล พยานหลักฐาน โดยเฉพาะเอกสารการลาออกของนายประชัย เพราะที่ส่งมา กกต.เป็นสำเนา จึงต้องประสานขอเอกสารต้นฉบับจริง
“เมื่อเราสอบถามข้อเอกสารต้นฉบับ ได้รับการยืนยันจากนายประชัยว่า เอกสารต้นฉบับได้ทำลายทิ้งไปแล้ว แต่ทางกรรมการบริหารพรรคมัชฌิมาธิปไตยยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวไม่ได้ถูกทำลาย จึงต้องมีการสอบทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารเพื่อนำมาประกอบการพิจารณา เชื่อว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า ดังนั้นขณะนี้สถานภาพของนายประชัยยังคงเป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยอยู่”
ส่วนกรณีที่พรรคมัชฌิมาธิปไตยไปร่วมรัฐบาลโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของนายประชัยนั้น นางสดศรีกล่าวว่าเรื่องนี้ต้องไปดูข้อบังคับพรรค ระเบียบของพรรคว่าเขียนว่าอย่างไร ทั้งนี้กฎหมายให้เอกสิทธิ์กับ ส.ส.ในการใช้วิจารณญาณเอง ประกอบกับเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลไม่เกี่ยวกับ กกต. ดังนั้น กกต.จะไม่วินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ กกต.ผู้นี้ยังเป็นประธานการประชุมระหว่างสำนักงาน กกต.กับผู้บริหารสถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีวิทยุโทรทัศน์ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรการออกอากาศ ให้พรรคการเมืองที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้แถลงผลงาน ภายหลังการประชุมนางสดศรีกล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 79 กกต.ต้องจัดสรรเวลาให้กับพรรคที่มี ส.ส.ในสภาฯ ได้แถลงผลงานให้ประชาชนได้รับทราบผ่านทางโทรทัศน์และวิทยุ ซึ่งวันนี้ได้ข้อสรุปว่าพรรคที่มี ส.ส.ต่ำว่า 50 คน จะได้รับการจัดสรรเวลาในการแถลงผลงาน 15 นาที ส่วนพรรคที่มี ส.ส.เกินกว่า 100 คน จะได้รับการจัดสรรเวลา 30 นาที
ส่วนช่วงการออกอากาศนั้นจะมีสองช่วง คือ ช่วงแรกระหว่างวันที่ 20 พ.ค. ถึง 20 มิ.ย. ส่วนช่วงที่สองระหว่างวันที่ 15 ก.ย.ถึง 15 ต.ค. สำหรับช่วงเวลาในการออกอากาศทางโทรทัศน์ ระหว่างเวลา 17.00 น. ถึง 22.00 น ส่วนวิทยุอยู่ระหว่าง 8.00 น. ถึง 22.00 น
/0110
